หน้าแรก ไลฟ์สไตล์ 10 อันดับ เรือดำน้ำที่อันตรายที่สุดในโลก

10 อันดับ เรือดำน้ำที่อันตรายที่สุดในโลก

3150

กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจกันไปทั้งประเทศกับข่าวการพูดคุยเรื่องการดีลราคาเรือดำน้ำระหว่าง ไทย – จีน ไพรซ์ซ่าจึงขอยกประเด็นนี้มาเปรียบเทียบราคาเรือดำน้ำกันซักหน่อย กับ 10 อันดับ เรือดำน้ำที่อันตรายที่สุดในโลก ไปดูกันครับว่ามีลำไหนน่าสนใจและราคาคิดเป็นเงินไทยจะเยอะขนาดไหนไปติดตามกันเลยครับ

S26T Yuan Class

10. S26T Yuan Class ประเทศไทย
เรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าคลาส “หยวน” ที่ทางรัฐบาลไทยกำลังจะจบการซื้อขายกับทางประเทศจีน เป็นเรือดำน้ำยุคใหม่ทันสมัยที่จีนสร้างเองมากับมือ โดดเด่นด้วยระบบ AIP (Air Independent Propulsion) ช่วยให้ปฏิบัติการอยู่ใต้น้ำได้นานถึง 21 วัน โดยไม่ต้องโผล่ขึ้นมารับออกซิเจนธรรมชาติเหนือน่านน้ำ ความเร็วสูงสุด 20 น๊อต ติดตั้งจรวดต่อต้านเรือผิวน้ำและบนพื้นดินแบบ YJ-8X

ราคา 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 12,000 ล้านบาท

Los Angeles Class

9. Los Angeles Class ประเทศสหรัฐอเมริกา
เรือดำน้ำแบบไล่ล่าที่เรียกว่าเป็นทัพหน้าของกองทัพเรือสหรัฐเลยทีเดียว ในปัจจุบันยังมีเรือดำน้ำคลาส “Los Angeles” ประจำการอยู่ถึง 44 ลำ จากที่เคยผลิตทั้งหมด 62 ลำ ความเร็วสูงสุดขณะดำอยู่ที่ 33 น๊อต ส่วนความเร็วสูงสุดขณะอยู่บนผิวน้ำอยู่ที่ 20 น๊อต ติดตั้งจรวดขีปนาวุธโทมาฮอว์ค, จรวดฮาร์พูนสำหรับการตอบโต้บนผิวน้ำ, ทุ่นระเบิดแบบ Mk67s และ Mk60

ราคาเมื่อปี 1990 อยู่ที่ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,447 ล้านบาท

Rubis Class

8. Rubis Class ประเทศฝรั่งเศส
เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ เจนเนอเรชั่นแรกของประเทศฝรั่งเศส มีเพียงแค่ 6 ลำในโลกเท่านั้น ซึ่งความเร็วสูงสุดของมันในขณะดำน้ำอยู่ที่ 25 น๊อต ติดตั้งจรวดตอร์ปิโดต่อต้านเรือดำน้ำโดยเฉพาะ พร้อมจรวดมิสไซล์ Exocet สำหรับการตอบโต้บนผิวน้ำ รองรับการใช้งานได้นาน 25 ปีโดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง

ราคาไม่ได้รับการเปิดเผย

Victor III Class

7. Victor III Class ประเทศรัซเซีย
เรือดำน้ำคลาส “Victor III” ถูกสร้างตั้งแต่สมัยรัซเซียยังเป็นสหภาพโซเวียต ณ เวลานี้เหลือประจำการอยู่เพียง 4 ลำเท่านั้น ความเร็วสูงสุดของมันอยู่ที่ 32 น๊อต สามารถปฏิบัติการใต้ผิวน้ำได้นานถึง 80 วัน อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้นาน 30 ปีโดยที่ไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง ติดตั้งมิสไซล์แบบ “Starfish” 2 ลูก จรวดตอร์ปิโดต่อต้านเรือดำน้ำ 18 ลูก ถูกสร้างมาเพื่อป้องกันโซเวียตจากการโจมตีของเรือดำน้ำฝ่ายศัตรูโดยเฉพาะ

ราคาไม่ได้รับการเปิดเผย

Trafalgar Class Submarine

6. Trafalgar Class ประเทศสหราชอาณาจักร
ในปัจจุบันเหลือประจำการอยู่เพียงแค่ 6 ลำเท่านั้น ความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ 30 น๊อต ดำน้ำได้นาน 90 วัน พกพาขีปนาวุธหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น จรวดโทมาฮอว์ค, สเปียรฟิชตอร์ปิโด  พร้อมติดตั้งระบบโซนาร์ 2076 ตรวจจับความเคลื่อนไหว ซึ่งเรือดำน้ำคลาสนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของกองทัพเรือของสหราชอาณาจักร ก่อนจะปรับเปลี่ยนไปใช้คลาส “Astute” ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยกว่า

ราคา 200 ล้านยูโร หรือประมาณ 7,495 ล้านบาท

 

Type 093 Shang Class

5. Type 093 Shang Class ประเทศจีน
มีเพียงแค่ 3 ลำเท่านั้นที่กำลังปฏิบัติการอยู่ แต่กองทัพเรือจีนมีแผนการจะนำเข้าประจำการในน่านน้ำทั้งหมด 5 ลำ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 35 น๊อตขณะดำน้ำ รองรับการปฏิบัติการใต้น้ำได้นาน 80 วัน หรือนานจนกว่าอากาศและอาหารจะหมด ติดขีปนาวุธมิสไซล์แบบ YJ-82 พร้อมท่อบรรจุตอร์ปิโดอีก 6 ท่อ

ราคาไม่ได้รับการเปิดเผย

Astute Class Submarine

4. Astute Class สหราชอาณาจักร
เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังมากที่สุดของทัพเรือสหราชอาณาจักร พรั่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ สามารถพกพาจรวดตอร์ปิโดได้มากถึง 38 ลูก แต่อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ยังมีประจำการอยู่เพียงแค่ 1 ลำ และมีแผนจะนำเข้าประจำการอีก 6 ลำ ปฏิบัติการใต้น้ำได้นาน 90 วัน ติดตั้งจรวดมิสไซล์แบบโทมาฮอว์ค และจรวดฮาร์พูน

ราคา 1,160 ล้านยูโร หรือประมาณ 43,475 ล้านบาท

 

Seawolf Class Submarine

3. Seawolf Class ประเทศสหรัฐอเมริกา
เปรียบเสมือนเรือดำน้ำคลาส Los Angeles รุ่นปรับปรุงใหม่ แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัดมันจึงสร้างได้เพียงแค่ 3 ลำเท่านั้น ความเร็วท๊อปสปีดของมันอยู่ที่ 35 น๊อตขณะดำน้ำ และ 18 น๊อตเมื่ออยู่บนผิวน้ำ ติดตั้งท่อบรรจุตอร์ปิโด 8 ท่อ รองรับจรวดได้ถึง 50 ลูก หรือถ้าเลือกบรรจุทุ่นระเบิดก็สามารถเก็บได้ถึง 100 ลูกเลยทีเดียว

ราคา 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 118,564 ล้านบาท

 

Akula II Class

2. Akula II Class ประเทศรัซเซีย
สหภาพโซเวียตสร้างเรือดำน้ำคลาส “Akula II” เป็นจำนวน 15 ลำ แต่ปัจจุบันใช้ประจำการอยู่เพียง 9 ลำ ซึ่งเรือดำน้ำรุ่นนี้ติดตั้งระบบเก็บเสียงที่สุดยอด มันจึงสร้างความกังวลใจให้กับกองทัพสหรัฐเป็นอย่างมาก สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 33 น๊อตขณะดำน้ำ และสามารถดำน้ำได้นานถึง 100 วัน หรือนานจนกว่าอากาศและอาหารจะไม่เพียงพอ ติดตั้งตอร์ปิโดหรือมิสไซล์นำวิถีได้มากถึง 40 ลูก

ราคาเมื่อปี 1995 อยู่ที่ 1,550 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 52,500 ล้านบาท

 

Virginia Class

1. Virginia Class (SSN-774) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ถูกสร้างมาเพื่อแทนที่คลาส “Los Angeles” โดยเฉพาะ ติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยแบบเต็มลำ ไม่ว่าจะเสากระโดงเรือที่ติดกล้องความละเอียดสูง, ระบบไฟส่องสว่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงระบบวัดระยะด้วยเซ็นเซอร์แบบอินฟราเรด ณ เวลานี้ถูกส่งมาประจำการ 7 ลำ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 25 น๊อต สามารถดำน้ำได้แบบไม่จำกัด ไม่เพียงเท่านั้น มันยังติดตั้งเครื่องยิงจรวดแบบแนวตั้งที่รองรับจรวดมิสไซล์โทมาฮอว์คมากถึง 109 ลูก พร้อมท่อบรรจุตอร์ปิโด MK48 อีก 4 ท่อ ครบเครื่องและทันสมัยมากๆ

ราคา 2,644 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 89,000 ล้านบาท

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ทั้งรายละเอียดเรือดำน้ำทั้งสิบรุ่นที่เราสรรหามาฝากกัน พอคิดเป็นเงินไทยก็อาจจะร้อง โอ้โห! กันไปตามๆ กัน ส่วนเรืองข่าวคราวการซื้อขายเรือดำน้ำจะมีความคืบหน้าต่อไปแค่ไหน มารอติดตามไปพร้อมๆ กัน แต่ถ้าอยากเปรียบเทียบราคาสินค้า ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือดำน้ำก็แวะมาค้นหาที่ เว็บไซต์ Priceza ได้เลยนะครับ