หน้าแรก ไลฟ์สไตล์ รู้ไว้ก่อน Work From Home เตรียมตัวอย่างไรให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รู้ไว้ก่อน Work From Home เตรียมตัวอย่างไรให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2622
Work-from-home-banner

ดูเหมือนว่าการที่จะต้องย้ายตัวเองจากการนั่งทำงานที่ออฟฟิศสู่การทำงานจากที่บ้าน จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อเข้าสู่ในระยะของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่รุนแรงมากขึ้น บริษัทต่างๆ ในระดับโก เช่น Google , Microsoft , Twitter , Apple , Amezon ฯลฯ ต่างพากันออกนโยบายให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home กันแล้ว ซึ่งบริษัทในประเทศไทยก็เริ่มมองเห็นและนำมาปรับใช้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในช่วงนี้ด้วย

Work from Home คืออะไร?

Work from Home คือ การที่บริษัทมอบหมายให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ โดยที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ หรืออาจจะหมายถึงสามารถทำงานในสถานที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ในออฟฟิศได้ ซึ่งต้องเข้าใจก่อนด้วยว่า การ Work From Home คือการทำงานที่บ้าน ไม่ใช่การลาหยุดอยู่บ้านเฉยๆ ภายในเวลางานที่กำหนดนั้นต้องมีการออนไลน์และสื่อสารระหว่างเพื่อนร่วมงานได้ตลอด เพื่ออัพเดทข้อมูลให้ตรงกัน

สื่อสารเพื่อนร่วมงานทางออนไลน์

ควรเตรียมตัวอย่างไร?

ก่อนอื่นนั้นต้องดูว่าที่บ้านมีที่พอสำหรับให้นั่งทำงานหรือไม่ หรือสถานที่ใกล้บ้านที่คนไม่พลุ่งพล่านนั้นมีหรือไม่ หาพื้นที่ที่สะดวกในการนั่งทำงาน และไม่มีเสียงรบกวน เพื่อทำให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น อย่างต่อมาคือสำรวจว่าที่บ้านมีอุปกรณ์ที่พร้อมสำหรับทำงานหรือไม่ เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ้ค จอมอนิเตอร์ หรืองานของบางคนอาจจะต้องใช้โปรแกรมที่เฉพาะเจาะจง ก็ต้องสำรวจดูว่าในคอมพิวเตอร์นั้นมีโปรแกรมที่พร้อมทำงานหรือไม่

ติดตั้งระบบการส่งงานและสื่อสารผ่านทางออนไลน์

สำหรับบริษัทที่ยังไม่เคยทดลองหรือมีนโยบายการ Work from Home มาก่อนเลย อาจจะเริ่มต้นจากการติดตั้งโปรแกรม หรือส่งงานผ่านทางระบบออนไลน์ เปลี่ยนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ไปใช้โน้ตบุ๊กแทนเพื่อสะดวกในการย้ายที่ทำงาน

Upload งานหรือเอกสารที่ต้องใช้ร่วมกับเพื่อนร่วมงานขึ้นทางออนไลน์

หากมีงานหรือเอกสารที่ต้องทำร่วมกันกับเพื่อนร่วมงาน หรือแผนกอื่น ให้ Upload ชิ้นผ่านขึ้นทางออนไลน์ มีหลายช่องทางแนะนำเช่น Google Drive , Workplace , Dropbox เป็นต้น

กำหนดเวลาการทำงาน

แม้ว่า Work From Home ไม่ใช่ Vacation Time แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าทุกเวลาที่อยู่บ้านคือเวลาทำงานเช่นกัน ถ้าหากเมื่อเปลี่ยนมาทำงานจากที่บ้าน และออฟฟิศไม่ได้กำหนดเวลาเริ่มต้นทำงานมาให้ แนะนำให้อ้างอิงจากเวลาการทำงานปกติ Office Hour ของแต่ละวัน เช่น ปกติเริ่มงาน 9.00-18.00 น. พอเริ่มทำงานจากที่บ้านก็ให้เริ่มงานในเวลานั้นๆ เพื่อเป็นการแบ่งเวลาให้ถูกต้องและไม่กินเวลาในการใช้ชีวิตส่วนตัวด้วย

Active อยู่เสมอ

ในการทำงานจากที่บ้านนั้น การติดต่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้ามีปัญหาเราไม่สามารถจะเดินไปถามที่โต๊ะทำานได้เหมือนในเวลางานปกติที่อยู่ออฟฟิศ ดังนั้นเมื่อทำงานจากที่บ้าน เราควรที่จะ Active ระบบช่องทางการสื่อสารออนไลน์ไว้เสมอ และเตรียมพร้อมสำหรับการสื่อสารทางออนไลน์ที่ต้องมีเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

work-from-home

Application แนะนำสำหรับการทำงานแบบ Work from Home

แน่นอนว่าการทำงานจากที่บ้าน โปรแกรมและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ทางออนไลน์นั้นเป็นเรื่องสำคัญ มีแอพพลิเคชั่นมากมายที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ เช่น แชร์เอกสาร ส่งงาน หรือที่รวบรวมข้อมูล เป็นต้น ซึ่งแอพฯต่างๆ นั้น เราได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว

สำหรับวางแผนงาน

เป็นแอพฯสำหรับแจ้งเตือนและบันทึกได้ว่าภายในวันนั้นๆ ควรทำอะไรบ้าง? หรือสามารถวางแผนในการประชุมกับเพื่อนร่วมงานได้ เช่น Asana , Trello , Google Calenda , Notion , Microsoft Team

ประชุมออนไลน์

เป็นแอพฯสำหรับการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน ประชุมกับเพื่อนร่วมงาน ผ่านทางวีดีโอได้ เช่น Zoom , Google Meet , Microsoft Team , Slack

รวบรวมข้อมูล

เป็นแอพฯที่ใช้สำหรับรวบรวมเอกสารแะข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการใช้ร่วมกันกับเพื่อนร่วมงาน สามารถแชร์งานกันทางออนไลน์ได้ เช่น Google Drive , Dropbox , One Drive , iCloud

แชร์ไอเดีย

เป็นแอพฯที่ทำให้แชร์ไอเดียในการทำงานร่วมกันได้ถึงแม้ว่าจะทำงานจากที่บ้าน โดยในโปรแกรมนั้นสามารถส่งไฟล์งาน แชร์ไอเดียเป็นตัวอักษร ภาพ เสียง หรือวีดีโอได้ เช่น Workplace , Microsoft one note , Miro , Facebook , Line

แชร์ Screen

เป็นแอพฯที่สามารถแชร์หน้าจอ Screen ของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กของเราให้เพื่อนร่วมงานได้ดูกันได้ หรือสามารถแชร์ให้เพื่อนร่วมงานเข้ามาเปิดไฟล์งานจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้เลย เช่น Lark , Team Viewer , Zoom , Join Me , Flock

ส่งเอกสาร

สำหรับใครที่มีงานเฉพาะเจาะจง ไม่สามารถส่งงานกันทางออนไลน์ ต้องการส่งเป็นเอกสารแบบกระดาษเท่านั้น ก็มีแอพฯสำหรับส่งเอกสารโดยที่ไม่ต้องออกจากบ้านเช่นกัน เช่น Grab , Line Man , Lalamove , Get , Kerry

การทำงานจากที่บ้านในยุคดิจิทัลแบบนี้นั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพราะการสื่อสารทั้งหมดสามารถทำได้บนระบบออนไลน์ ซึ่งมีบางบริษัทที่ได้เริ่มการ Work from Home แล้ว และมีอีกหลายบริษัทที่ใช้การทำงานจากที่บ้านเพื่อช่วยลดความเครียดของพนักงาน ในตรงนี้เองความเชื่อใจ หรือ Trust ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราถ้าหัวหน้าเชื่อใจว่าลูกน้องจะทำงานจากที่บ้านจริงๆ ไม่เหลวไหล ก็จะทำให้ลูกน้องไม่กดดัน และทำงานจากที่บ้านอย่างสบายใจ ซึ่งในตัวลูกน้องเองก็ต้องสร้างความไว้ใจให้หัวหน้างานด้วย