กล้องดิจิตอล คือ กล้องที่ถูกพัฒนาขึ้นมาแทนที่การถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์มรูปแบบเดิมซึ่งมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการใช้งานที่ต้องมีการตั้งค่าและใช้ความชำนาญของผู้ถ่ายค่อนข้างสูง จึงจะสามารถ Take Shot สวย ๆ ได้ รวมถึงการที่เราไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่ารูปถ่ายที่บันทึกไปแล้วจะมีลักษณะเป็นอย่างไร จะดีหรือไม่ดี เราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อรูปถูกล้างออกมาแล้วเท่านั้น และด้วยการที่ถูกพัฒนาขึ้นมาพร้อมเทคโนโลยีแบบดิจิตอล ทำให้กล้องถูกสร้างขึ้นมามากมายหลายประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการการใช้งานของช่างภาพ โดยที่เราอาจสงสัยว่าเวลานี้ตลาดกล้องแบบดิจิตอลไปถึงไหนแล้ว มีกล้องกี่แบบ กี่ประเภท แล้วแต่ละแบบนั้นมีความน่าสนใจอย่างไร เผื่อเอาไว้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อ
เน้นการใช้งานที่ง่ายและสะดวกสำหรับมือใหม่และการพกพา
ในพาร์ทแรกนี้จะเป็นกล้อง Digital ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองการใช้งานโดยเน้นไปที่เรื่องของการใช้งานที่ง่าย ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายเป็นหลัก ซึ่งก็จะประกอบไปด้วย
1. กล้อง Compact เป็นกล้องที่มีเป้าหมายในการออกแบบหลักคือ Point & Shoot หมายความว่าเป็นกล้องที่ใช้งานง่ายอย่างที่สุด แค่เล็งแล้วกดชัตเตอร์ก็จะได้ภาพสวย ๆ มาเชยชมแล้ว ซึ่งเราสามารถที่จะแบ่งประเภทย่อยของกล้อง Compact ได้อีก โดยในแบบแรกจะเป็นแบบทั่วไป มีขนาดเล็กกะทัดรัด ดีไซน์สวยงาม ไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ การใช้งานทุกอย่างจะเป็นระบบออโต้ตามโปรแกรมต่าง ๆ ที่มีให้ผู้ใช้งานเลือก ประเภทที่สองจะเรียกว่ากล้อง Compact Hi-End มาพร้อมเซนเซอร์ขนาดใหญ่ ทำให้คุณภาพของไฟล์ภาพสูงกว่ากล้อง Compact ประเภทแรก และดีกว่ากล้องบนสมาร์ทโฟน พร้อมด้วยฟังก์ชันการปรับตั้งกล้องที่หลากหลายใกล้เคียงกับกล้องโปรขนาดใหญ่ สรรพคุณที่มากขนาดนี้ทำให้กล้อง Compact Hi-End มีราคาที่สูงกว่ากล้องในประเภทกลุ่มเดียวกัน
2. กล้อง Mirrorless ที่มาของชื่อกล้องประเภทนี้ก็มาจากการที่ตัวกล้องไม่ได้มีกระจกที่เอาไว้สำหรับสะท้อนภาพอย่างในกล้องแบบอื่นทั่วไป ภาพที่ได้ไม่ได้มาจากการมองภาพผ่านเลนส์ แต่มาจากระบบที่เรียกว่า อิเล็กทรอนิกส์วิวไฟน์เดอร์ในเมื่อตัวกล้อง ทำให้สามารถลดขนาดของกล้องให้เล็กลงได้ น้ำหนักก็เบาขึ้น อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ก็มีขนาดเล็กแบบพอดีมือทำให้ง่ายต่อการพกพา จุดเด่นของกล้องรุ่นนี้ก็คือความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่องได้ไวมาก เนื่องจากไม่ได้ใช้กระจกซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องของความเร็ว ความสามารถในการเปลี่ยนเลนส์และอุปกรณ์ทำให้มีลูกเล่นที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
กล้องระดับโปรถูกใจมืออาชีพและคนรักการถ่ายภาพ
กล้องดิจิตอลอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่ามีประสิทธิภาพในการใช้งานที่เหนือชั้น และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการถ่ายภาพอย่างจริงจังแบ่งออกเป็น
3. กล้อง DSLR ชื่อเต็ม ๆ ของเจ้าตัวนี้ก็คือ Digital Single-Lens Reflex มาพร้อมความสามารถในการถอดเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างอิสระตามความต้องการของผู้ใช้งาน ว่าต้องการที่จะถ่ายภาพอะไรอย่างไร ขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ทำให้ได้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูง ตามฟอร์แมตต้นแบบที่มาจากขนาดฟิล์ม 35 mm จะเป็นเซนเซอร์แบบ Full frame และแบบ APS-C Full frame จุดเด่นของกล้องอยู่ตรงที่ความทนทานที่มากกว่า หรืออาจถือว่ามีความทนทานมากที่สุดในบรรดากล้องทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ความสามารถในการโฟกัสภาพที่ไวมาก การใช้งานโดยมองผ่านช่องมองภาพจะทำให้ไม่สิ้นเปลืองแบตเตอรี่ทำให้ถ่ายภาพได้นานขึ้น พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายบวกกับความสามารถของผู้ใช้ จะทำให้ได้ภาพถ่ายที่ตรงตามความต้องการได้มากที่สุด
4. กล้อง DSLR-Like ชื่อก็บอกเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นกล้องที่ถูกออกแบบมาให้มีความเหมือนกับกล้อง DSLR ความต่างก็คือไม่สามารถที่จะทำการถอดหรือเปลี่ยนเลนส์ได้ มีความสามารถในการซูมภาพสูงเพื่อชดเชยการเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้เข้ามาช่วย ขนาดเซนเซอร์เท่ากับกล้อง Compact เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังหัดเริ่มต้นการถ่ายภาพหรือคนที่ไม่ต้องการพกกล้องที่มีขนาดใหญ่มาก จุดเด่นของกล้องนี้ก็คือระบบซูมภาพอย่างที่ได้บอกไปว่าดีมาก ๆ เป็นกล้องที่มีน้ำหนักเบากว่าเมื่อเทียบกับ DSLR รูปลักษณ์ที่มีความเป็นโปรตามสไตล์คล้ายคลึงกับ DSLR ทำให้พกไปใช้ที่ไหนก็ดูดี
กล้องดิจิตอลก็ยังมีประเภทอื่น ๆ ที่เหลืออีก ไม่ว่าจะเป็น Range Finder หรือ Medium Format ซึ่งเป็นประเภทที่มีคนใช้จำนวนไม่มาก เนื่องจากว่าเป็นกล้องที่มีราคาแพง และมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงกว่า แล้วถ้าตอนนี้เริ่มสนใจกล้องตัวไหนก็ไปลองหามาถ่ายกันดูได้เลย
บทความน่าอ่าน
