หน้าแรก มือถือและอุปกรณ์ เปรียบเทียบ iPhone XS Max และ Huawei Mate 20 X รุ่นไหนน่าซื้อกว่ากัน?

เปรียบเทียบ iPhone XS Max และ Huawei Mate 20 X รุ่นไหนน่าซื้อกว่ากัน?

7134

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงในระดับพรีเมี่ยม ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากมาย และสเปคที่เรียกว่าจัดเต็ม บวกกับราคาที่ต้องคิดแล้วคิดอีก ทำให้หลายคนยังไม่กล้าตัดสินใจ และต้องเปรียบเทียบสเปคกับราคาในรุ่นอื่นๆ ดูก่อน ซึ่งตอนนี้สมาร์ทโฟนที่ถูกจับตา และนำมาเปรียบเทียบกันมากที่สุดก็คือ iPhone XS Max และ Huawei Mate 20 X ซึ่งทั้งสองรุ่นก็มีราคาเปิดตัวที่สูงทีเดียว สำหรับใครที่กำลัง ลังเลอยู่ว่าสองรุ่นนี้รุ่นไหนจะน่าสนใจกว่ากัน วันเราก็มีข้อมูลมาเปรียบเทียบให้ดูกัน

iPhone XS Max Vs Huawei Mate 20 X Antutuหน่วยประมวลผล (Chipset)

ในเรื่องของระบบปฏิบัติการนั้น Huawei Mate 20 X นั้นมาพร้อมกับระบบ Octa Core ซึ่งใช้แบบเดียวกันกับ Huawei Mate 20 Pro ในส่วนของ iPhone XS Max นั้นเป็น Hexa Core โดยในเรื่องของหน่วยประมวลผลนั้นคงต้องยกให้ Huawei Mate 20X นั้นได้คะแนนไป ด้วยคุณสมบัติของ Octa Core ถือว่าประมวลผลได้เร็ว และเสถียรที่สุดในเวลานี้ ทำให้สมาร์ทโฟนจากหัวเว่ยนั้นน่าสนใจกว่ามากนั่นเอง

ความละเอียดหน้าจอ (Screen)

ถือว่าเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญมาก เพราะหน้าจอที่คมชัด มีความละเอียดสูง ย่อมส่งผลถึงประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการแต่งรูป การดูหนังบนสมาร์ทโฟน หรือแม้แต่การเล่นเกมก็ตาม จอภาพที่มีความละเอียดกว่าย่อมต้องตอบโจทย์มากกว่า และสำหรับเรื่องความละเอียดของหน้าจอนั้นต้องยกให้กับ iPhone XS MAX เพราะมีความละเอียดที่ 2699 x 1242 ส่วน Huawei Mate 20 X นั้นมีความอยู่ที่ 1080 x 2244 ซึ่งยังให้ความคมชัดได้น้อยกว่า โดยเฉพาะการเล่นไฟล์วีดิโอในระดับ 4K

ความจุ (Memory)

แรมนั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กับหน่วยประมวลผลเลยทีเดียว หากมีจำนวนแรมที่สูง ก็ทำให้การทำงานต่างๆ ของสมาร์ทโฟนนั้นมีประสิทธิภาพสูงตามไปด้วย ซึ่งรวมถึงการเซฟภาพถ่าย วีดิโอ และการรันเข้าสู่ระบบการเล่นเกม โดยเรื่องของแรมนั้นผู้ชนะตกไปอยู่ที่ Huawei Mate 20 X ที่ให้มาทั้งหมด 6GB ด้วยกัน แต่ในส่วนของ iPhone นั้นอยู่ที่ 4 GB เท่านั้น และ พื้นที่จัดเก็บของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนั้นต่างกันมากทีเดียว โดยไอโฟนนั้นอยู่ที่ 64 GB และใน Huawei Mate 20 X นั้นให้มามากถึง 128 GB แถมยังสามารถเพิ่มได้จาก SDcard อีกด้วย

ความบาง

สิ่งสำคัญของการพกพาสมาร์ทโฟนนั้นอยู่ที่ความบางของตัวเครื่องนั่นเอง เพราะการพกพาสมาร์ทโฟนไว้ในกระเป๋ากางเกงนั้น หากเครื่องมีความบางมาก ก็สะดวกต่อการขยับเคลื่อนไหวที่คล่องตัวกว่ แต่หากหนาไปก็ส่งผลถึงความรู้สึกติดขัดในขณะเคลื่อนไหวได้เหมือนกัน งานนี้ความบางนั้นผู้ชนะคือ iPhone XS Max ด้วยความบางเพียง 7.7 mm ในขณะ Huawei Mate 20X นั้นอยู่ที่ 8.2 mm

ขนาดหน้าจอ (Design)

สำหรับข้อนี้ อาจจะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการได้สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ เพื่อใช้เพื่อความบันเทิงที่เต็มอิ่ม จุใจกว่า เช่นการดูหนัง หรือเล่นเกม อย่างไรก็ตามขนาดของหน้าจอที่ชนะไปนั้นคือ Huawei Mate 20 X ด้วยขนาด 7.2 นิ้ว ในฝั่งของ iPhone XS MAX นั้นอยู่ที่ 6.5 นิ้ว

น้ำหนักเครื่อง

น้ำหนักของเครื่องก็เป็นอีกประเด็นที่จะช่วยให้การพกพาสมาร์ทโฟนนั้นง่ายขึ้น โดยน้ำหนักของทาง Huawei Mate 20 X นั้นอยู่ที่ 232 กรัม และ iPhone XS MAX อยู่ที่ 208 กรัม เห็นได้ว่าไอโฟนนั้น มีการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ในเรื่องขอการพกพามากทีเดียว เพราะมีทั้งน้ำหนักที่เบากว่า และขนาดของเครื่องที่บางกว่าด้วย

คุณภาพกล้อง (Camera)

กล้องถ่ายรูปนั้นหากมีความละเอียดสูงก็ส่งผลถึงไฟล์ภาพที่ดีเช่นกัน สำหรับ Huawei Mate 20 X นั้นมาพร้อมกล้องหลังสามตัวความละเอียด 40 + 20 + 8 ล้านพิกเซล ในขณะที่ iPhone XS MAX นั้นมีกล้องหลังสองตัว ความละเอียด 12 + 12 ล้านพิกเซล เมื่อดูที่ความละเอียดแล้วหัวเว่ยดูจะมีภาษีดีกว่า แต่ถึงอย่างนั้น ไฟล์ภาพที่ได้จาก iPhone XS MAX นั้นก็ถือว่ามีความละเอียดและคมชัดสูงเช่นเดียวกัน งานนี้คงต้องให้สูสีกัน

บอดี้กันน้ำ (Body)

บอดี้ของทาง iPhone XS MAX นั้นสามารถที่จะกันน้ำได้ลึก 2 เมตร ในระยะเวลา 30 นาที แต่ทาง Huawei นั้นไม่มีการออกแบบมาให้กันน้ำได้ ซึ่งนี้ก็เป็นข้อเสียจุดหนึ่งเหมือนกัน

แบตเตอรี่ (Battery)

ความจุของแบตเตอรี่นั้ทำให้การใช้งานสมาร์ทโฟนทำได้ในระยะเวลาที่นานได้ ซึ่งทาง Huawei Mate 20 X นั้นมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000 mAh แต่ทาง iPhone นั้นมีความจุแบตเตอรี่เพียง 3174 mAh เท่านั้น

ช่องต่อสาย 3.5 mm (Connectivity)

สายหูฟัง 3.5 มม. นั้นค่อนข้างเป็นสากลสำหรับหูฟังจากแบรนด์อื่นๆ ที่ทำออกมาจำหน่าย ซึ่งสมาร์ทโฟนที่มีช่องต่อที่รองรับก็จะสะดวกและได้เปรียบมากกว่า ซึ่งนั้นก็ต้องยกให้ Huawei Mate 20 X ที่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วยนั่นเอง แต่ในส่วนของไอโฟนนั้น คงจะต้องไปหาซื้อพอร์ตเสริมมาใช้ เพื่อให้ใช้งานกับหูฟังชนิด 3.5 มม. ได้

ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติหลักๆ ของสมาร์ทโฟน ที่ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อใช้พิจารณากันเป็นอันดับต้นๆ เมื่อดูข้อมูลเปรียบเทียบกันแล้ว เพื่อนๆ หลายคนคงตัดสินใจสั่งซื้อกันได้ง่ายขึ้น แต่หากจะให้ง่ายที่สุด แนะนำให้ลองไปสัมผัสตัวจริงๆ และลองเปรียบเทียบความรู้สึกจากการจับสัมผัส และการใช้งานดูว่ารุ่นไหนที่ถูกใจกว่ากัน ทั้งนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจอีกครั้ง