กระเป๋าเดินทาง

กระเป๋าเดินทางแบรนด์ต่าง ๆ นั้นล้วนมีการกำหนดขนาดมาตรฐานเอาไว้แล้วทั้งสิ้น เพื่อให้สอดคล้องกับช่องเก็บกระเป๋าในยานพาหนะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถทัวร์ และเครื่องบิน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางทั้งในและต่างประเทศโดยเครื่องบินประจำ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทราบเรื่องมาตรฐานของขนาดกระเป๋า เพื่อให้การพกพาสัมภาระเป็นไปได้อย่างสะดวกและไม่ก่อให้เกิดความติดขัดในระหว่างการเดินทาง

ขนาดมาตรฐานของกระเป๋าเดินทางชั้นนำในท้องตลาดมีดังต่อไปนี้

• กระเป๋าสำหรับถือขึ้นเครื่อง ขนาด 18 – 20 นิ้ว เป็นกระเป๋าเดินทางในรูปแบบ Carry on ที่อนุญาตให้ผู้โดยสารถือขึ้นเครื่องได้ เหมาะสำหรับการเดินทาง 1-2 วัน
• กระเป๋าขนาด 21 – 22 นิ้ว เป็นกระเป๋าเดินทางสำหรับถือขึ้นเครื่องขนาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เหมาะสำหรับนักธุรกิจหรือการเดินทางในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
• กระเป๋าเดินทางขนาด 23 – 24 นิ้ว เป็นกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กที่สามารถใช้เช็คอินเพื่อทำการโหลดใต้ท้องเครื่องได้ ส่วนใหญ่จะออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา เพื่อให้สามารถบรรจุน้ำหนักได้ตามมาตรฐานที่สายการบินกำหนด
• กระเป๋าเดินทางขนาด 25 – 27 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่นิยมที่สุดที่นักเดินทางนิยมใช้เป็นกระเป๋าสำหรับโหลดใต้ท้องเครื่อง เหมาะสำหรับการเดินทาง 5 - 7 วัน หากต้องเดินทางไปต่างประเทศก็สามารถใช้บรรจุเสื้อกันหนาวหรือรองเท้าบูทได้
• กระเป๋าเดินทาง 28 – 32 นิ้ว เป็นกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่มากสำ หรับการเดินทางเกินหนึ่งสัปดาห์ ถือเป็นกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่สุด บรรจุสัมภาระได้เยอะสูงสุด แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูข้อจำกัดของสายการบินด้วยว่าอนุญาตให้นำกระเป๋าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดโหลดใต้ท้องเครื่องได้ไม่เกินขนาดและน้ำหนักของสัมภาระที่เท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาได้

เมื่อรู้ขนาดของกระเป๋าเดินทางกันแล้ว แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางยี่ห้อไหนดี วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกัน

1. ขนาด อย่างที่บอกไปว่าสำหรับการเดินทางโดยเครื่องบิน คุณจะต้องทราบว่าสายการบินมีการกำหนดขนาดกระเป๋าไว้อย่างไร รวมถึงต้องพิจารณาด้วยว่าขนาดของกระเป๋าเดินทางที่ต้องการพกพาจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของตัวเองหรือไม่
2. น้ำหนัก ไม่ใช่แต่เพียงขนาดของกระเป๋าเท่านั้นการเลือกกระเป๋าเดินทางต้องควบคู่ไปกับความจุและน้ำหนักที่สามารถรับได้เพื่อให้เป็นไปตามกฎของสายการบินด้วย ซึ่งในกรณีนี้ก็ต้องพิจารณาถึงน้ำหนักของตัวกระเป๋าที่ไม่ควรจะมีน้ำหนักเยอะเกินไป เพราะแน่นอนว่าย่อมส่งผลกับความจุของสัมภาระที่น้อยลง
3. ความแข็งแรง กระเป๋าเดินทางควรมีความแข็งแรงทนทานต่อการโยนและการกระแทก ไม่แตกหรือบุบง่ายเพราะอาจจะส่งผลให้สัมภาระภายในแตกหักหรือเสียหายได้ รวมถึงคุณสมบัติในการกันน้ำและกันความชื้นก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง
4. มือจับและล้อลาก กระเป๋าเดินทางที่มีล้อลากหมุนได้ทุกทิศทางจะทำให้การเดินทางของคุณสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเลือกมือจับหรือมือลากกระเป๋าต้องเป็นขนาดที่เหมาะมือ พอดีกับสรีระผู้ใช้ ไม่สูงหรือต่ำเกินไป
5. ความปลอดภัย ระบบล็อคกระเป๋าในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายแบบ ทั้งแบบล็อคด้วยกุญแจ และการใช้รหัสล็อคแบบชั้นเดียวไปจนถึงหลายชั้นเพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของคุณ
6. การออกแบบช่องเก็บสัมภาระ เพื่อการจัดเก็บและหยิบใช้ข้าวของที่สะดวกมากขึ้น การเลือกกระเป๋าเดินทางที่มีช่องจัดเก็บสัมภาระที่แบ่งเป็นสัดส่วนจะช่วยให้การเดินทางของคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้น

กระเป๋าเดินทางยี่ห้อยอดนิยมต่าง ๆ ล้วนมีขนาด ความจุ น้ำหนัก วัสดุ ระบบความปลอดภัย รวมถึงการออกแบบสัมภาระที่มีความแตกต่างกันไป การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางให้เหมาะกับการใช้งานจึงไม่ใช่เรื่องยาก และที่สำคัญการจ่ายเงินเพิ่มอีกหน่อยเพื่อให้ได้กระเป๋าที่มีคุณภาพมากกว่า โดยเฉพาะคนที่จะมีแพลนเดินทางไปต่างประเทศจึงถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อความปลอดภัยของสัมภาระและเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระหว่างการเดินทางนั่นเอง