เครื่องปั่นอาหาร เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่มักนิยมใช้คู่ครัว ตามบ้านเรือนของใครหลาย ๆ คนก็อาจจะมีเจ้าเครื่องนี้ติดบ้านเพื่อเอาไว้ใช้งาน เครื่องปั่นเป็นตัวช่วยให้พ่อครัวแม่ครัวได้รับความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้นในการเตรียมวัตถุตุดิบต่าง ๆ ในการประกอบอาหาร เนื่องจากในบางครั้ง ในหลาย ๆ เมนูก็ต้องมีการเตรียมวัตถุดิบหลากหลายชนิดและต้องเตรียมไว้เป็นจำนวนมาก หากมีเครื่องปั่นพลังสูงก็จะช่วยทุ่นแรงลดระยะเวลาในการหั่นละเอียด หรือบดละเอียดวัตถุดิบบางประเภท ยกตัวอย่างเช่น เนื้อหมูบด เนื้อปลาบด หรือว่าผักต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องมีการซอย หรือการสับละเอียด ซึ่งวิธีการเลือกซื้อเครื่องปั่นให้ตรงกับความต้องการในการใช้งานมากที่สุดนั้นก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ซึ่งสิ่งที่ต้องพิจารณามาเป็นอันดับต้น ๆ ได้แก่อะไรบ้างไปดูกันเลย
สิ่งที่จำเป็นต้องพิจารณา ในการเลือกซื้อเครื่องปั่นอาหาร
ปกติแล้ว เครื่องใช้ปั่นอาหารมักมีส่วนประกอบที่สำคัญ ๆ 2 ส่วนด้วยกัน ก็คือส่วนที่เป็นโถไว้สำหรับใส่วัตถุดิบหรืออาหารที่ต้องการจะปั่น กับบริเวณส่วนฐานที่มีใบมีดที่ใช้ในการปั่นอาหารติดตั้งเชื่อมอยู่กับตัวมอเตอร์ของเครื่องปั่น ดังนั้นสิ่งที่ควรพิจารณาหลัก ๆ จึงมีดังนี้
1.วัสดุที่นำมาใช้ทำโถปั่น
โดยทั่วไปแล้วมีด้วยกัน 2 วัสดุหลัก ๆ ก็คือ ทำมาจากแก้วกับทำมาจากพลาสติก ซึ่งหากต้องการโถที่ค่อนข้างค่อนข้างครอบคลุมการใช้งาน หมดห่วงเรื่องการใช้ปั่นอาหารเพราะสามารถปั่นได้ทั้งอาหารร้อนและอาหารเย็น ตลอดจนหมดปัญหาในเรื่องของการกลัวกลิ่นอาหารติดโถปั่นแล้วนั้น ก็ควรจะเลือกโถที่ทำมาจากแก้วถึงจะดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตามโถที่ทำมาจากพลาสติกบางชนิดก็สามารถใช้งานได้ดีไม่ต่างจากโถแก้วมากนัก และอีกประการหนึ่งที่สำคัญ ก็คือเรื่องของความจุของโถ หากมีการใช้งานการปั่นวัตถุดิบในแต่ละครั้งค่อนข้างมาก ก็ควรเลือกโถที่มีความจุมากเพื่อความสะดวกในการใช้งานมากที่สุด
2.ชนิดของใบมีดที่ใช้ปั่น
เนื่องจากใบมีดของเครื่องปั่นที่มีขายทั่วไปในท้องตลาด ประกอบไปด้วยใบมีดแบบเรียบ และใบมีดแบบเป็นรอยหยัก ซึ่งแต่ละแบบก็เหมาะสมกับอาหารหรือวัตถุดิบที่จะนำมาปั่นแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ใบมีดแบบเรียบจะเหมาะกับการใช้งานกับการหั่นการซอยผัก หรือการผสมเนื้อให้เข้ากันมากกว่า ในขณะที่ใบมีดแบบมีรอยหยัก หรือใบมีทรงคลื่นนั้นจะค่อนข้างเหมาะกับการใช้ปั่นบดวัตถุดิบที่มีความแข็งมากกว่า เช่น ปั่นน้ำแข็ง ปั่นถั่วต่าง ๆ เป็นต้น ดังนั้นการเลือกซื้อจึงต้องคำนึงถึงลักษณะการใช้งานเป็นสำคัญ
3.กำลังวัตต์ของเครื่องปั่น
เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาต่อด้วยเช่นกัน เนื่องจากยิ่งกำลังวัตต์มีค่ามาก แรงที่ใช้ในการปั่นวัตถุดิบให้ละเอียดก็ย่อมมีค่ามากตามไปด้วย
แนะนำ 3 เครื่องปั่นพลังสูง สามารถปั่นได้ละเอียดหายห่วงแน่นอน
1. OTTO รุ่น BE-127A
ด้วยกำลังวัตต์ของเครื่องใช้ปั่นอาหารรุ่นนี้ที่มีสูงถึง 1,200 วัตต์ ปั่นได้ประมาณ 6,000 – 25,000 รอบต่อนาที รับรองได้เลยว่าไม่ว่าวัตถุดิบชนิดใด ก็ไม่ใช้เรื่องยากในการที่จะใช้เจ้าเครื่องนี้ปั่นให้ละเอียดอย่างแน่นอน นอกจากนี้เครื่องนี้ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอื่น ๆ อีก เช่น ตัวโถที่ทำมาจาก ABS ซึ่งเป็นพลาสติกประเภทหนึ่งที่มีความทนทานและแข็งแรง มีสเกลปริมาตรบอกไว้ด้านข้างของโถ ประกอบกับใบมีด 6 แฉก ที่ทำมาจากสแตนเลส และมีฟังก์ชันด้านความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ถ้าหากมอเตอร์เครื่องปั่นร้อนเกินไป ตัวเครื่องจะไม่ทำงาน เพื่อเป็นการพักให้เครื่องเย็น เป็นการป้องกันการไหม้ของมอเตอร์นั่นเอง
2. Electrolux รุ่น Masterpieces EBR9804S
เป็นเครื่องปั่นที่มีโถเป็นแบบพลาสติก Tritan ที่สามารถทนความร้อนได้ในปริมาณสูงถึง 90 องศา มีขนาดความจุของโถที่ค่อนข้างใหญ่ ตัวฐานเครื่องทำจากสแตนเลสป้องกันรอยนิ้วได้เนื่องจากมีสารเคลือบป้องกันไว้ ด้ามจับทำด้วยโครเมียมทำความสะอาดได้ง่ายทั้งภายในและภายนอก มาพร้อมกับใบมี 6 แฉกที่มีไทเทเนียมเคลือบอยู่กำลังแรงปั่นอยู่ที่ 10000 รอบต่อ นาที มีกำลังวัตต์ 1,600 วัตต์
3. Philips Avance Collection รุ่น HR3663/90
เครื่องปั่นที่มีแรงปั่นที่ทรงพลัง 1,400 วัตต์ ปั่นได้แรงถึง 35,000 รอบต่อนาที ตัวโถทำมาจาก Tritan ซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งแรงกว่าพลาสติกทั่ว ๆ ไปแบบอื่น ๆ สามารถนำไปทำความสะอาดในเครื่องล้างจานอัตโนมัติ เหมาะแก่การปั่นพวกสมูทตี้ผักผลไม้ต่าง ๆ มีความเร็วที่ใช้ในการปั่นให้เลือกด้วยกัน 4 ระดับ นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยในเรื่องของฟังก์ชันการปิดใช้งานเครื่องแบบอัตโนมัติอีกด้วย
เครื่องใช้ปั่นอาหารยี่ห้อไหนดี อาจจะหาคำตอบได้ยาก เพราะปัจจุบันนั้นมีเครื่องปั่นที่มีประสิทธิภาพดียังมีให้เลือกสรรอีกมากมายตามความพอใจ เพียงแค่ท่านชัดเจนกับตัวเองก่อนว่าต้องการใช้งานเครื่องปั่นแบบไหน งบประมาณเท่าไหร่ เพียงเท่านี้เครื่องปั่นที่ถูกใจก็คงจะมาอยู่ในมือได้ไม่ยาก แต่ที่สำคัญคือ เมื่อซื้อมาใช้งานแล้วก็ควรที่จะต้องดูแลรักษาให้เครื่องปั่นพร้อมใช้งานอยู่เสมอด้วย ถึงจะคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่เสียไปอย่างสูงสุด
