ดูเหมือนว่าการเปิดตัว iPhone 11 (แอปเปิ้ลเลิกใช้อักษรโรมันแทนชื่อรุ่นแล้ว) ในค่ำคืนวันที่ 10 กันยายน ตามเวลาประเทศไทยที่ผ่านมา จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หลายอย่าง ทั้งเรื่องสเปกกล้องที่อัปเกรดประสิทธิภาพให้ดีกว่าเดิมเยอะมาก และ “ราคา” ที่เริ่มต้นราคาถูกลงมาที่ 24,900 บาท!
แล้วอย่างที่ทราบกันดีว่าเมื่อไอโฟนรุ่นใหม่เริ่มวางจำหน่าย บรรดาไอโฟนรุ่นเก่าจะต้องทยอยปรับราคาลงตามวัฎจักราคาสินค้าทั่วไป และส่วนใหญ่จะลดลงทันทีหลังเปิดตัว ซึ่งหมายความว่าตั้งแต่วันที่ 11 กันยายนนี้เป็นต้นไป จะเป็นช่วงโอกาสทองที่ทำให้ผู้บริโภคเราเป็นเจ้าของ iPhone ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
อ้างอิงจาก ข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับการค้นหาและการซื้อของบนเว็บไซต์ Priceza.com ที่พบว่าในช่วงเวลา iPhone รุ่นใหม่เปิดตัวและเริ่มวางขาย ผู้ใช้จะให้ความสนใจและเลือกซื้อ iPhone รุ่นเก่า ๆ ที่ถูกปรับลดราคาลงมามากกว่า iPhone รุ่นใหม่ ดังที่แสดงจากจำนวนคลิกและออเดอร์ ช่วงระหว่างเดือน มกราคม – มิถุนายน 2562 ตามกราฟด้านล่าง
จากกราฟ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus เป็นไอโฟนรุ่นที่มีจำนวนครั้งการคลิกสินค้าและมีอัตราการซื้อ (Conversion Rate) สูงที่สุด สูงกว่าจำนวนของ iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone X, iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max รวมกัน ที่ผลของข้อมูลเป็นเช่นนี้ผู้เขียนตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าน่าจะเป็นเพราะราคา iPhone 6s ที่ถูกปรับจนอยู่ในระดับที่เข้าถึงง่ายเหลือไม่ถึง 1 หมื่นบาทในบางร้านค้า และเป็น iPhone รุ่นที่ยังมีสเปกภาพรวมที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานในปัจจุบันได้ดี
ยิ่งไปกว่านั้นจากกราฟด้านล่างเห็นได้ชัดเลยว่าในช่วงครึ่งปีแรก 2019 ออเดอร์รวมของ iPhone 7 และ 7 Plus นั้นมีจำนวนสูงที่สุด และสูงกว่า iPhone รุ่นปี 2018 ทุกรุ่นรวมกัน ตอกย้ำที่ว่าผู้บริโภคให้ความสนใจ iPhone รุ่นเก่ามากกว่า
ข้อมูลในส่วนนี้แสดงให้เห็นว่า “ราคา” ยังคงเป็นปัจจัยอันดับต้น ๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกับสมาร์ทโฟนที่ตกรุ่นช้า มีราคาขายต่อมือสองสูง และมีการรองรับอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบเฉลี่ยถึง 5 ปี แบบ iPhone ที่ผู้ใช้แทบจะไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่บ่อย ๆ หากตัวเครื่องยังใช้งานได้ปกติ
โดยปกติเมื่อ Apple ออก iPhone เจเนอเรชั่นใหม่มา ราคาของไอโฟนรุ่นก่อนหน้าจะถูกลดลงมาประมาณ 10 – 20% เท่านั้น แต่ด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และอาจจะมีปัจจัยอื่นประกอบร่วม ทำให้ปีนี้ iPhone 11 เปิดราคาขายในไทยมาได้ถูกลงมากกว่าปกติถึง 4,000 บาท ทั้งที่ราคาในอเมริกาเปิดตัวมาเท่าเดิมที่ 999 เหรียญสหรัฐ น่าจะส่งผลให้ไอโฟนรุ่นเก่ามี ราคาปรับลดในอัตราที่มากขึ้นอยู่ที่ 20 – 35% อิงจากราคา iPhone 8 ล่าสุดที่ประกาศออกมา จากข้อมูลชุดนี้ผู้เขียนได้ประมาณการราคา iPhone ของรุ่นต่าง ๆ ภายหลัง iPhone 11 ดังนี้
| รุ่น / ราคา* (บาท) | 32GB | 64GB | 128GB | 256GB | 512GB |
| iPhone 6s Plus | 10,900 | × | × | × | × |
| iPhone 7 | 14,900 | × | × | 22,900 | × |
| iPhone 7 Plus | 17,400 | × | 21,000 | × | × |
| iPhone 8 | × | 15,900 | 17,900 | × | × |
| iPhone 8 Plus | × | 19,900 | 21,900 | × | × |
| iPhone X | × | 21,500 | × | 30,200 | × |
| iPhone XR | × | 21,900 | 23,900 | × | × |
| iPhone Xs | × | 31,900 | × | 37,900 | 44,900 |
| iPhone Xs Max | × | 35,900 | × | 41,500 | 48,900 |
อัพเดต 17 กันยายน 2562
คำแนะนำในการดูราคาประกอบการซื้อ ราคาดังกล่าวในเป็นราคาคาดการณ์ ส่วนราคาที่เป็นตัวอักษรสีแดงได้รับการคอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการจาก Apple Store หากข้อมูลราคาโทรศัพท์มีการเปลี่ยนแปลง ผู้เขียนจะนำมาอัปเดตให้ทราบอย่างเร็วที่สุด ซึ่งในมุมมองของผู้เขียน iPhone รุ่นที่น่าสนใจที่สุดของปีนี้น่าจะเป็น iPhone XR ด้วยเหตุผลเรื่องความคุ้มค่าของสเปกที่ใกล้เคียงกับ iPhone XS รุ่นสูงสุด อาทิ การกล้องหลักและชิปประมวลผลชนิดเดียวกัน ส่วนจุดพิจารณาของรุ่นดังกล่าวจะเป็นเรื่องหน้าจอที่ได้ความละเอียดน้อยกว่า เป็นต้น
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือการยกเลิกขาย iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone Xs และ iPhone Xs Max ใน Apple Online Store ทั้งนี้ใครที่มีความต้องการ ยังสามารถหาซื้อรุ่นดังกล่าวได้ที่หน้าร้าน Apple Store Iconsiam ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ
หากมองย้อนกลับไปดูราคาเปิดตัว iPhone ในอเมริกาตั้งแต่รุ่นแรกที่ออกวางจำหน่ายปี 2008 เรื่อยมาจนถึงรุ่นล่าสุดในปี 2018 พบว่าตลอดระยะเวลา 10 ปี Apple ไม่เคยตั้งราคาเปิดตัวน้อยลงกว่ารุ่นก่อนหน้าเลย แล้วในทางกลับกันราคาของมันมีแต่สูงขึ้น
ในไทม์ไลน์การปรับ ราคา iPhone ระลอกแรกเริ่มต้นที่รุ่น iPhone 4s เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้า 50$ หรือราว ๆ 7.7% ระลอกต่อมาเป็นของ iPhone 8 เพิ่มขึ้นมาจากเดิมราว ๆ 7.7% และครั้งสุดท้ายเป็นราคา iPhone X ที่ทำราคาเปิดตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของแบรนด์เลยก็ว่าได้ คิดเป็น 30% ของรุ่นก่อนหน้า ไม่แน่ว่าคราวนี้ Apple อาจจะสร้างปรากฎการณ์ด้านราคาอีกครั้งอย่างที่หลายคนตั้งตารอ โดยเรามีข้อสันนิษฐานที่วิคราะห์ว่าทำไมแอปเปิ้ลอาจขาย iPhone 11 ได้ในราคาถูกลง ดังนี้
1. อยากเพิ่มยอดขายเลยต้องหั่นราคาลง
ด้วยยอดขาย iPhone ที่ส่อแววไม่สู้ดีตั้งแต่ปี 2018 จนถึง ณ ปัจจุบัน ตามรายงานประจำไตรมาศที่สามของบริษัท ปี 2019 พบว่า iPhone ทำยอดขายได้ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา ลดลงถึง 11.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยังผลให้แอปเปิ้ลจำเป็นต้องหาวิธีมากู้วิกฤตดังกล่าว โดยสิ่งแรกที่บริษัทลองทำคือการออกไอโฟนรุ่นราคาประหยัดอย่าง iPhone XR มาวางจำหน่าย แต่ก็ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะไม่ได้ผลตามที่คาด
ต่อมาในช่วงต้นปี 2019 บริษัทก็ได้ตัดสินใจใช้กลยุทธ์สุดคลาสิค อย่างการปรับลดราคา iPhone รุ่นใหม่ ๆ อาทิ iPhone Xs และ iPhone XR นำร่องที่ประเทศจีน ลดลงราว ๆ 400 หยวน (ประมาณ 2,000 บาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 5.8 จากราคาปกติ และดูเหมือนกลยุทธ์นี้จะเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนจึงวิเคราะห์แอปเปิ้ลน่าจะใช้กลยุทธ์ด้านราคาดังกล่าวกับ iPhone รุ่นใหม่นี้เพื่อดึงยอดขายกลับมา
2. ค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าในอดีต
สำหรับราคา iPhone ในประเทศไทยที่ตอนนี้มีการปรับลดราคามาเยอะเกินจากที่คาดการณ์ไว้พอสมควร ผู้เขียนตั้งสมมุติฐานว่าน่าจะมาจากค่าเงินบาทเทียบกับสกุลเงินดออลาร์สหรัฐที่ที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี
3. ต้นทุนที่ถูกลง
ในบางส่วนของสเปก iPhone 11 พบว่ามีหลายอย่างที่เหมือน iPhone XR ทั้งหน้าจอ ความจุ และอุปกรณ์เสริมที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ เช่น หูฟัง สายชาร์จ และอแดปเตอร์ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ Apple จึงสามารถใช้สต็อคชิ้นส่วนเดิมที่มีอยู่มาใช้ในการผลิตได้ และมันอาจจะทำให้ต้นทุนถูกลงนั่นเอง
ตามที่ IHS Markit บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้านเทคโนโลยี ได้เผยราคาต้นทุน iPhone หลายรุ่น และสามารถนำมาเปรียบเทียบราคาทุน และราคาขายจริงได้ดังตารางด้านล่าง จะเห็นว่าราคาต้นทุนของ iPhone เพิ่มสูงขึ้นมาตลอด ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบหลายปี
| ส่วนประกอบ / ราคา* (บาท) | iPhone 8 Plus | iPhone X | iPhone XS Max |
| หน้าจอ | 1,560 | 2,310 | 2,715 |
| โครงเครื่องและฝาหลัง | 1,530 | 1,371 | 1,740 |
| หน่วยประมวลผล | 825 | 1,980 | 2,160 |
| กล้อง | 960 | 1,260 | 1,320 |
| การเชื่อมต่อ และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ | 198 | 510 | 540 |
| เสารับสัญญาณ | 855 | 690 | 690 |
| หน่วยความจำ | 930 | 1,350 | 1,920 |
| ระบบเสียงและการจัดการพลังงาน | 360 | 420 | 435 |
| แบตเตอรี่ | 135 | 195 | 270 |
| ค่าแรงการประกอบและทดสอบ | 705 | 738 | 735 |
| อื่น ๆ เช่น ค่าอุปกรณ์เสริม | 810 | 975 | 1,050 |
| รวมราคาต้นทุน | 8,868 | 11,799 | 13,575 |
| ราคาขายจริง | 27,900 | 40,500 | 43,900 |
*หมายเหตุ : ราคาต้นทุนดังกล่าวเป็นเพียงราคาประเมินอะไหล่ของตัวเครื่องเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่ราคาต้นทุนอย่างเป็นทางการที่ประกาศโดย Apple แต่อย่างใด และเป็นราคาแปลงในอัตราแแลกเปลี่ยน 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 30 บาท
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการซื้อ iPhone คือตอนที่มีจัดโปรโมชั่น ซึ่งโปรโมชั่น iPhone จะมีทั้ง Promotion จากร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าออนไลน์ และโอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ของทั้ง 3 ค่าย และโปรโมชั่นจาก Apple โดยตรง
สำหรับโปรโมชั่น iPhone จากทั้ง 3 ค่ายมือถือ จะเป็นโปรโมชั่นระยะยาวที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี แต่จะพิเศษกว่าปกติในช่วงเปิดวางจำหน่ายใหม่ และช่วงที่มีอีเวนท์งานมือถือ Thailand Mobile Expo ส่วนใหญ่ลักษณะโปรโมชั่นจะเป็นส่วนลดค่าเครื่องเมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็คเกจรายเดือน
สังเกตจากรูปด้านบน เป็นภาพรวมราคาของทั้งสามค่ายมือถือ จะเห็นว่าถ้าซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตพร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า หรือที่เรียกกันว่า “ซื้อแบบติดโปรรายเดือน” ตั้งแต่เดือนละ 499 ไปจนถึง 2,099 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จะได้รับส่วนลดค่าเครื่องค่อนข้างเยอะอยู่ที่ 20 – 80%
ยิ่งเป็นรุ่นเก่าและสมัครแพ็คเกจราคาสูงก็จะยิ่งได้รับส่วนลดมาก ซึ่งถ้าปัจจุบันคุณจำเป็นต้องจ่ายค่าโทรศัพท์รายเดือนในช่วงราคาประมาณนั้นอยู่แล้ว การซื้อแบบติดโปรก็นั้นจะคุ้มกว่าซื้อเครื่องเปล่าพอสมควร ตัวอย่าง รุ่น iPhone XS Max ถ้าซื้อแบบติดโปร พร้อมพ่วงการย้ายค่ายจะได้ส่วนต่างกับราคาเครื่องเปล่าสูงสุดถึง 13,000 บาท เป็นต้น
สำหรับโปรโมชั่น iPhone ที่เป็นของ Apple โดยตรงก็มีเช่นเดียวกัน เช่น โครงการ Apple Education สินค้าเพื่อการศึกษา ที่สามารถรับส่วนลดพิเศษในการซื้อสินค้า Apple เกือบทุกอย่าง รวมไปถึง iPhone เพียงแค่ แสดงบัตรนักเรียน นักศึกษา หรือบุคลาการ ก็รับสิทธิ์ดังกล่าวได้ทันที
และ โครงการ Trade-in เอาไอโฟนเครื่องเก่าแลกเป็นส่วนลดเครื่องใหม่ สูงสุด 16,710 บาท โดยทั้งสองโครงการนี้สามารถเข้าร่วมได้ที่ร้านค้า iStudio ทุกสาขา หรือ Apple Store ICONSIAM
สุดท้ายนี้ดูจากทิศทางการปรับ ราคา iPhone 11 ที่คาดว่าน่าจะขายไทยช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ น่าจะทำให้ผู้บริโภคอย่างเราได้ประโยชน์เต็ม ๆ สามารถเป็นเจ้าของและเข้าถึง Ecosytem ของสมาร์ทโฟนจาก Apple ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่หากใครที่มีงบไม่พอจะซื้อรุ่นใหม่ 2019 บรรดา iPhone รุ่นเก่าที่ราคาดีและยังมีประสิทธิภาพการใช้งานดีอยู่ในปัจจุบัน เช่น iPhone 7, iPhone 8 หรือ iPhone XR ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย
ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม
https://www.bbc.com/news/business-48110709
www.apple.com/newsroom/2019/07/apple-reports-third-quarter-results/
www.cnbc.com/2019/04/01/apple-slashes-iphone-prices-in-china-by-as-much-as-5percent.html
