Galaxy S20 ได้แลนนดิ้งในไทยเป็นที่เรียบร้อย ด้วยราคาเปิดตัวเริ่มต้น 15,900 บาท (เมื่อซื้อเครื่องติดโปร) ซึ่งถือว่าถูกกว่าราคาเปิดตัวรุ่น Galaxy S10 ก่อนเกือบ 3,000 บาทเลยทีเดียว สำหรับกาแล็คซี่เอส 20 ซีรีส์นี้จะมาพร้อมกัน 3 รุ่นได้แก่ S20 , S20 Plus และ S20 Ultra 5G ที่ถือเป็นรุ่นไฮไลท์ รุ่นรองรับ 5G แรกในไทยเลยก็ว่าได้
สเปกโดยสรุป Galaxy S20 ทั้ง 3 รุ่น
ดีไซน์
มองเผิน ๆ เหมือนจะไม่ค่อยต่างจากเดิมมากนัก แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่าขอบจอบางลง และมีการวางตำแหน่งกล้องหน้าเหมือนใน Galaxy Note 10 การดีไซน์ของทั้งสามรุ่นจะต่างกันที่ขนาดตัวเครื่อง Ultra ใหญ่สุด Plus และ S20 เล็กลงมาตามลำดับ และการวางกล้องที่บอดี้ด้านหลัง น้ำหนัก และสีบอดี้ที่ครั้งนี้จะมาโทนแมทช์ ไม่วิบวับคัลเลอร์ฟูลมากนักแต่เมื่อกระทบแสงจะหักเหสีรุ้งคล้ายปริซึม โดยมีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ สีฟ้า สีเทา และสีใหม่สุดฟรุ้งฟริ้งสีชมพู
หน้าจอ
S20 ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ความละเอียด QHD+ ดีไซน์เจาะรู(Infinity-o) เจาะรูตรงกลาง น่าจะเรียกได้ว่าดีที่สุดในของโลกในตอนนี้แล้วก้ว่าได้ กับขนาดใหญ่จุดใจกว่าเดิม เริ่มจาก 6.2นิ้ว 6.7 นิ้ว และ 6.9 นิ้ว ตามลำดับ
แต่ที่ว้าวสุด ๆ คือมีการแสดงผล Refresh Rate 120Hz ทำให้แอนนิเมชั่นที่แสดงละมุนตามากกว่าเดิมถึง 2 เท่า (ปกติจะเป็น 60Hz) และเพิ่มการตอบสนองในการทัชที่ไวกว่าเดิมเกือบ 50% แปลว่าจะทัชไวขึ้นทัชแม่นขึ้น
สำหรับการสแกนลายนิ้วมือยังคงใช้เป็นแบบ Ultrasonic ใต้จอ ซึ่งเคยเป็นโจษจันว่าสแกนยาก ครั้งนี้ได้รับการปรับปรุงให้เซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น และเลื่อนถูกเลื่อนตำแหน่งมาอยู่กลางเครื่องมากขึ้น ทำให้สแกนง่ายขึ้น
การเชื่อมต่อ
ครั้งแรกและรุ่นแรกของประเทศไทย สำหรับการรองรับเทคโนโลยี 5G ที่มาในรุ่น Ultra ส่วนรุ่นธรรมดาและพลัสจะเป็น 4G LTE ธรรมดา
พอร์ตเชื่อมต่อที่ใช้ยังคงเป็น Type-C และไร้ซึ่งรูหูฟังเช่นเดิม ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายคาดว่าจะใช้ WiFi 6 กับ Bluetooth 5.1 รวมถึงรองรับการชาร์จไร้สายที่เร็วกว่าเดิม
กล้องถ่ายรูปและวิดีโอ
สมัยนี้จะเรียกว่ามือถือมีกล้องไม่ได้แล้ว ต้องเรียกว่ากล้องที่เป็นมือถือเพราะรุ่นนี้ โดดเด่นเรื่องกล้องมาก ๆ โดย Galaxy S20 Ultra 5G ได้กล้องความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ส่วนอีกสองรุ่นได้กล้องความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ทั้งสามรุ่นใช้เซ็นเซอร์ตัวใหม่ ISOCELL Bright HMX ขนาดใหญ่และรับแสงได้ดีกว่าก่อนมาก ๆ ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำได้ดีขึ้นหลายเท่าตัว
นอกจากนี้ประสิทธิภาพการซูมของทั้งสามรุ่นก็อัพเกรดมาเยอะมาก สามารถซูมได้สูงสุดถึง 30 เท่า แต่กับรุ่น Ultra ที่พิเศษกว่าจากความสามารถในการซูมสูงสุดถึง 100 เท่า ดังภาพตัวอย่างด้านล่างเลย
ยังไม่พอเท่านั้นเอสยี่สิบยังมีลูกเล่นกล้องใหม่ที่น่าสนใจอีกเพียบที่ใช้ AI เข้ามาช่วย เช่น การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอของน้องหมาน้องแมว , การเสิร์ชหาภาพของเราด้วยคำอธิบายรูป , การสร้างฟิลเตอร์เองจากภาพไม่ง้อพรีเซ็ตจากแอปข้างนอก และทีเด็ด Single Take ถ่ายแค่ 1 ครั้งแต่ได้ภาพหลากหลายมุมสูงสุดกว่า 14 แบบ
ในส่วนของวิดีโอที่ซัมซุงตั้งชื่อเล่นให้รุ่นนี้เลยว่า Super Video Smartphone ก็ใส่ฟังก์ชั่นจัดเต็มมาเยอะมาก ทั้งการรองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุดถึงระดับ 8K @24fps ที่สามารถแคปเจอร์วิดีโอที่ถ่ายให้กลายเป็นภาพความละเอียด 33 ล้านพิกเซลได้
นอกจากนี้ยังมี Supersteady ที่ใช้ OIS และ AI ช่วยทำให้ขณะเคลื่อนไหวภาพไม่สั่น ที่เคลมไว้ว่าคุณภาพเทียบเท่ากล้อง Action Camera ในตลาด ยังไม่หมดแค่นั้นนะ ยังมีโหมด Pro ในวิดีโอให้ปรับค่าต่างๆ ได้ด้วยเช่น ค่ารูรับแสง iso ที่ทำให้การถ่ายวิดีโอตอนกลางคืนดีขึ้น
แบตเตอรี่
ปริมาณแบตเตอรี่ที่ให้มาทั้ง 3 รุ่นอยู่ในเกณฑ์ที่เยอะกำลังดี 4,000 mAh , 4,500 mAh และสูงสุด 5,000 mAh ซึ่งทั้งสามรุ่นรองรับการชาร์จไว 25W (ที่ชาร์จที่แถมมาให้ในกล่อง) แต่ S20 Ultra 5G จะพิเศษกว่าที่รองรับการชาร์จ 45W (ต้องซื้อแยก)
การประมวลผล
อาจจะเป็นเรื่องน่าผิดหวังสักหน่อยสำหรับผู้ใช้บางกลุ่มที่อยากใช้ชิป Snapdragon 865 เพราะรุ่นที่ขายไทยจะใช้เป็นตัว Exynos 990 ที่การ์ดจอแรงกว่าเดิม 25% (Exynos 9820 ใน S10+) พอสมควรเลย แล้วยิ่งเปลี่ยนมาใช้ RAM ชนิดใหม่ LPDDR5 ที่แรงที่สุดในโลกตอนนี้ ผสานกับความจุตัวเครื่องที่เป็นแบบ UFS 3.0 ตอบสนองรวดเร็วทันใจในแทบทุกการใช้งานปกติและการเล่นเกมกราฟิกสูง ๆ อย่างแน่นอน
ราคา Galaxy S20
- Galaxy S20 8/128GB ราคาเริ่มต้น 28,900 บาท
- Galaxy S20 Plus 12/128GB ราคาเริ่มต้น 31,900 บาท
- Galaxy S20 Ultra 5G 12/128GB ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท
ใครที่สนใจ Samsung Galaxy S20 Series เตรียมกดพรีออเดอร์ได้เลยจ้า 14 กุมภาพันธ์นี้ ตามช่องทาง Samsung BrandShop , ผู้ให้บริการเครือข่าย AIS TrueMove Dtac , Shopee, Lazada บอกเลยว่าของแถมกับส่วนลดสูงสุดรวมกันกว่า 11,990 บาท
