หน้าแรก ไลฟ์สไตล์ เริ่มต้น Fast Diet ยังไง? ให้ลดได้จริง ไม่โยโย่

เริ่มต้น Fast Diet ยังไง? ให้ลดได้จริง ไม่โยโย่

2670

การลดน้ำหนักนั้นเป็นเรื่องที่เพื่อนๆ หลายคนกำลังให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยให้มีสุขภาพที่ดีแล้ว รูปร่างก็ยังดูดี สมส่วน สร้างความมั่นใจให้อีกด้วย แต่การวิธีการลดน้ำหนักแบบเดิมๆ อาจจะยังไม่เห็นผลชัดเจน งั้นลองมาทำความรู้จักกับ Intermittent Fasting (IF) หรือ Fast Diet กันบ้างดีกว่า ซึ่งมันก็คือวิธีการลดน้ำหนักอีกรูปแบบหนึ่ง ที่กำลังเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ส่วนจะมีวิธีการทำยังไงบ้าง ลองมาดูกันเลย

1. Fast Diet คืออะไร ?

Intermittent Fasting (IF) หรือ Fast Diet คือ การกินอาหารแบบจำกัดช่วงเวลา แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงอด (Fasting) และช่วงกิน (Feeding) สำหรับช่วงอด ก็คือช่วงที่ต้องอดอาหาร กินได้แค่น้ำเปล่า ชา หรือกาแฟ ที่ไม่มีแคลอรี่เท่านั้น และช่วงกินคือช่วงที่เราสามารถกินได้ปกติ แบ่งกินกี่มื้อก็ได้ แต่สิ่งที่กินควรมีสารอาหาร และให้พลังงานครบถ้วนในแบบที่ร่างกายต้องการด้วย

2. เริ่มต้นอย่างไรดี ?

หลักการทำงานของการลดน้ำหนักแบบนี้คือ ในช่วงที่เราอดอาหาร ระดับอินซูลินในร่างกายจะต่ำลง จากนั้นร่างกายจะปล่อย Growth Hormone ออกมามากขึ้น ซึ่ง Growth Hormone ตัวนี้ จะเป็นตัวที่ช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี ฉะนั้นการอดอาหารแบบนี้ จะทำให้ร่างกายดึงไขมันที่สะสมไว้ออกมาใช้มากขึ้น แต่เมื่อไขมันถูกนำออกไปใช้ เราก็ควรต้องมีการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งด้วย เพื่อช่วยกระชับกล้ามเนื้อ เพราะหากร่างกายไม่ได้รับการออกกำลังกายเลย สัดส่วนรูปร่างของเราก็อาจจะไม่สวยงาม หรือดูสมส่วนได้เหมือนกัน สำหรับหลักการกินในรูปแบบนี้ ควรยึดหลัก Cal in < Cal out คือการกินให้น้อยกว่าแคลอรี่ที่ใช้ต่อวัน ซึ่งแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการใช้ต่อวันคำนวณได้จากสูตร BMR โดยการคำนวณนั้นก็ง่ายแสนง่าย สูตรที่นำมาใช้คิดก็ คือ
BMR สำหรับผู้ชาย = 66 + (13.7 x น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)) + (5 x ส่วนสูง (เซนติเมตร)) – (6.8 x อายุ)
BMR สำหรับผู้หญิง = 665 + (9.6 x น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)) + (1.8 x ส่วนสูง (เซนติเมตร)) – (4.7 x อายุ)

3. Fast Diet มีการกินกี่แบบ ?

ในเรื่องของการกินนั้น มีวิธีการกินหลักๆ อยู่ 4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่

  • Leangains : การกินแบบ 16/8 เป็นการกินแบบที่คนทั่วไปนิยมทำคือ อดอาหาร 16 ชั่วโมง และกิน 8 ชั่วโมง ถ้าเป็นผู้หญิงควรอด 14 ชั่วโมง และกิน 10 ชั่วโมง หรือปรับชั่วโมงอดให้มากขึ้นอีกซักหน่อยเมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้ โดยการกินแบบนี้ คนทั่วไปจะนิยมอดมื้อเช้า และไปกินในช่วงบ่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกิจวัตรประจำวันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สามารถเลือกช่วงเวลาได้ตามความเหมาะสมและปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเพื่อนๆ ได้เลยFast Diet
  • Eat Stop Eat : อดอาหาร 24 ชั่วโมง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
    การกินแบบนี้จะมีวันที่คุณต้องอดอาหาร 24 ชั่วโมง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้าวันไหนไม่ได้อดอาหารก็สามารถกินได้ตามปกติตามจำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการ แต่ต้องห้ามใจไม่ให้กินมากจนปริมาณแคลอรี่เกินความต้องการด้วยนะ ซึ่งจริง ๆ แล้วการอดอาหาร 24 ชั่วโมงแบบนี้จะมีข้อเสียมากกว่าวิธีอื่น เพราะการอดทั้งวัน จะทำให้เรากินมากขึ้นในวันถ้ดไป และยังส่งผลเสียต่ออารมณ์ บางครั้งอาจทำให้อารมณ์แปรปรวน เกิดอาการหงุดหงิดจากความหิวได้มากกว่าปกติ
  • 5-2 Diet : การกินแบบ 5 วัน / 2 วัน การกินแบบนี้คือ การกินแบบปกติ 5 วัน และกินแบบ Fasting 2 วัน โดยจะทำติดกัน 2 วันหรือห่างกันก็ได้ ถ้าจะใช้วิธีการกินแบบ Fasting 2 วัน จะไม่ใช่การอดทั้งวันแบบ Eat Stop Eat แต่จะเป็นการกินที่แคลอรี่ต้องต่ำกว่ามาตรฐาน สำหรับผู้ชายสามารถกินได้ 600 แคลอรี่ ส่วนของผู้หญิงกินได้ 500 แคลอรี่ หรือก็คือประมาณ 1/4 ของแคลอรี่ต่อวัน
  • The Warrior Diet : การกินแบบ 20/4 การกินแบบสุดท้ายเป็นการกินแบบอด 20 ชั่วโมง และกิน 4 ชั่วโมง โดยใน 4 ชั่วโมงนั้นจะต้องกินให้ครบตามแคลอรี่ที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โดยเน้นเป็นโปรตีน และผักสด และในช่วงอด 20 ชั่วโมงก็สามารถกินน้ำดื่มหรืออาหารที่มีแคลอรี่ต่ำได้ เช่น น้ำเปล่า โยเกิร์ต เบอร์รี่ ชา กาแฟที่ไม่ใส่น้ำตาล หรืออะไรก็ตามที่มีความหวานต่ำ สำหรับคนที่กินไม่เก่ง หรือไม่สามารถกินมื้อใหญ่ ๆ ได้เพียงมื้อเดียว การกินแบบนี้อาจไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไร และอาจส่งผลเสียให้สุขภาพตามมาอีกด้วย

4. กินอะไรได้บ้าง ?

สำหรับอาหารที่ควรรับประทาน ในช่วงเวลาที่ทานได้นั้น สิ่งสำคัญคือ เพื่อนๆ ต้องควบคุมเรื่องของปริมาณ แคลอรี่ในแต่ละวันให้เหมาะสม ซึ่งอาหารที่มีความมัน อย่างของทอด หรือปิ้งย่าง อาจจะต้องจำกัดปริมาณด้วย เพราะหากเป็นสายบุฟเฟ่ท์ กินแบบไม่คำนวณดีๆ แล้วละก็ โอกาสที่จะลงพุงในขณะลดความอ้วนอาจเกินขึ้นได้แน่ๆ ทางที่ดีแนะนำว่าควรทานอาหารในสัดส่วนอย่าง ข้าว 1 ส่วน ผัก 2 ส่วน และ เนื้ออีก 1 ส่วน และควรลดอาหารรสจัดด้วยก็จะเป็นการดี

5. ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ?

สิ่งสำคัญที่สุดของการลดน้ำหนักก็คือ การออกกำลังกายในช่วงเวลาที่ร่างกายนำปริมาณไขมันมาใช้ หรือในช่วงที่งดรับประทานอาหารมื้อใหญ่นั่นเองค่ะ เพราะในช่วงเวลานั้น หากเราออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในแบบเวทเทรนนิ่ง ก็จะสร้างความกระชับ และสร้างกล้ามเนื้อทำให้มีรูปร่างที่สมส่วนและดูดีได้ อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องปฏิบัติก็คือ การให้ความสำคัญกับเรื่องพักผ่อน เพราะช่วงเวลาที่งดทานอาหารนั้น ร่างกายจะมีความอ่อนเพลียได้ง่ายกว่า การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยสร้างความสมดุลให้กับร่างกายได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับการลดน้ำหนักแบบ Fast Diet นั้น ก็ไม่ได้ทำยากหรือทำง่ายเกินไป แต่สิ่งสำคัญนั้นขึ้นอยู่กับร่างกาย และการทานอาหารที่เน้นปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งต้องเลือกรูปแบบของการกินให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนด้วย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการลดน้ำหนักรูปแบบนี้ค่ะ