หน้าแรก เครื่องใช้ไฟฟ้า เคล็ดลับเลือกแอร์บ้านให้คุ้มค่า กับวิธีคิด BTU

เคล็ดลับเลือกแอร์บ้านให้คุ้มค่า กับวิธีคิด BTU

3046
วิธีคำนวณขนาดแอร์ที่ต้องการใช้ภายในบ้าน (1)

การจะซื้อแอร์บ้านสักตัว หรือจะซื้อแอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุดเนี่ย ลำพังดูแค่ว่า แอร์ตัวเล็ก หรือแอร์ขนาดเล็กอย่างเดียวมันไม่ได้นะครับ เพราะความคุ้มค่าในการติดแอร์มันมีหลากหลายปัจจัยที่เราต้องมาคิดคำนวณกัน แอร์ 9,000 BTU ก็ใช่ว่าจะถูกกว่าแอร์ 18,000 BTU ถ้าเราไม่ตอบโจทย์ปัจจัยการใช้งานต่างๆ อย่างลงตัว ซึ่งวันนี้เราจะพาไปดูการเลือกแอร์บ้านให้คุ้มค่ากันว่า เลือก BTU แอร์อย่างไร แอร์ขนาดเล็ก แอร์ขนาดใหญ่ แอร์ยี่ห้อไหนดีสุด แอร์ติดบ้านแบบไหนคุ้มค่าที่สุด!

แอร์บ้านทำความเข้าใจในเครื่องปรับอากาศแต่ละประเภท

อันดับแรกก่อนที่จะบึ่งไปซื้อแอร์ 9,000 BTU มาใช้งาน หรือจะถามหาว่าแอร์ยี่ห้อไหนดีสุด เพื่อนๆ ต้องมาทำความเข้าใจของประเภทเครื่องปรับอากาศกันก่อนครับ ซึ่งถ้าแบ่งคร่าวๆ เนี่ยแอร์ก็มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 4 ประเภทด้วยกัน คือ

1. แอร์ตู้ตั้งพื้น

แอร์ตั้งพื้นเป็นแอร์ที่กระจายความเย็นได้ดี ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน และทนต่อฝุ่นควัน จะเป็นการตั้งอยู่บนพื้น เหมาะกับห้องขนาดใหญ่ที่มีผู้คนหนาแน่น เช่น โรงงาน โรงพยาบาล ข้อดีคือเย็นมากๆ แต่ข้อเสียคือ มีขนาดใหญ่ และกินไฟสุดๆ

2. แอร์ติดผนัง

สำหรับแอร์ติดผนัง จะเป็นแอร์ตัวเล็ก เรียกว่าแอร์ที่ดีที่สุดก็คงไม่ผิดหรอกครับ เพราะเป็นแอร์ที่เราเห็นกันเป็นประจำ ใช้งานกันทั้งประเทศเนี่ยแหละ จะมีคุณสมบัติกระจายความเย็นได้ทั่วถึง ใช้งานง่าย ทนนาน มีขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดกลางเลย ใช้งานได้หลากหลายความต้องการ ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ต้องตัวนี้เลย

3. แอร์แขวนใต้ฝ้า

แอร์แขวน เป็นแอร์ที่เอาไว้ติดตั้งใต้ฝาเพดาน ซึ่งกระจายความเย็นได้ดี ทนทาน แต่เหมาะสำหรับใช้ตามพวกสำนักงาน ร้านค้า ซะเป็นส่วนใหญ่ มีขนาดที่ใหญ่กว่าแอร์ติดผนังพอสมควร

4. แอร์ฝังในฝ้า

แอร์ฝังฝ้า สำหรับแอร์ประเภทนี้จะใช้ติดเข้าไปในเพดานเลย ทั้งตัวเครื่อง ทั้งท่อน้ำทิ้ง และท่อน้ำยา เหมาะกับห้องที่อยากได้ความสวยงาม แต่จะราคาสูงกว่าแอร์ทั่วๆ ไป

เลือกประเภทได้แล้ว มาดูที่ขนาดแอร์บ้านกัน แอร์ตัวเล็ก ตัวใหญ่ เลือกยังไง มีคำตอบ!

หลังจากเลือกประเภทของแอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็มาดูที่ขนาดของแอร์กันบ้างแล้วล่ะครับ บางคนบอกว่า ถ้าซื้อแอร์ตัวเล็ก ก็ต้องประหยัดสุดน่ะสิ เพราะไม่ต้องทำงานเยอะ ไม่ต้องเปลืองไฟ ทั้งถูก ทั้งประหยัด สบายกระเป๋า สรุปแอร์ตัวเล็ก คือแอร์ที่ดีที่สุด!

ใครกำลังคิดแบบนี้อยู่ขอให้ทำความเข้าใจใหม่ด่วนเลยครับ เพราะแอร์ 9,000 BTU ใช่ว่าจะประหยัดกว่า แอร์ 18,000 BTU เสมอไป ถ้าเราเลือกซื้อใช้ไม่เหมาะสมกับสภาพห้อง ซึ่งการซื้อแอร์ต้องดูขนาดห้องเป็นสำคัญ ว่ากว้างแค่ไหน แล้วค่อยเลือกคิดค่า BTU ตามมาว่าจะซื้อแอร์ขนาดเท่าไหร่ดี เพราะถ้าเลือกแอร์เล็ก แต่ห้องใหญ่ สุดท้ายใช้งานไปแอร์ก็ต้องทำงานหนักมากเพื่อให้ห้องเย็น และเป็นการกินไฟมากอยู่ตลอดเวลา เพราะทำงานหนัก ส่งผลให้ค่าไฟแพงกว่าแอร์ตัวใหญ่ซะอีก ดังนั้นจึงต้องเลือกแอร์ที่ดีที่สุด โดยดูจาก BTU เป็นหลัก

BTU คืออะไร

BTU ก็คือ ขนาดทำความเย็นของแอร์เราเนี่ยแหละ แอร์ที่มี BTU สูงเกินขนาดห้อง จะทำให้แอร์เย็นไว แล้วคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย อายุสั้น พังง่าย ทำให้ความชื้นภายในห้องสูง และคนที่อาศัยอยู่เกิดการเจ็บป่วยได้ แต่ถ้า BTU ต่ำเกินไปก็จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลา และทำงานหนักมากเกินไปจนกินไฟอย่างที่บอกไปนั่นเอง ซึ่งแอร์บ้านส่วนมาที่ผลิตกันจะมีขนาด ไม่เกิน 24,000 BTU แต่ก้อาจจะมีบางเจ้าที่ผลิตขนาด 30,000 BTU ขึ้นไป

ห้องขนาดไหน เหมาะกับกี่ BTU

“แอร์ที่ดีที่สุดไม่มีอยู่จริง” อยู่ที่ว่าคุณซื้อไปใช้ตอบโจทย์กับหน้าที่ของมันรึเปล่าเท่านั้นเอง

ปัจจัยง่ายๆ เหล่านี้จะทำให้เพื่อนๆ สามารถเลือกซื้อแอร์ติดบ้าน แอร์ตัวเล็กๆ และแอร์ที่ดีที่สุดได้ โดยที่เพื่อนๆ ไม่ต้องไปเสียเวลาตามหาเลยว่า แอร์ 18,000 BTU ยี่ห้อไหนดี แอร์รุ่นไหนดี แอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุด ตัดปัญหาทุกอย่างไปได้หมด เพราะสุดท้ายแล้วปัจจัยเหล่านี้ต่างหากล่ะครับ ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าแอร์ของคุณจะดี จะคุ้มค่ามากแค่ไหน ต่อให้คุณติดตั้งกระทู้ถามว่า แอร์ 20,000 BTU ยี่ห้อไหนดี แล้วมีคนเข้ามาตอบ คุณไปซื้อมาใช้งานตาม แต่ลืมใส่ใจทั้งประเภทแอร์ และคำนวณพื้นที่อย่างดี ก็จะส่งผลให้แอร์ที่คุณคิดว่าดีที่สุดตัวนั้นไร้ประโยชน์ไปในทันที เพราะใช้งานอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพของมันนั่นเองครับ

สุดท้ายแล้วถ้าเพื่อนๆ จะเลือกซื้อแอร์บ้านสักตัวนึงก็อย่าลืมมองหาตราสัญลักษณ์ INVERTER ไว้ด้วยนะครับ เพราะเป็นระบบทำความเย็นรูปแบบใหม่ที่จะช่วยประหยัดพลังงาน และสร้างความเย็นฉ่ำอย่างสม่ำเสมอ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และคำตอบของคนที่ต้องการแอร์ประหยัดไฟอย่างแท้จริง อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือ ถ้าหากได้รุ่นหรือแอร์ที่เหมาะกับกรใช้งานแล้วอย่าลืมเปรียบเทียบราคาก่อนซื้อกันด้วย เพื่อความคุ้มค่า ได้สินค้าราคาดีที่สุด