ตอบข้อสงสัย หม้อหุงข้าว ต้องใช้อุณหภูมิเท่าไหร่ ข้าวถึงจะสุกได้พอดี

หม้อข้าวไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ใช้งานกันเป็นประจำทุกวัน โดยที่ตอนนี้หลายคนก็อาจจะหลงลืมถึงวิธีหลักในการหุงข้าวแบบฉบับดั้งเดิมกันไปแล้ว เพราะขั้นตอนการหุงข้าวสมัยนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายเสียเหลือเกิน เพียงแค่ตวงข้าวและน้ำลงในหม้อแล้วก็กดปุ่ม จากนั้นจะไปทำอะไรต่อก็ได้ กลับมาก็ได้ทานข้าวสวยแสนอร่อยที่มีหน้าตาน่าทานได้ง่ายๆ

หากแต่ว่าถ้าใครที่นิยมทานข้าวในประเภทต่างๆ ที่มีข้อจำกัดและวิธีการหุงซึ่งต้องใช้อุณหภูมิที่แตกต่างก็อาจจะประสบปัญหาในเรื่องการหุงข้าวแล้วไม่สุก หรือสุกแต่ไม่ทั่วทุกส่วน แล้วจะมีวิธีการแก้ไขกับจัดการปัญหานี้ได้อย่างไร สามารถที่จะใช้เรื่องการจัดการอุณหภูมิที่พอเหมาะในการหุงข้าวมาช่วยได้

หม้อหุงข้าวที่ใช้กัน แบ่งได้กี่ประเภทนะ?

ปัจจุบันหม้อหุงข้าวมีลักษณะรูปร่างหลากหลายมากมาย แต่ถ้าแบ่งตามคุณลักษณะที่แตกต่างกัน จะมีอยู่ 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ แบบธรรมดา แบบฝาล็อก และแบบควบคุมด้วยไมโครโปรเซสเซอร์

1. แบบธรรมดา

หม้อหุงข้าวแบบธรรวมดาจะมีหลายขนาด มีตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ คือ มีขนาดตั้งแต่ 0.5 – 4 ลิตร บางรุ่นอาจมีระบบอุ่นอัตโนมัติด้วยแต่ต้องเสียบสายไฟไว้ตลอด และบางรุ่นก็มีอุปกรณ์เสริม เช่น หม้อชั้นใน ใช้นึ่งอาหารหรือต้มข้าวต้มได้ เป็นต้น

2. แบบฝาล็อก

หม้อหุงข้าวแบบฝาล็อก ส่วนใหญ่จะมีขนาด 1 – 1.8 ลิตร มีลักษณะฝาหม้อติดกับตัวหม้อด้วยบานพับ หลังจากที่ข้าวสุกแล้ว ความร้อนของข้าวจะอยู่ได้นาน โดยไม่ต้องเสียบสายไฟ เนื่องจากมีฉนวนกันความร้อน และฝาที่ปิดสนิท 

3. แบบควบคุมด้วยไมโครโปรเซสเซอร์

หม้อหุงข้าวแบบควบคุมด้วยไมโครโปรเซสเซอร์ ส่วนใหญ่มีขนาด 1.8 ลิตร มีคุณลักษณะพิเศษหลายอย่าง เช่น สามารถเลือกโปรแกรมหุงข้าวโดยมีหน้าปัดเป็นดิจิทัลบอกเวลา และแสดงลักษณะการทำงานได้ เป็นต้น

หลักการทำงานของหม้อหุงข้าว

หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อาศัยหลักการของกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดนิโครม ทำให้เกิดความร้อน ใช้หลักการเดียวกับเตารีดไฟฟ้า เครื่องเป่าผม กระติกน้ำร้อน เป็นต้น

• ความร้อนที่เกิดขึ้นจะส่งต่อมายังแผ่นความร้อนด้านในของหม้อชั้นนอก
• ส่งต่อไปยังหม้อชั้นในเพื่อทำให้ข้าวสุก
• ตัวหม้อชั้นนอกทำหน้าที่เป็นเตา
• ส่วนตัวหม้อชั้นในคือหม้อข้าว และแผ่นความร้อนเป็นเชื้อเพลิง

หม้อหุงข้าวจะทำการตัดสวิตซ์ ปิดตัวเองโดยอัตโนมัติเมื่อข้าวสุก หรือตัดไปที่สวิตซ์การอุ่นข้าวแทน ซึ่งการทำงานตรงจุดนี้อาศัยหลักการทำงานของตัวควบคุมอุณหภูมิ Thermostat เมื่อข้าวสุกได้ที่ปริมาณน้ำที่เราเติมพอดีสำหรับการหุงข้าวสวยจะกลายเป็นไอน้ำ และเป็นไอดงข้าวอยู่ในตัวหม้อชั้นใน

เข้าใจถึงรูปแบบการทำงานของหม้อหุงข้าวช่วยในการหุงข้าวได้

การหุงข้าวด้วยหม้อข้าวมีหลักการสำคัญที่ช่วยให้สามารถหุงข้าวออกมาได้สวยและสุกพอดี นั่นก็คือเรื่องของประเภทของข้าวที่จะใช้ในการหุง ซึ่งถึงแม้ว่าจะดูเป็นข้าวสวยเหมือนๆ กัน แต่เรื่องของสายพันธุ์ข้าวที่แตกต่างกันก็จะมีวิธีการหุงที่ต่างกัน โดยเฉพาะส่วนของสัดส่วนระหว่างข้าวกับน้ำที่จะส่งผลโดยตรงต่อการสุกของข้าว

และสำหรับส่วนของอุณหภูมิที่ใช้ในการหุงข้าวทั่วไปจะอยู่ที่จุดเดือดของน้ำนั่นก็คือ 100 องศา สิ่งนี้เองที่เป็นหลักการทำงานของหม้อข้าวด้วยการวัดอุณหภูมิของหม้อ ซึ่งถ้าหากว่าตัวหม้อมีความร้อนที่เกินกว่า 100 องศา ก็จะทำการตัดการทำงานในระการหุงให้กลายมาเป็นการอุ่นข้าวแทน

และการที่ตัวระบบจะรู้ได้แล้วทำการตัดระบบหุง ก็มาจากการที่ตัวน้ำในข้าวแห้งลง จนทำให้ความร้อนของหม้อสูงเกิน 100 องศา เพราะน้ำแห้งไปหมดแล้วนั่นเอง ด้วยหลักการนี้เลยทำให้เราสามารถที่จะหุงข้าวได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าข้าวจะสุกดีหรือเปล่า ตราบที่เราตวงสัดส่วนระหว่างข้าวกับน้ำที่เหมาะสม

แต่ว่าหากใครที่ต้องการหุงข้าวประเภทอื่นซึ่งมีการใช้อุณหภูมิที่ต่างจากการหุงข้าวแบบทั่วไปที่นิยมในบ้านเรา อย่างเช่น ข้าวญี่ปุ่น ที่ต้องใช้ความร้อนสูงในการหุงก็สามารถที่จะใช้เทคนิคในการเพิ่มจำนวนน้ำในการตวงให้มากกว่าเดิม เพื่อให้การหุงมีความต่อเนื่องและนานขึ้น ก็จะช่วยให้ข้าวสุกได้ในความร้อนที่พอเหมาะ

เปลี่ยนการจัดการความร้อนให้ง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยี

สำหรับใครที่อาจยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับอุณหภูมิในการหุงข้าวให้พอเหมาะเพื่อให้ได้ข้าวสวยที่อร่อยดั่งใจ ก็สามารถเลือกใช้ฟังก์ชันการทำงานของหม้อข้าวที่เป็นดิจิตอลได้ ด้วยการออกแบบที่ถูกคำนวนมาแล้วเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นข้าวประเภทไหนก็สามารถที่จะหุงให้สุกได้ง่ายๆ เพียงแค่กดปุ่มเดียว ระบบการทำงานก็จะทำการจัดการหุงข้าวให้เราทันทีโดยที่ไม่ต้องมานั่งทำอะไรให้ลำบาก เพราะในเมื่อมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อมฟังก์ชันดีๆ มาให้ใช้ถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ไม่ใช้ก็กะไรอยู่

นอกจากนั้นแล้วในหม้อข้าวยุคใหม่ก็ยังมีระบบการทำงานที่หลากหลายมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานระบบจัดการเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ข้าวบูดเร็ว ซึ่งจะพบมากในหม้อที่เคยปล่อยให้ข้าวบูดมาก่อนแล้ว โดยที่ตัวหม้อจะทำการทำความร้อนให้สูงเกิน 100 องศาเพื่อฆ่าเชื้อโรค หลังจากนั้นเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องข้าวจะบูดเร็วอีกต่อไป รวมไปถึงความสามารถในการทำอาหารประเภทต่างๆ ในความร้อนที่เหมาะสมกับแต่ละเมนู ซึ่งผ่านการคำนวนมาเป็นอย่างดีแล้ว สิ่งสำคัญก็คือเราจะต้องเลือกเมนูสำหรับการใช้งานให้ถูกต้องแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็พอ