ปริมาณแคลอรี่ของยำ กินยำลดความอ้วนได้!! งั้นหรอ? มาเปรียบเทียบกัน
สมัยนี้ใครใครก็กันมาดูแลรูปร่างโดยการเช็ค “แคลอรี่” ในอาหาร ดูแลหุ่นให้สวยเช้งกันมากขึ้น และหลายคนที่กำลังลดน้ำหนักก็คงพยายามหาข้อมูล หาวิธีกันว่า แบบไหนที่จะทำให้ลดน้ำหนักได้ดีที่สุด ซึ่งคำแนะนำเบื้องต้นก็คือเราจะต้องควบคุมอาหารที่ทาน ให้มีไขมันน้อยที่สุด และก็ควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ซึ่งเมนูยำนี่ถือเป็นเมนูยอดฮิตเลยสำหรับสาวๆ ที่มักจะมองว่าเป็นเมนูที่ดีหากกินในเวลาที่ต้องการลดความอ้วน แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ว่าความเป็นจริงแล้ว เพราะอะไรที่ทำให้เราลดหุ่นได้ ใช่ยำหรือไม่ หรืออย่างยำมาม่า มีปริมาณแคลอรี่ของยำเท่าไร กินเพื่อลดหุ่น เพื่อความเฟิร์มได้ผลจริงไหม วันนี้จะพามาหาคำตอบกัน
แคลอรี่ คืออะไร?
คงได้กันเยอะถึงคำว่า แคลอรี่ๆๆ แต่น้อยคนจะเข้าใจว่าแคลอรี่ คืออะไร… จริงๆ แล้ว แคลอรี่เป็นหน่วยวัดพลังงาน โดย 1 แคลอรี่ เท่ากับปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 กรัมมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 องศาเซลเซียส ส่วนพลังงานที่ได้รับจากอาหาร จริงๆ เรียกเป็น กิโลแคลอรี่ ซึ่งร่างกายของเราต้องการพลังงานวันละ 25 กิโลแคลอรี่ ต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม ดังนั้น ถ้าเราน้ำหนัก 50 กิโลกรัม นั่นหมายถึงเราจะต้องการพลังงานขั้นต่ำสุดประมาณวันละ 1,250 กิโลแคลอรี่ แต่ทั้งนี้ ทุกคนย่อมไม่เท่ากัน เพราะขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละวันนั้นเราทำกิจกรรมอะไรบ้าง บางคนมีกิจกรรมอื่นๆ ทำ เช่น ออกกำลังกาย คาร์ดิโอ ทำงานประเภทแบกหามใช้แรง ก็จะต้องการพลังงานมากหน่อย
ในบรรดาสาวๆ ที่กำลังคุมอาหารเพื่อลดความอ้วนอยู่นั้น มักจะมีคนชอบบอกว่า กินยำสิจะได้ไม่อ้วน ทานส้มตำสิแล้วจะผอม ก็เลยทำให้เกิดข้อสงสงสัยจากชาว Priceza ว่า… อาหารประเภท ส้มตำยำวุ้นเส้น หรือยำประเภทต่างๆ เนี่ย มันลดความอ้วนได้จริงไหม? เพราะบางครั้งก็จะมีคนบอกเหมือนกันว่า ส้มตำเนี่ยตัวอ้วนเลย ก็เลยสงสัย เพราะในความคิดเราคิดว่า มันไม่มีแป้ง และเป็นพวกผักซะส่วนใหญ่ ทำให้ถ่ายง่าย แต่อาจจะมีความอ้วนจากความเค็มของน้ำปลาร้าบ้าง หรือน้ำตาลปิ๊บ น้ำตาลทราย ก็เลยเกิดสงสัย เพราะฉะนั้น Priceza เลยหาคำตอบมาให้ว่า จริงๆ แล้วในเมนูยำแต่ละจาน แต่ละประเภทเนี่ย มีแคลอรี่เท่าไรบ้าง แล้วจะกินแล้วไม่อ้วนจริงหรือไม่
ยำแต่ละชนิด แคลอรี่เท่าไหรกันนะ?
สงสัยกันมั้ยคะ? ว่าการกินยำเพื่อลดน้ำหนัก เป็นเรื่องที่ทำได้จริงหรือไม่? และยำแต่ละชนิด มีปริมาณแคลอรี่เท่าไหร่? เราไปดูคำตอบกันดีกว่าค่ะ
ยำวุ้นเส้น 120 kcal
ในยำวุ้นเส้นหนึ่งจาน มีส่วนประกอบของ วุ้นเส้น เนื้อสัตว์ ผัก และเครื่องปรุง ซึ่งแต่ละอย่างนั้น ปริมาณแคลอรี่ของยำไม่สูง จึงทำให้ปริมาณแคลอรี่รวมมีเพียงแค่ 120 kcal เท่านั้น อิ่มท้อง ได้ประโยชน์ครบ 5 หมู่ และไขมันไม่มากด้วย ซึ่งถ้าใครที่เน้นทานคลีน ก็สามารถทำกินเอง โดยลดปริมาณเครื่องปรุง ให้พอประมาณ คัดสรรเนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมัน เท่านี้ก็เลิศค่ะ
ยำมะม่วง 55 kcal
เมนูยำมะม่วงจานนี้ ปริมาณแคลอรี่ของยำน้อยมากค่ะ เพราะส่วนประกอบในเมนูนี้มีไม่มีกี่อย่าง มีแค่มะม่วงกับเครื่องยำ ซึ่งน้อยนี่ไม่ใช่ว่าดีนะ มันน้อยเกินไป ถ้ากินเล่นๆ แก้ง่วงก็กินได้ แต่ถ้ากินเพื่อลดน้ำหนักนี่ไม่แนะนำ เพราะสารอาหารไม่ครบถ้วน ไม่ค่อยมีโปรตีนด้วย
ยำปลากระป๋อง 55 kcal
เมนูเน้นโปรตีน ที่ปริมาณแคลอรี่ของยำแคลอรี่น้อยมาก อาจเป็นเพราะด้วยส่วนประกอบที่น้อย มีเพียงปลาแมคเคอเรล ซอล และเครื่องยำ ไม่มีไขมันจากเนื้อสัตว์อื่นที่นอกจากปลา ก็เลยแคลอรี่เพียง 55 kcal เท่านั้นเอง
ยำมาม่า 215 kcal
หลายคนสงสัยว่า มาม่า แคลอรี่ น้อยจริงหรอ ซึ่งบอกตรงนี้เลยว่ายำมาม่าอาจไม่ใช้ตัวเลือกที่ดีนักสำหรับคนลดความอ้วน เพราะเส้นมาม่านั้นทำจากแป้ง แถมยังมีไขมันเป็นส่วนประกอบในกรรมวิธีการผลิตด้วย แล้วเครื่องปรุงของมาม่าเนี่ยแหละตัวดี ที่จะทำให้ไขมันสะสมได้ เพราะฉะนั้นนอกจากแคลอรี่จากเส้นมาม่าแล้ว ก็ยังมีแคลอรี่จากเครื่องยำอีกต่างๆ หาก ซึ่งรวมๆแล้ว แคลอรี่ ยำมาม่ารวม 215 kcal ถือว่าเยอะเหมือนกันนะคะ
ยำถั่วพู 185 kcal
สารอาหารครบถ้วน แต่ปริมาณแคลอรี่ของยำก็ไม่น้อยนะคะเมนูนี้ เพราะอาจจะด้วยนม น้ำพริกเผาที่ทำให้แคลอรี่มากกว่ายำวุ้นเส้นเสียอีก แต่ในขณะเดียวกันก็มีโปรตีนดีจากพืชผัก กากใยอาหารก็สูงกว่ายำอื่นๆ เช่นกัน ทำให้กินแล้วอยู่ท้อง และพอใจกับมื้ออาหาร ลดความอยากกินจุบจิบได้ดี สำหรับคนที่คุมแคลอรี่อยู่แนะนำให้ใส่พริกเผาให้น้อยลง แล้วเพิ่มโปรตีนอย่างไข่ต้มเข้าไปก็จะช่วยให้อยู่อิ่มนานขึ้นโดยให้ไขมันที่น้อยกว่าอาหารทั่วๆ ไปเยอะเลยค่ะ
ส่วนยำอื่นๆ แคลอรี่จะมากน้อยแค่ไหน เราจัดอันดับมาให้แล้วจ้า
- ยำปลากระป๋อง 55 กิโลแคลอรี่
- ยำมะม่วง 55 กิโลแคลอรี่
- ยำไข่ต้ม 105 กิโลแคลอรี่
- ยำไส้กรอก 110 กิโลแคลอรี่
- ยำผักกะเฉด 115 กิโลแคลอรี่
- ยำมะเขือยาว 115 กิโลแคลอรี่
- ยำวุ้นเส้น 120 กิโลแคลอรี่
- ยำรวมมิตรทะเล150 กิโลแคลอรี่
- ยำหมูย่าง 165 กิโลแคลอรี่
- ยำเนื้อย่าง 165 กิโลแคลอรี่
- ยำถั่วพู 185 กิโลแคลอรี่
- ยำมาม่า 215 กิโลแคลอรี่
- ยำกุนเชียง 220 กิโลแคลอรี่
- ยำหนังหมู 220 กิโลแคลอรี่
- ยำปลาดุกฟู 275 กิโลแคลอรี่
- ยำผักบุ้งทอดกรอบ 310 กิโลแคลอรี่
- ยำขนมจีน 220 กิโลแคลอรี่
น้อยสุดก็คือ ยำปลากระป๋อง และยำมะม่วง ส่วนเมนูที่แคลอรี่ไม่เยอะมาก และได้สารอาหารครบ เหมาะกับคนออกกำลังกาย คนที่ลดน้ำหนัก คุมอาหาร ก็คงจะเป็น ยำหมูย่าง ยำเนื้อย่าง แต่ต้องเลือกเป็นหมูหรือเนื้อที่ไม่ติดมันนะคะ ถึงจะดี ส่วนเมนูต้องห้ามเลยก็คือ พวกยำกุนเชียง ยำหนังหมู ยำปลาดุกฟู และยำผักบุ้งกรอบ ที่แคลอรี่สูงเกิน 200 kcal แถมยังมีไขมันทั้งจากการทอด และจากตัววัตถุดิบเองด้วยค่ะ
ทริคก่อนจาก…กินอย่างไรไม่ให้อ้วนกว่าเดิม
คำแนะนำสำหรับการกินอาหารที่ได้ประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆ แล้วไม่ทำให้อ้วนไปกว่าเดิมคือ เราต้องกินอาหารให้ครบ 5หมู่ ในแต่ละวัน หรือทุกๆ มื้อ ได้ยิ่งดี และถ้าหากไม่อยากให้อ้วนไปกว่าเดิม ก็ควรกินอาหารให้ได้ แคลอรี่ ที่ไม่เกินจากความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดย ผู้หญิงจะต้องการพลังงานเฉลี่ยวันละ 1,500 กิโลแคลอรี่ ส่วนผู้ชายจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ ดังนั้นถ้าเราควบคุมแคลอรี่ในมื้ออาหารแต่ละมื้อ ให้รวมใน1วันแล้วไม่เกินไปกว่าที่ร่างกายใช้งาน ก็จะทำให้เราไม่อ้วนไปกว่าเดิม… และที่สำคัญ เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ก็จะเลี่ยงความอ้วน พุงละสมแน่นอนจ้ะ
5 สูตรน้ำจิ้มซีฟู้ด สุดแซ่บ ทำเองง่าย ทำขายรวย!
หรือเลือกซื้อน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบสำเร็จรูปผ่านทางออนไลน์ได้เลย มีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก ชอบรสแบบไหน เผ็ดน้อย เผ็ดกลาง เผ็ดมาก สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยจ้า
บทส่งท้าย
ยำนับเป็นเมนูแซ่บ ๆ ที่สามารถกินได้ทุกวัน รับรองว่าใครก็ต้องชอบเพราะนอกจากอร่อยแล้ว ยังสามารถนับเป็นเมนูที่ลดความอ้วนได้อย่างดี แต่อาจจะต้องเลือกกินยำที่เหมาะสมรวมถึงเครื่องปรุงก็ต้องจัดการให้พอดีด้วยนะคะ
