
นาทีนี้ถ้าพูดกันถึงเรื่องรองเท้าสนีกเกอร์ยอดฮิต เชื่อว่าเกินกว่าครึ่งต้องนึกถึง รองเท้า Fila รองเท้าแบรนด์ดังจากประเทศเกาหลีใต้ที่นอกจากรูปลักษณ์ของรองเท้าจะสวยเท่น่าสวมใส่แล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ เรื่องของการตลาดที่ดีงามเหลือเกิน เพราะพรีเซ็นเตอร์แต่ละคนทำเอาสาวกเคป๊อบและคอซีรีส์เกาหลี ไม่ว่าจะเป็น พระเอกคิมซูยอน นักแสดงวัยรุ่นคิมยูจอง นักกีฬาว่ายน้ำพัคแทฮวาน นักยิมนาสติกลีลาซนยอนแจ นักร้องดังวง Bigbang, 2NE1, Beast, Infinite และล่าสุดวง BTS ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Fila ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ขายดีแบรนด์หนึ่งของโลก สำหรับรองเท้ารุ่นขายดีก็มีด้วยกันอยู่หลายรุ่น ทั้ง FILA Disruptor, FILA Disruptor evo sockfit, FILA Royal Beginnings, FILA Shift low และ FILA Ravel S Low อย่างไรก็ตามความจริงแล้วแบรนด์ Fila ไม่ได้มีต้นกำเนิดขึ้นที่ประเทศเกาหลี แต่ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศอิตาลีเมื่อกว่า 100 ปีก่อน เรียกได้ว่าเป็นพี่ใหญ่ในวงการรองเท้าเลยก็ว่าได้ ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนรู้จัก Fila มากขึ้น เราจึงมีประวัติและเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของรองเท้าแบรนด์นี้มาฝาก
จุดเริ่มต้นของแบรนด์รองเท้า Fila
ถือกำเนิดขึ้นในปี 1909 ที่เมืองเบลลา ประเทศอิตาลี โดยพี่น้องตระกูล Fila ซึ่งเริ่มแรกบริษัทนี้ทำธุรกิจเสื้อผ้าสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณเทือกเขาแอลป์ แม้ต่อมาได้เบนเข็มไปผลิตชุดชั้นในแทน จนกระทั่งปี 1942 แบรนด์ Fila ก็เริ่มเข้าสู่การผลิตเสื้อผ้าชุดกีฬาอย่างเต็มตัวและโด่งดังเป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วงยุค 70 เมื่อ Fila เริ่มจ้างพรีเซ็นเตอร์ระดับโลก อย่าง Bjorn Borg นักเทนนิสชาวสวีเดน มือวางอันดับต้น ๆ ของโลกในขณะนั้น อีกทั้งนักปีนเขาชื่อดังชาวอิตาลียังสวมใส่รองเท้าแบรนด์นี้พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Fila เริ่มต้นผลิตสินค้าเกี่ยวกับกีฬาชนิดอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ต่อมาในปี 1997 แบรนด์ Fila ก็ประสบความสำเร็จมากขึ้นกับแนวผ้าแนวสตรีทและรองเท้าส้นตึกที่ฮิตมากในกลุ่มนักร้องแนว Hip-Hop และสาวกของนักร้องหญิงวง Spice Girl ส่งผลให้ Fila มียอดขายทั่วโลกได้หลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่จุดหักเหของแบรนด์ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2007 เมื่อแบรนด์ Fila ประสบปัญหาทางการเงินและขาดทุนอย่างรุนแรง เพราะมียอดขายสินค้าทั่วโลกได้น้อยกว่าร้อยล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากไม่สามารถทำให้สินค้าเติบโตในวงการแฟชั่นระดับไฮเอนท์ได้ นอกจากนั้นการเลือกเปิดช็อปแบบ Stand Alone มากกว่าการเปิดในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ยังส่งผลให้ยอดขายสู้แบรนด์รุ่นน้องอย่าง Nike และ Adidas ไม่ได้ ทำให้ยอดขายทั่วโลกตกลงอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นแบรนด์ Fila ก็ยังโชคดีที่มีคนเข้ามากอบกู้ธุรกิจนี้เอาไว้นั่นก็คือ นายยูน กึน ชาง ผู้บริหาร Fila สาขาประเทศเกาหลีใต้ ที่กล้าเสี่ยงซื้อหุ้นมูลค่าสูงถึง 450 ล้านเหรียญสหรัฐ จากบริษัทแม่ที่กำลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก แถมยังไม่ยอมเปลี่ยนชื่อเครื่องหมายการค้าและยังคงใช้ชื่อว่า Fila ตามเดิมอีกด้วย
อย่างไรก็ตามในช่วงแรกของการเปลี่ยนแปลงเพื่อพยุงบริษัทเอาไว้แบรนด์ Fila ต้องจำยอมปลดคนงานและปิดสาขาที่ขาดทุนหรือได้กำไรน้อย อีกทั้งยังต้องเปลี่ยนแปลงแผนการตลาดครั้งใหญ่ด้วยการวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และร้านค้าปลีกที่จำหน่ายรองเท้าเป็นสินค้าหลัก ซึ่งนับว่าการตัดสินใจของนายยูน กึน ชาง เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดจนสื่อเกาหลีใต้ตั้งฉายาให้กับนักธุรกิจผู้ชาญฉลาดท่านนี้ว่า ‘กุ้งกลืนวาฬ’ เพราะหลังจากควบรวมกิจการ Fila บริษัทแม่จากอิตาลี และย้ายบ้านใหม่มาอยู่ที่เกาหลีใต้ แบรนด์ Fila ก็ถือว่าเป็นแบรนด์ที่โตวันโตคืน สามารถซื้อหุ้นและกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Acushnet Holdings แบรนด์กีฬากอล์ฟชื่อดังที่มีมูลค่า 3.7 หมื่นล้านบาท และร่วมทุนกับบริษัท ANTA Sports เพื่อเข้าทำตลาดในประเทศจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ จนตอนนี้ Fila สามารถขยายธุรกิจของตัวเองไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก มีผลกำไรหลายพันล้านต่อปี ซึ่งผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,549 ล้านบาท ซึ่งมาจากสินค้าแบรนด์ Fila 39 % และ สินค้าจาก Acushnet บริษัทในเครือของ Fila 61 %
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับประวัติเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแบรนด์ Fila แบรนด์รองเท้าชื่อดังที่หลายคนชื่นชอบ เรียกว่ากว่าจะมาเป็น รองเท้า Fila ที่มีชื่อเสียงโด่งดังถูกใจวัยรุ่นทั่วโลกตอนนี้ ต้องผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความสำเร็จสูงสุด พบกับจุดตกต่ำขาดทุน จนกลับมาตั้งตัวได้ใหม่จากการควบรวมกิจการของบริษัทลูกและย้ายบ้านมาอีกซีกโลก แต่วันนี้ Fila พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคุณภาพและการไม่หยุดพัฒนาเป็นสิ่งที่ทำให้ครองใจคนทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน