วิธีเลือกซื้อตู้เย็น ให้คุ้มค่าเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด

ถ้าจะพูดถึง วิธีการเลือกซื้อตู้เย็น เลือกยังไงให้คุ้มค่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งาน บอกเลยว่ามันมีปัจจัยหลายประการเลยแหละ ที่เรา “ต้อง” นำมาพิจารณาเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นขนาดห้องที่เราจะซื้อไปไว้ จำนวนคน พฤติกรรมการใช้งาน หรือปัจจัยที่เกี่ยวกับตัวตู้เย็นเองอย่างเรื่องประเภท ขนาดความจุ(คิว) การรับประกันและบริการหลังการขาย ความสามารถพิเศษที่จะมาช่วยทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นไปอีกขั้น หรือดีไซน์ความสวยงาม เป็นต้น แม้เดี๋ยวนี้ตู้เย็นดี ๆ ราคาไม่ได้แพงมากแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นถ้าซื้อมาใช้แล้วมันคุ้มค่ามันก็คงจะดีกว่า จริงมั้ย?

สำหรับ เกณฑ์วิธีการเลือกซื้อตู้เย็น ที่เวลาคน ๆ นึงจะซื้อตู้เย็นควรจะรู้ เราได้รวบรวมไว้ให้หมดแล้วในบทความนี้ พร้อมบอกคำอธิบายอย่างละเอียด หน้าที่ของเพื่อน ๆ คือ ลองอ่านเพลิน ๆ พร้อมกับทำความเข้าใจไปเรื่อย ๆ แค่นั้นเองจ้า แต่เหนือสิ่งอื่นใด คุณจะต้องประเมินการใช้งาน และดูพื้นที่ในการจัดวางตู้เย็นก่อน คือแบบถ้าเราซื้อมาแล้ว ดันไม่มีที่ให้ติดตั้ง หรือร้ายสุดเอาเข้าห้องไม่ได้ คราวนี้แหละงานงอกแน่นอน

• STEP 1 เล็งตำแหน่ง วัดขนาดพื้นที่ เลือกความจุให้พอดีกับการใช้งาน
• STEP 2 เลือกประเภทตู้เย็นให้ตรงความต้องการ
• STEP 3 เลือกซื้อให้ถูกช่วงเวลา
• LAST STEP  ตรวจสอบสิ่งที่ควรรู้อื่น ๆ เพิ่มเติม

STEP 1 เล็งตำแหน่ง วัดขนาดพื้นที่ เลือกความจุให้พอดีกับการใช้งาน

สมมุติว่าคุณต้องการ ตู้เย็น มาใช้ในคอนโด หอ หรือสักห้องในบ้าน ถ้าสถานที่เหล่านั้นของคุณมีพื้นที่เพียงพอ ก็คงไม่ต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับขนาดเท่าไรนัก แต่กรณีที่ห้องของคุณมีพื้นที่ใช้สอยจำกัด การเลือกซื้อที่ใหญ่เกินความจำเป็น อาจจะกลายสร้างภาระเกะกะห้องได้เลย ด้วยเหตุนี้ การเล็งตำแหน่งในการติดตั้ง วัดขนาดพื้นที่ก่อน และเลือกความจุให้พอดี จะช่วยคุณสามารถจัดการพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม และทำให้รู้ในเบื้องต้นว่าตู้เย็นขนาดไหนที่ควรเลือกซื้อมาใช้

เล็งตำแหน่งและวัดขนาดพื้นที่

สำหรับตำแหน่งการติดตั้งตู้เย็นที่เหมาะสม ไม่มีข้อกำหนดตายตัว เพียงแต่แนะนำว่าควรจะหาพื้นที่ ๆ สามารถเว้นระยะรอบตู้เอาไว้ได้บ้าง เนื่องจากตู้เย็นจำเป็นต้องมีช่องว่างเพื่อให้คอมเพรสเซอร์ระบายความร้อน และไม่ควรติดตั้งใกล้กับแหล่งความร้อน เช่น เตา หรือบริเวณแดดส่องถึงนาน ๆ เนื่องจากมันจะเป็นการสะสมความร้อนมากกว่าเดิม ยังผลให้ตู้เย็นทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น

• บริเวณหลังตู้เย็น (ด้านบน) แนะนำให้เว้นระยะห่างจากเพดานอย่างน้อย 30 เซ็นติเมตร
• บริเวณด้านหลังตู้เย็น (คอมเพรสเซอร์) แนะนำให้เว้นระยะห่างจากอย่างน้อย 15 เซ็นติเมตร
• บริเวณโดยรอบฐานตู้เย็น (ด้านหน้า ซ้าย – ขวา) แนะนำให้เว้นระยะห่างโดยรอบอย่างน้อย 10 เซ็นติเมตร

เลือกความจุตู้เย็นให้พอดี

พอได้ขนาดพื้นที่สำหรับการติดตั้งแล้ว ต่อมาให้ประเมินการใช้งานของตัวเองว่า เราจะซื้อมาใช้กี่คน ปกติเราซื้อของมาไว้เยอะหรือเปล่า ทำอาหารเองมั้ย ซึ่งในหัวข้อนี้มันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องขนาดมาตรฐานของตู้เย็น หรือความจุตู้เย็น ที่เรามักจะได้ยินเค้าเรียกกันในหน่วย คิว(บิกฟุต) นั่นแหละ

หน่วย คิว(บิกฟุต) มาจากสูตรการคำณวนจาก การนำความกว้าง x ความยาว x ความหนา ในหน่วยฟุต แล้วหารด้วย 1,728 แต่เวลาไปซื้อไม่ต้องพกตลับเมตรไปเด้อ เพราะในใบสเปคสินค้าจะมีบอกให้อย่างเสร็จสับ ในส่วนนี้ให้เพื่อน ๆ ลองประเมินว่าตัวเองตนเองมีไลฟ์สไตล์แบบไหน แล้วเลือกขนาดให้แมทช์กับพื้นที่ ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินความจำเป็น โดย

• กรณีใช้งาน 1 – 3 คน ใส่ของไม่เยอะ ทำอาหารเองบ้างบางครั้ง แนะนำตู้เย็นขนาด 6 – 10 คิว
• กรณีใช้งาน 4 – 5 คน ซื้อของตุนไว้บ่อย ๆ โดยเฉพาะของสด ทำอาหารเองประจำควรจะใช้ขนาดประมาณ 10 – 15 คิว
• กรณีใช้งานตั้งแต่ 6 คน ขึ้นไป ของเต็มตู้อยู่ตลอดเวลา แนะนำว่าควรจะใช้ขนาดประมาณ 15 คิวขึ้นไป

เอาล่ะ รู้พื้นที่ ๆ จะติดตั้ง รู้ขนาดตู้เย็น(คิว) ที่เหมาะสมแล้ว ต่อไปให้ไปโฟกัสเรื่อง ประเภทของตู้เย็น และทำการเลือกให้ตรงกับความต้องการกันต่อ ซึ่งจะเป็นตู้เย็นประเภทไหน แล้วแต่ละประเภทต่างกันอย่างไร ลองมาดูกันได้เลย

STEP 2 เลือกประเภทตู้เย็นให้ตรงกับความต้องการ

ตู้เย็น (Refridgerator) เครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้านที่ช่วยให้ความเย็นแก่อาหาร ขนม ไอศกรีม น้ำ เครื่องดื่ม หรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องเก็บรักษาในที่อุณหภูมิต่ำ เช่น ครีมหรือยาบางชนิด ในการจำแนกประเภทของมัน ทั่วไปจะใช้หลักเกณฑ์เรื่อง จำนวนของประตู และฟังก์ชั่นดีไซน์ ซึ่งสามารถแบ่งตู้เย็นออกเป็น 5 ประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกัน ดังนี้

แบ่งประเภทตามจำนวนประตู

• ตู้เย็นขนาดเล็กมินิบาร์ เป็นตู้เย็นที่เหมาะกับพื้นที่เล็กหรือห้องพักที่ไว้สำหรับแช่อาหารและเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ โดยมีขนาด 51 x 47.5 x 55.5 เซนติเมตร ความจุ 2.1 คิว ราคาประมาณ 4,000 – 6,000 บาท นอกจากจะมีขนาดเล็กกะทัดรัดแล้ว การกักเก็บความเย็นก็สามารถทำได้เทียบเท่ากับตู้เย็นขนาดใหญ่เลยทีเดียว ซึ่งหลายคนมักเข้าใจผิดว่าตู้เย็นประเภทนี้จะกินไฟกว่าปกติ แต่ในความเป็นจริงมันกินไฟน้อยกว่ามาก (ถ้าไม่เปิดเข้าออกบ่อย ๆ)

• ตู้เย็น 1 ประตู ส่วนใหญ่นิยมใช้กันในครอบครัวเล็ก มีความจุตั้งแต่ 4.9 คิว ขึ้นไป นอกจากนั้นแต่ละยี่ห้อยังมีการออกแบบและฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน จัดเก็บของได้เยอะ รวมถึงมีสีสันให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยมีราคา 4,500 – 10,000 บาท ขึ้นไป
• ตู้เย็น 2 ประตู เป็นตู้เย็นที่มีการแบ่งงานการใช้งานกันอย่างชัดเจน เพื่อให้ง่าย สะดวก และประสิทธิภาพในการจัดเก็บความเย็น ตู้เย็นแบบ 2 ประตู จะมีทั้งแบบเปิดซ้าย-ขวา และบน-ล่าง ซึ่งการเลือกซื้อก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของสมาชิกภาพให้ครอบครัว

• ตู้เย็นหลายประตู จะเป็นตู้เย็นที่ขนาดตั้งแต่ 3 ประตูเป็นต้นไป มีการแบ่งสัดส่วนในการจัดเก็บอาหารออกเป็นหลายช่อง หรือเป็นตู้เย็นขนาดใหญ่ เพื่อให้หยิบจัดสิ่งของได้สะดวกและคงความสดให้กับอาหารได้นาน นิยมใช้ในครัวเรือนที่มีขนาดสมาชิกครอบครัว 5 คนขึ้นไป
• ตู้เย็นประตูซ้อนประตู เป็นตู้เย็นที่ดีไซน์ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในไว้ให้สำหรับจัดเก็บอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างเป็นสัดส่วนตามความต้องการ ด้วยประตู 4 บานที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ พร้อมประตูที่ซ้อนอยู่ข้างในด้านบนอีก 2 บาน ที่ช่วยกักเก็บความเย็นไม่ให้ออกมา เมื่อเปิดหยิบของเล็กๆ น้อย รวมถึงยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงเฉลี่ยประมาณ 56,000 – 150,000 ขึ้นไป โดยตู้เย็นลักษณะนี่เหมาะสำหรับผู้ที่มีครอบครัวใหญ่ หรือผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหาร เพราะมีพื้นที่ไว้สำหรับจัดเก็บอาหารได้หลายหลายและเป็นสัดส่วน หยิบจับใช้งานได้สะดวก

แบ่งประเภทตามตำแหน่งช่องและดีไซน์

ตู้เย็นช่องฟรีซด้านบน เป็นตู้เย็นดีไซน์มาตรฐานที่เราจะคุ้นตา และนิยมใช้กันมากที่สุดประเภทหนึ่ง จัดเป็นตู้เย็นประเภท 2 ประตูที่แยกสัดส่วนด้านบนเป็นช่องแช่แข็ง และในบางรุ่นบางยี่ห้ออาจมีระบบทำน้ำแข็งด้วย

ตู้เย็นช่องฟรีซด้านล่าง ชื่อก็บอกแล้วว่ามีช่องฟรีซด้านล่าง เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยใช่ช่องแช่แข็ง แต่ใช่ช่องแช่ปกติที่มีตำแหน่งยกสูง ทำให้ไม่ต้องก้มหาบ่อยๆ

ตู้เย็นเฟรนช์ดอร์ เป็นประตูแบบฝรั่งเศส แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนล่างจะเป็นช่องแช่แข็ง ส่วนบนจะเป็นประตูแบบเปิดออกพร้อมกันสองฝั่งแช่ให้ความเย็นปกติ ด้วยความที่เป็น 2 ประตูทำให้มีพื้นที่ในการจุของได้มากกว่า

STEP 3 เลือกซื้อให้ถูกช่วงเวลา

เลือกขนาด กำหนดประเภท ระบุความจุจนได้สเปคตู้เย็นแล้ว ต่อไปก็ถึงขั้นตอนการไปซื้อมาใช้ ซึ่งมีวิธีการตั้งแต่ การไปที่ห้างสรรพสินค้าแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือกดคลิก ๆ จิ้ม ๆ กดซื้ออนไลน์ให้ส่งมาที่บ้านได้เลย แต่…ทำไมเราจึงบอกว่าควรซื้อให้ถูกเวลาแหละ แท้จริงแล้วเพื่อน ๆ จะซื้อตอนไหนก็ได้แหละ ตังค์พร้อม ต้องการใช้ก็ซื้อช่วงนั้นได้เลย เพียงแต่ จากสถิติของ Priceza ย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า บรรดาแบรนด์ผู้ผลิตตู้เย็นชั้นนำต่าง ๆ โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์ มักจะมีการจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมเยอะมาก ๆ ในช่วงเดือน เมษายน – พฤษภาคม นั่นหมายความว่าถ้าเพื่อน ๆ ไม่รีบใช้และเลือกซื้อในช่วงนี้ ราคาของมันอาจจะถูกลงกว่าช่วงอื่น ๆ ยังไงล่ะจ้ะ

ตู้เย็นยี่ห้อไหนดี ที่ประหยัดไฟ ทนทาน หาอะไหล่ง่าย?

กุมขมับเลยสินะ เดินไปแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้างเจอตู้เย็นเรียงรายเป็นสิบยี่ห้อ เลือกไม่ถูกกันเลยเดียว ซึ่งถ้าหากเพื่อน ๆ ยังตัดสินใจไม่ได้แล้วละก็ เรามีสรุปรีวิวการใช้งานของผู้ใช้ตู้เย็นในแต่ละแบรนด์มาบอกกล่าวกัน

ตู้เย็น Mitsubishi

ตู้เย็น mitsubishi เป็นตู้เย็นแบบ 1 ประตู โดยส่วนใหญ่เหมาะกับคนทั่วไป อย่างเช่น คนโสด คนมีคู่ หรือครอบครัวเล็กที่มีสมาชิกในครอบครัวประมาณ 4 คน ซึ่งตู้เย็นในลักษณะนี้มีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน แต่ก็มีตู้เย็นแบบ 1 ประตู ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยอย่าง Mitsubishi electric รุ่น MR14KRD 4.9 คิว ที่นอกจากจะมีดีไซน์ที่สวยงาม ฝาตู้เย็นถูกดีไซน์ออกมาให้มี 2 ชั้น แบบเล่นระดับ เพิ่มมิติสวยเรียบหรู และมีสีสันให้เลือกมากมายแล้ว ตู้ยังมีระบบละลายน้ำแข็งกึ่งอัตโนมัติ แบบระบบระเหยน้ำทิ้งอัตโนมัติ นอกจากนั้น ชั้นวางของด้านในยังสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งการวางของได้ตามความต้องการ อีกทั้งยังมีระบบประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่จะช่วยทำให้ประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่ายเรื่องค่าไฟฟ้าอีกด้วย

ตู้เย็น Panasonic

ตู้เย็น Panasonic รุ่น NR-BR308RSTH เป็นตู้เย็นแบบ 2 ประตู ที่มีรูปแบบและฟังก์ชั่นในการจัดเก็บอาหารแยกออกจากกันอย่างชัดเจนระหว่างช่องแช่แข็งและช่องแช่เย็น นอกจากนั้นตู้เย็นยี่ห้อนี้ยังมีระบบ Econavi ในการตรวจจับความเย็นภายในช่องแช่เย็น เพื่อปรับอุณหภูมิภายในตู้เย็นให้เพียงพอและเหมาะสมสำหรับการแช่เนื้อสด ผัก ผลไม้ และเครื่องดื่ม พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิให้มีความเย็นคงที่ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในอาหาร รวมถึงระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการใช้งานคอยดึง และปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของคนในครอบครัว เพื่อป้องกันการสิ้นเปลืองพลังในการเปิด – ปิด ใช้งานตู้เย็นบ่อยครั้ง โดยส่วนใหญ่ตู้เย็นในลักษณะนี้จะเหมาะกับครอบครัวเล็กไปจนที่ครอบครัวระดับปานกลางที่มีสมาชิกไม่เกิน 6 คน

ตู้เย็น Hitachi

ตู้เย็น Hitachi แบบ 3 ประตู ของ HITACHI รุ่น R-M600GP2TH ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย และมีพื้นที่ในการจัดเก็บอาหาร ผัก ผลไม้ และเครื่องดื่มออกเป็นส่วนๆ กักเก็บความชื้นได้ดี ป้องกันการเกิดกลิ่นในอาหาร นอกจากนั้นยังมีระบบเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ ทำให้ประหยัดพลังงานสูงสุด โดยตู้เย็นแบบ 3 ประตู ของ HITACHI รุ่นนี้เหมาะกับคนที่มีครอบครัวใหญ่และชื่นชอบการทำอาหาร เนื่องจากตู้เย็นมีขนาดใหญ่และมีพื้นที่การใช้สอยเยอะ

LAST STEP ทบทวนสิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม

ในปัจจุบันแต่ละบริษัทได้ออกแบบตู้เย็นและฟังก์ชั่นต่างๆ ออกมา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก จึงทำให้สับสนและไม่แน่ใจว่าจะเลือกยี่ห้อไหนดี เพราะแต่ละยี่ห้อต่างก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ถูกใจแตกต่างกันไป แต่ไม่ต้องห่วง วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ ในการเลือกตู้เย็นมาฝากกัน

1. เลือกจากฟังก์ชั่นการใช้งานของตู้เย็นให้ตอบโจทย์ไลฟ์ไตล์การใช้ชีวิตประจำวันของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะตู้เย็นเปรียบเสมือนเป็นแหล่งจัดเก็บอาหารประจำบ้านของเราและคนในครอบครัว
2. นอกจากฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่าย สะดวกในการจัดเก็บและหยิบจัดเมื่อใช้งานแล้ว ตู้เย็นจะต้องสามารถกระจายความเย็นได้ดี กักเก็บความสดใหม่ รักษาคุณภาพอาหาร และยืดอายุอาหาร ผัก และผลไม้ได้อย่างยาวนาน โดยไม่เสียคุณค่าทางโภชนาการไป
3. มีพื้นที่เพียงพอต่อการจัดเก็บอาหาร โดยแยกสัดส่วนได้ชัดเจน ทั้งช่องแช่แข็งและช่องแช่เย็น
4. สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่และฟังก์ชั่นการใช้งานได้หลากหลาย เช่น ช่องแช่แข็งสามารถปรับรูปแบบการใช้งานเป็นช่องแช่เย็นได้
5. มีเทคโนโลยีใน Anti-Bacterial พร้อมฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เพื่อทำให้ตู้เย็นสะอาดและไม่มีกลิ่นเหม็น อาหารสะอาดถูกสุขอนามัย
6. ข้อสุดท้ายที่ขาดไปไม่ได้เลยนั่นก็คือ ประหยัดพลังงาน กินไฟน้อย เป็นมิตรต่อโลก พร้อมอายุการใช้งานที่ยาวนาน บวกกับราคาน่าคบและรูปทรงสวยงาม
   นอกจากน้ำสำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการใช้ตู้เย็นให้คุ้มค่า ทั้งในการแช่เย็นอาหารและเครื่องดื่ม แล้วยังช่วยในการประหยัดพลังงาน เพื่อลดค่าไฟ เราก็มีวิธีง่ายๆ มาแนะนำกันด้วยนะ

• • • จัดเก็บอาหารแต่ละประเภทให้เป็นสัดส่วน
    • แยกโซนอาหารส่วนแช่แข็งและแช่เย็นออกจากกันอย่างชัดเจน
    • เปิด – ปิด ตู้เย็นเท่าที่จำเป็น หยิบอาหาร และของกินออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว ไม่เปิด – ปิด ตู้เย็นหยิบของบ่อยๆ ครั้งละนิด หรือเปิดตู้เย็นทิ้งค้างไว้เป็นเวลานาน
    • ปรับความอุณหภูมิความเย็นให้เหมาะสมสำหรับการแช่อาหารและเครื่องดื่มภายในตู้เย็น
    • เลือกใช้ตู้เย็นที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้า
    • ควรตั้งตู้เย็นให้มีระยะห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตร เพราะให้ คอมเพรสเซอร์ของตู้เย็นถ่ายเทและระบายความร้อนได้สะดวก

ประหยัดไฟดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

อย่างที่ทราบกันดี (หรือบางคนอาจไม่รู้มาก่อน) ว่าตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับต้น ๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการกินไฟ โดยเฉพาะตู้เย็นขนาดใหญ่ ที่เผลอ ๆ กินไฟมากกว่าแอร์เลยด้วยซ้ำ เนื่องจากพวกมันจำเป็นต้องมีพลังงานไฟฟ้าในการทำงานสร้างและรักษาความเย็นหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา แถมเมื่อเราเปิด-ปิดฝาตู้บ่อย ๆ อุณหภูมิความเย็นจะลดลงทำให้ตู้เย็นต้องใช้ไฟมากขึ้นเพื่อทำให้อุณหภูมิกลับมาดังเดิม ด้วยเหตุนี้ การเลือกซื้อ จึงจำเป็นต้องดูเรื่องพลังงานด้วย แล้เวจะรู้ได้อย่างไรว่าตู้เย็นเครื่องไหนประหยัดไฟดี? เพื่อน ๆ สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ จากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5  ถ้ามีแปะอยู่ก็สามารถใจชื้นในเบื้องต้นได้เลยว่าประหยัดกว่าแน่นอน

เคล็ดลับน่ารู้ : ถ้าใครไม่แน่ใจว่าตู้เย็นที่คุณกำลังจะซื้อ มีฉลากไฟเบอร์ 5 หรือเปล่า สามารถเข้าไปตรวจสอบรายการชื่อรุ่นตู้เย็นที่รองรับได้ที่ เว็บไซต์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

พูดถึงฉลากประหยัดไฟสีเหลืองสดใสนี้ หลายคนอาจจะพอทราบข่าวมาบ้างว่า ตั้งแต่ต้นปี 2562 ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบฉลากนิดหน่อยด้วยการเพิ่มจำนวนดาว เพื่อบอกระดับการประหยัดพลังงานซึ่ง มีตั้งแต่ 0 ดาวถึง 3 ดาว ถ้ามีดาวเยอะก็จะยิ่งแปลว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้นประหยัดไฟเยอะ