เตารีด อุปกรณ์สำคัญที่ทุก ๆ บ้านจำเป็นต้องมีและจำเป็นต้องใช้ ด้วยหน้าที่สำคัญที่ใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยในการรีดผ้าให้เรียบ ซึ่งหากสังเกตดูในสังคมเมือง การที่เราใส่เสื้อผ้าที่ถูกรีดจนเรียบ จะทำให้บุคลิกของผู้สวมใส่ดูดีกว่าการใส่ผ้ายับ ๆ โดยเฉพาะพวกเครื่องแบบต่าง ๆ ซึ่งเตารีดแแบบที่เรานิยมใช้กันในบ้านก็จะมีการแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ เตาแบบธรรมดา หรือเตาแบบแห้ง ที่ไม่ได้มีฟังก์ชันพิเศษอะไรมากมาย และ เตาไอน้ำ ที่ถูกพัฒนาช่วยทำให้รีดผ้าเป็นเรื่องง่ายมากกว่าเดิม พร้อมทั้งยังเพิ่มระบบหรือฟังก์ชันต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยในงานรีดของเราด้วย แล้วทั้งสองแบบนั้นต่างกันอย่างไร แบบไหนที่เหมาะกับเรามากกกว่า และควรซื้อแบบไหนกันแน่นะ
ความต่างระหว่างเตารีดธรรมดา (แบบแห้ง) กับแบบไอน้ำ
มาดูกันที่ชนิดแบบธรรมดาที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี โดยแบบนี้จะมีประเภทแยกย่อยออกตามน้ำหนัก ซึ่งก็จะทั้งแบบน้ำหนักเบาและแบบที่มีน้ำหนักมาก โดยความต่างระหว่างสองชนิดนี้หลายคนมักเข้าใจผิดว่า ชนิดแบบเบาเป็นเกรดที่ต่างกับแบบมีน้ำหนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วความต้องการในการใช้งานต่างหากที่ทำให้มีน้ำหนักที่ต่างกัน โดยแบบเบาจะเหมาะกับการรีดผ้าที่ไม่ต้องใช้แรงกด อย่างเช่นผ้าไนล่อน ผ้าชีฟอง และผ้าโพลี่ ส่วนอีกประเภทที่มีน้ำหนักมากกว่าก็จะช่วยให้การรีดผ้าที่เรียบยากหรือหนาทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีน้ำหนักของเตามาช่วย แต่ก็อาจทำให้เกิดความลำบากบ้างในตอนยกไปยกมา ซึ่งทั้งสองประเภทนั้นก็จะมีทั้งแบบเหล็กหน้าตาธรรมดาและแบบเคลือบสาร Non-Stick เพื่อเพิ่มความเรียบลื่นให้กับการรีดผ้า
อย่างที่สองก็คือรุ่นที่ใช้ไอน้ำ ซึ่งไอน้ำที่ว่านี้เองที่จะช่วยให้เส้นใยของผ้าเกิดการคลายตัว ช่วยให้งานรีดผ้าเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยปกติแล้วอุปกรณ์รีดผ้านี้จะมีช่องสำหรับใส่น้ำอและระบบในการสร้างไอน้ำในตัว รวมไปถึงฟังก์ชันที่ช่วยในการพรมน้ำระหว่างที่เราทำการรีด ซึ่งตัวเตาจะมีระบบในการฉีดพ่นไอน้ำที่สามารถปรับได้ การใช้งานให้เหมาะสมกับเนื้อผ้าจึงควรมีการศึกษาวิธีการปรับระดับไอน้ำก่อนการใช้งานเสมอ เพื่อให้สามารถใช้ให้ได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สรุปแล้วเลือกแบบแห้งหรือไอน้ำดี ประเภทไหนดี
ไม่ว่าจะเป็น แบบแห้งหรือแบบไอน้ำ ต่างก็จะมีวิธีและรูปแบบการใช้งานตามความเหมาะสมของการรีดและความถนัดของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งหากว่าเราต้องการที่จะเลือกซื้ออุปกรณ์รีดผ้าที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณมากที่สุด มันมีวิธีการเลือกซื้อและจุดที่ต้องดูหลายอย่าง แต่ถ้าลองจัดแบ่งง่าย ๆ ตามไลฟ์สไตล์การใช้งานสามารถสรุปได้ดังนี้
สำหรับคนที่รีบเร่งและต้องรีดผ้าทุกวันครั้งละ 5-10 ตัวขึ้นไป เป็นมือใหม่เพิ่งหัดรีดที่ยังควบคุมความร้อนไม่แม่น เตารีดไอน้ำน่าจะตอบโจทย์ที่สุด เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า พลังไอน้ำที่ปล่อยออกมาจะช่วยให้ผ้าเรียบไวขึ้น เนียนกริบมากกว่า และลดความเสี่ยงต่อการที่ผ้าจะไหม้ได้ แต่การที่ไอจะปล่อยมาได้มันจะต้องถูกต้มจนกลายเป็นไอซึ่งอาจจะใช้เวลาเวลา 2-3 นาที และถ้ารีดผ้าในจำนวนมากกว่านั้นอาจต้องมีการเติมน้ำบ่อย หรือเปลี่ยนไปใช้ไอน้ำแบบแยกหม้อต้มที่สามารถจุน้ำได้เยอะกว่า สามารถรีดผ้าเป็นเรื่องเป็นราวได้อย่างต่อเนื่องนาน ๆ ถนอมเนื้อผ้าได้ดีกว่า ในส่วนข้อเสียที่ควรกังวลสำหรับอุปกรณ์รีดผ้าชนิดไอน้ำนี้คือเรื่องคราบตะกรันในหม้อต้มที่มักจะไปอุดตันรูไอน้ำ และการที่บางรุ่นถ้าใช้ไม่ชำนาญอาจจะมีน้ำหยดลงไปบนผ้าได้ เป็นต้น
สำหรับใครที่มีฝีมือในการรีดระดับหนึ่ง รู้จักวิธีการใช้ปรับความร้อนให้เหมาะสมกับเนื้อผ้า และมีงบประมาณค่อนข้างจำกัด อีกทั้งยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องคราบตะกรันใด ๆ เตาแบบแห้งธรรมดา จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดีกว่า
เมื่อพิจารณาจากหลายปัจจัยประกอบกันจะเห็นว่า เตาชนิดไอน้ำ ดูจะเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นกว่าแบบปกติพอสมควร เนื่องจากฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากลาย ความไว และที่สำคัญหากเราปิดฟังก์ชั่นพ่นไอน้ำแล้ว เราก็สามารถใช้งานมันในรูปแบบแห้งได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นราคาในปัจจุบันราคาชนิดไอน้ำก็ลดลงมาพอสมควร จนเกือบจะเท่าแบบแห้งแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นผู้เขียนคิดว่า เตารีดไอน้ำดีกว่า และคุ้มค่ากว่า ค่ะ
เตารีด แบบไหนที่เหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุด คำถามนี้น่าจะได้รับคำตอบแล้วล่ะ ทีนี้เราก็สามารถที่จะเลือกได้ไม่ยากแล้ว โดยการลองพิจารณาถึงความจำเป็นและขั้นตอนปกติที่เราใช้ในการรีดผ้าอยู่เป็นประจำ บวกกับงบประมาณที่ตั้งเป้าเอาไว้ เท่านี้เราก็ตัดสินใจเลือกซื้อรุ่นและรูปแบบที่ต้องการได้อย่างแน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง
