5 ตู้เย็นเล็ก ยี่ห้อไหนดี คำนวณค่าไฟยังไง เหมาะกับการใช้งานแบบไหน?

ตู้เย็นเล็ก หรือมินิบาร์นั้นออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานกับพื้นที่ห้องที่มีขนาดเล็กหรือขนาดจำกัด อย่างห้องในหอพัก หรือห้องในคอนโดมิเนียมบางแห่ง ด้วยไซส์ที่ขนาดกระทัดรัดตอบโจทย์เรื่องพื้นที่ใช้สอยนี่เอง ทำให้ใครหลายคนที่อาศัยอยู่ในห้องพักส่วนตัวคนเดียว อยากจะซื้อมันไว้ใช้งานสักเครื่อง หรือบางคนอาจมีตู้เย็นขนาดกลางหรือขนาดใหญ่อยู่แล้ว แต่ต้องการจะซื้อตู้เย็นมินิสักเครื่องไปไว้ในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนเพื่อที่เวลาจะดื่มอะไรหรือจะกินขนมอะไร จะได้ไม่ต้องเดินไปเข้าครัว แต่ทว่าก็มีคำเตือนมามากมายว่าตู้เย็นขนาดเล็กเหล่านี้ค่อนข้างกินไฟ ประเด็นนี้เท็จจริงอย่างไรมาดูกัน

แท้จริงตู้เย็นเล็กไม่ได้เปลืองไฟขนาดนั้นนะ

เรื่องตู้เย็นขนาดเล็กกินไฟพอๆ กับตู้เย็นขนาดกลาง ประมาณ 5 – 6 คิว นั้นเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงและถกเถียงกันมานานแล้ว หากเป็นในสมัยก่อนประเด็นนี้ก็อาจจะมีเค้าความเป็นจริงอยู่บ้าง เพราะอุปกรณ์ทำความเย็นของตู้เย็นมินินั้นก็ไม่ได้ต่างจากตู้เย็นขนาดกลางมากมายนัก แถมยังแช่ของได้น้อยกว่า จึงทำให้ผู้ใช้งานมักมองว่าไม่ค่อยคุ้มค่า แต่ในปัจจุบันนั้น ความคิดและความเชื่อเรื่องนี้คงต้องเปลี่ยนกันใหม่ เพราะยุคนี้อะไรๆ ก็ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกวันนี้ถูกผลิตขึ้นมาภายใต้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีมาตรฐานเรื่องการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างชัดเจน ทำให้อุปกรณ์ทำความเย็นของตู้เย็นมินินั้นได้รับการพัฒนามากขึ้น ให้ความเย็นได้ตามมาตรฐานโดยการใช้พลังงานไฟฟ้าไม่ได้สูงขึ้นอย่างที่คิด จึงอาจกล่าวได้ว่า ตู้เย็นมินิไม่ได้กินไฟเท่ากับตู้เย็นขนาดกลางเหมือนสมัยก่อนแล้ว

สาเหตุที่คนยังมองว่าตู้เย็นขนาดเล็กกินไฟมากก็เพราะ 2 ประการ

1. ยังติดอยู่กับความเชื่อเก่า

เพราะเรื่องนี้มีการพูดกันมานานและเล่ากันปากต่อปาก แชร์กันไปนับครั้งไม่ถ้วนทำให้ยากที่จะลบความเชื่อความรู้สึกนี้

2. การใช้งานตู้เย็นไม่ถูกต้อง

ตรงนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนใช้ตู้เย็นมินิต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นโดยไม่รู้ตัว บางครั้งแช่ของมากเกินไป โดยที่ลืมไปว่านี่คือตู้เย็นขนาดเล็กไม่เหมาะที่จะนำทุกอย่างเข้าไปแช่เก็บไว้ บางคนก็ไม่เคยเปิดทำละลายน้ำแข็งเลย พอเอาของเข้าไปแช่ก็รู้สึกว่าตู้เย็นไม่เย็น ก็เปิดเร่งตัวทำความเย็นเพิ่ม ทำให้ตู้เย็นใช้พลังงานเพิ่ม เหล่านี้เป็นต้น

จะรู้ได้อย่างไรว่าตู้เย็นมินิกินไฟมากหรือน้อยแค่ไหน

ปัจจุบันการจะดูว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ กินไฟมากน้อยแค่ไหนก็จะดูกันที่ ฉลากเบอร์ 5 แต่การดูแค่สัญลักษณ์เบอร์ 5 อย่างเดียวก็คงยังไม่พอ เพราะไม่อาจจะมั่นใจได้ว่าจะประหยัดไฟได้จริง หากคุณจะซื้อตู้เย็นมินิมาใช้งานและต้องการมั่นใจว่าตู้เย็นนั้นประหยัดจริง ก็ต้องดูว่ารายละเอียดในช่องที่ว่าตู้เย็นขนาดเล็กนั้นใช้พลังงานไฟฟ้ารวมเป็นกี่หน่วย/ปี ซึ่งที่ฉลากเบอร์ประหยัดไฟจะมีระบุเอาไว้และยังคำนวณให้คร่าวๆ แล้ว ว่าหากคุณใช้ตู้เย็นนั้นๆ ในแต่ละวันต่อเนื่องกันคุณจะต้องเสียค่าไฟต่อปีกี่บาท

หากใครยังต้องการรู้ที่ละเอียดแน่ชัดกว่านั้นว่าถ้าคิดกันเป็นชั่วโมงตู้เย็นมินิจะกินไปไปเท่าไหร่ ก็แนะนำให้ดูฉลากที่ติดอยู่กับตู้เย็นรุ่นนั้นๆ ดูจำนวน วัตต์ (Watt) ของไฟฟ้า ซึ่งที่ภายในฉลากมักจะเขียนเอาไว้ว่า “กำลังไฟฟ้าเข้าที่กำหนด…. W” เครื่องใช้ไฟฟ้าในยุคปัจจุบันจะมีระบุไว้หมด เมื่อรู้จำนวน Watt แล้วก็ให้เอาบิลค่าไฟเดือนล่าสุดมาดู เอาตัวเลขค่าไฟ/หน่วยที่ระบุอยู่ในบิลเป็นตัวตั้งและ แนะนำให้ใช้สูตรคำนวณเอาเองดังนี้

(จำนวน Watt X ค่าไฟต่อหน่วย) ÷ 1,000 = …………… (บาท /ชั่วโมง)

ตัวอย่างเช่น ตู้เย็นมินิขนาด 4 คิว กำลังไฟฟ้าเข้าที่กำหนด 70 W และสมมุติให้ค่าไฟ/หน่วยอยู่ที่ 3 บาท ก็จะคำนวณดังนี้

(70 x 3) ÷ 1,000 = 0.21 บาท / ชั่วโมง

เพียงใช้สูตรดังกล่าวคำณวน เท่านี้ก็จะสามารถคำนวณและเช็คได้แล้วว่าตู้เย็นมินิกินไฟจริงไหม และคุณควรเลือกซื้อเลือกใช้หรือไม่

ตู้เย็นเล็กเหมาะกับการใช้งานแบบไหน?

ปัจจุบันทุกคนจะต้องมีตู้เย็นติดไว้ที่บ้านกันอยู่แล้ว แต่น้อยมากที่เราจะพบบ้านที่ใช้งานตู้เย็นเล็ก ทำไมตู้เล็กจึงมีความจำเป็นที่จะต้องซื้อมาใช้งาน มาทำความรู้จักตู้เย็นเล็กให้มากขึ้นกันดีกว่า

• ตู้เย็นเล็กเหมาะสำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบาย 

ตู้เย็นเล็กนั้น สามารถจัดเก็บอาหารว่าง ขนม นม เนย และเครื่องดื่มส่วนตัวของเราได้ ช่วยให้เราสามารถหยิบมาทานได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ไม่ต้องกลัวว่าคุณภาพของอาหารเครื่องดื่มนั้นจะเสียเลย  จึงกล่าวได้ว่าตู้เย็นเล็กเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความสะดวกสบายนั่นเอง

• ตู้เย็นเล็กเหมาะสำหรับคนที่พักอาศัยคนเดียว 

เนื่องจากเป็นตู้เย็นเล็กมีขนาดกะทัดรัด มีความจุน้อย จึงไม่สามารถจัดเก็บอาหารและเครืองดื่มได้เยอะมาก ตู้เย็นเล็กนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่พักอาศัยอยู่คนเดียว หรืออยู่กับเพื่อนๆ แค่ไม่กี่คนเท่านั้น