
ตู้เย็นเล็ก เคยถูกขนานนามว่า “ตัวเล็กแต่กินไฟเยอะ” แม้ปัจจุบันความจริงจะเริ่มกระจ่างแล้วว่าตู้เย็นขนาดมินิบาร์เหล่านี้ไม่ได้ใช้ไฟฟ้าเปลืองอย่างที่กล่าวกันก็ตาม แต่ถึงอย่างไร ก็ยังมีคนไม่น้อยที่ใช้ ตู้เย็นมินิบาร์ เหล่านี้แล้วค่าไฟก็ยังสูงอยู่ ปัญหาหลัก ๆ เลยก็คือ ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ใจหรือระมัดระวังสิ่งที่จะนำมาแช่ในตู้เย็นขนาดเล็กเหล่านี้ นั่นจึงทำให้อุปกรณ์ทำความเย็นในตู้เย็นต้องทำงานหนักขึ้นและก็แน่นอนว่าเมื่ออุปกรณ์ทำความเย็นต้องทำงานหนักขึ้นก็ย่อมที่จะต้องใช้ไฟฟ้าเยอะขึ้นนั่นเอง แบบนี้แล้วคนที่กำลังชั่งใจว่าจะซื้อตู้เย็นมินิบาร์เหล่านี้คงอดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วตู้เย็นไซส์เล็กแบบนี้ควรแช่บ้างถึงจะเหมาะสมและไม่ทำให้เปลืองไฟมากขึ้น เราจะมาไขคำตอบให้คุณ
แช่อะไรก็แช่ได้ แต่ต้องรู้จักขีดจำกัดของตู้เย็นมินิ
ตู้เย็นขนาดดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อประหยัดพื้นที่ในการจัดวาง จะได้ตอบสนองเรื่องพื้นที่พักอาศัยขนาดเล็กได้ และด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดนี่เองจึงเป็นข้อจำกัดในเรื่องความจุของตู้เย็น แน่นอนตู้เย็นไม่ว่าจะขนาดไหนจะเล็ก กลาง ใหญ่ ทุกขนาดต่างล้วนถูกสร้างมาเพื่อการแช่เย็นอาหารและเครื่องดื่มเหมือนกันทั้งสิ้น ฉะนั้นจึงสามารถที่จะแช่เครื่องดื่มหรืออาหารได้เหมือนกันหมด
แต่ทว่าด้วยข้อจำกัดด้วยขนาดความจุและช่องแช่ รวมไปถึงการกระจายความเย็นที่มีอยู่อย่างจำกัดของตู้เย็นมินิบาร์ ไม่เหมาะสมที่จะใช้แช่เครื่องดื่มหรืออาหารจำนวนมาก ๆ ปริมาณสิ่งของที่จะแช่ในตู้จึงต้องพอเหมาะเท่านั้นไม่ควรมากเกินไป คำว่าพอเหมาะในที่นี้ก็คือ สามารถที่จะจัดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบได้ ไม่ใช่วางแบบยัดเข้าไปหรืออัดแน่นจนเกินไป สัดส่วนพื้นที่ในช่องแช่ ควรจะมีช่องว่างสามารถที่จะขยับสิ่งที่แช่ได้ถนัด อันนี้ถึงจะเรียกว่าพอเหมาะ
Tip : การนำอาหารไปใส่ Tubber Wear จะเป็นการช่วยลดพื้นที่การจัดเก็บ ทำให้สามารถใส่อะไรในตู้เย็นได้มากขึ้น
ส่วนสิ่งของที่จะแช่ในตู้เย็นขนาดเล็กแบบนี้ ก็แนะนำว่าควรจะเป็นน้ำดื่ม หรือเครื่องดื่มต่าง ๆ มากกว่าอาหาร เพราะด้วยขนาดที่เล็กการกระจายความเย็นอาจทำได้ไม่ทั่วถึง อาหารที่แช่จึงมีโอกาสเสียได้ อีกทั้งยังเป็นการทำให้อุปกรณ์ทำความเย็นในตู้เย็นทำงานหนักขึ้น เพราะต้องพยายามที่จะกระจายความเย็นอย่างทั่วถึงและควบคุมอุณหภูมิภายในให้เท่ากัน ฉะนั้น ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง แต่ถ้าจำเป็นจะต้องมีการแช่อาหารหรือของสดบ้างในบางครั้งก็สามารถทำได้ แต่ไม่ควรนำมาแช่ทิ้งไว้นาน ๆ หรือนำมาแช่บ่อย ๆ นั่นเอง แบบนี้ถึงจะเรียกว่าว่าเป็นการแช่ของแบบรู้ขีดจำกัดของตู้เย็น
จะแช่สิ่งใดก็ควรจัดวางให้เป็นระเบียบด้วย
นอกจากการเลือกของที่จะแช่แล้ว อีกเคล็ดลับหนึ่งในการใช้งาน ตู้เย็นเล็ก ให้ประหยัดไฟก็คือ การรู้หน้าที่ของตำแหน่งแต่ละส่วนในตู้เย็นขนาดมินิบาร์ และจัดวางสิ่งที่จะแช่ให้ลงตัวกับตำแหน่งต่าง ๆ ซึ่งปกติแล้วตู้เย็นมินิบาร์ก็จะแบ่งสัดส่วนเป็น 4 ตำแหน่งดังนี้
- ช่องแช่แข็ง : อะไรที่คุณต้องการให้เย็นมาก ๆ แบบอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศา ก็ต้องแช่ที่ส่วนนี้ อย่างน้ำแข็ง ไอศกรีม และไม่ควรเอาอาหารหรือของสดไปแช่
- บานประตู : ตรงบานประตูจะมีชั้นวางอยู่ 1-2 แถว ตรงบริเวณนี้จะเป็นส่วนที่เย็นน้อยที่สุดของตู้เย็น เพราะเมื่อเปิดตู้เย็นทุกครั้งบริเวณนี้จะสูญเสียความเย็นออกไปทุกครั้ง จึงเหมาะที่จะใช้แช่พวกน้ำดื่ม หรือ เนย แยม ก็ได้
- ชั้นบนรองจากช่องน้ำแข็ง : บริเวณนี้เป็นตำแหน่งที่อุณหภูมิจะคงที่ จึงเหมาะที่จะใช้แช่นม
- ชั้นล่าง : ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เย็นที่สุด อันเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่าอากาศเย็นจะไหลลงต่ำเสมอ ฉะนั้นถ้ามีความจำเป็นต้องเก็บอาหารก็แนะนำว่าควรจะวางไว้ในตำแหน่งนี้
หากคุณวางสิ่งที่จะแช่ตามตำแหน่งแบบนี้ ก็จะช่วยให้ระบบกระจายความเย็นในตู้เย็นมินิบาร์ทำงานได้ตามปกติ และสิ่งสำคัญที่ต้องเตือนตัวเองเสมอก็คืออย่ายัดทุกอย่างเข้าไปในตู้เย็น อะไรที่ไม่จำเป็นต้องแช่ให้เอาออกแค่นี้ก็จะช่วยให้ตู้เย็นมินิบาร์ไม่กินไฟแล้ว
ตู้เย็นเล็ก จริง ๆ แล้วก็แช่ได้เกือบทุกอย่างเหมือน ตู้เย็นขนาดกลางหรือตู้เย็นขนาดใหญ่ทั่วไป จะเครื่องดื่ม น้ำ อาหาร ขนมก็ได้ แต่ทุกอย่างก็ต้องจัดวางเป็นสัดเป็นส่วนและมีปริมาณที่ไม่มากเกินไป สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือไม่ควรแช่อาหารสดหรือผักสดกับตู้เย็นมินิบาร์ เพราะไม่ได้ถูกออกแบบมาให้กระจายความเย็นได้ถึงระดับนั้น ฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้อยากให้คุณใช้งานตู้เย็นขนาดเล็กตามขีดจำกัดความสามารถของมัน เพียงเท่านี้คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟแล้ว
บทความที่เกี่ยวข้อง
>>ตู้เย็นขนาดเล็กกินไฟฟ้าขนาดไหน ค่าไฟตู้เย็นเดือนคิดอย่างไร
>>ตู้เย็นขนาดเล็กกับนิยามเรื่องไซส์ ขนาดไหนถึงจัดว่าเป็นตู้เย็นมินิ
>>ตู้เย็นขนาดเล็ก ทนทานแค่ไหน และมีอายุการใช้งานเฉลี่ยเท่าไหร่