
หลังจากที่รอคอยมา 1 ปี Samsung Galaxy Note 10 และ Galaxy Note 10 Plus ก็ได้เวลาโชว์ตัวอย่างเป็นทางการเสียที (จริง ๆ ก็ตรงกับรูปที่หลุดมาเลยแหละ) ซึ่งคราวนี้ก็มาพร้อมกับนวัตกรรมและความใหม่อีกเช่นเคยหลายอย่าง ว่าแต่มันจะว้าวหรือไม่ น่าสนใจแค่ไหน แล้วทั้งสองรุ่นมีความต่างกันอย่างไร ควรซื้อรุ่นไหนดี ลองไปดูพร้อม ๆ กันได้เลยจ้า
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นบทความพรีวิวที่รวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตหลาย ๆ ท่าน ผสมกับการได้ไปลองเล่นเบื้องต้นในศูนย์บริการ ทำให้ในการใช้งานจริงอาจมีความคลาดเคลื่อนได้จ้า
10 สิ่งที่คุณอาจจะว้าวใน Galaxy Note 10
1. ครั้งแรกของซัมซุงกับการเพิ่ม รุ่น Plus ในตระกูลโน้ต
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์มือถือตระกูล Note ได้ถูกซอยแยกออกเป็น 2 รุ่นย่อย โดยซัมซุงให้เหตุผลที่ว่าที่แบ่งแยกออกมาเพราะอยากให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้กว้างขึ้น กล่าวคือปกติมือถือตระกูลโน้ตจะมาในขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ มีผู้ใช้บางกลุ่มไม่ชอบ ดังนั้น Samsung Galaxy Note 10 ธรรมดา จึงออกมาตอบโจทย์คนกลุ่มนั้นที่ต้องการใช้มือถือพร้อมปากกาที่ขนาดกำลังพอดีมือ และ Samsung Galaxy Note 10 Plus จะตอบโจทย์คนที่ชอบเอกลักษณ์ความจอใหญ่ ที่คราวนี้ใหญ่ถึงระดับ 6.8 นิ้ว และสเปคที่อลังการกว่า ( RAM 12 GB และแบตเตอรี่ที่รองรับชาร์จไว 45W เป็นต้น)
2. หน้าจอดีไซน์ขอบบาง เจาะรูตรงกลางอย่างเด่น แต่ลดความละเอียดลง
ทั้ง Galaxy Note 10 และรุ่น Plus มาพร้อมหน้าจอชนิดและดีไซน์ขอบบางเฉียบที่มีการฝังกล้องหน้าไว้บนหน้าจอ แบบ Cinematic Infinity-O Display เหมือนกัน รองรับ HDR10+ และ การตัดแสงสีฟ้า แต่จะต่างกันที่ขนาดและความละเอียด โดยรุ่น Note 10+ มีขนาดจอกว้าง 6.8 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ ส่วน รุ่นธรรมดา จะมีขนาดจอ 6.3 นิ้ว และความละเอียด FHD+
แม้ตัวน้องจะถูกลดสเปคมาใช้จอในความละเอียด Full HD+ ซึ่งหลายคนมองว่าทำแบบนี้ไม่ค่อยแฟร์กับผู้ใช้เท่าไหร่ แต่ในการรับชมคอนเทนต์ทั่วไปทั้ง 2 รุ่นเท่าที่ผู้เขียนได้ไปลองใช้มา ไม่ได้ให้ความรู้สึกแตกต่างอะไรขนาดนั้น การแสดงผลนี่แทบไม่ต่างกันเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคอนเทนต์ในปี 2019 นี้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระดับ Full HD จ้า นั่นหมายความว่ามันเพียงพอแล้วในการรับชม แต่ก็นั่นแหละจะลดสเปคทำไมก็ไม่รู้ 😶
3. บอดี้ทรงเหลี่ยม และสีใหม่ Aura Glow
เหลี่ยมได้ใจจนหลายคนในโลกออนไลน์ รู้สึกว่าละม้ายคล้ายแบรนด์ ๆ นึง ขึ้นต้นด้วยตัว S ลงท้ายด้วยตัว Y ฮ่า ๆ แต่เรื่องการเล่นสีที่บอดี้ตัวเครื่องด้านหลังแบบใหม่ โดยเฉพาะกับสี Aura Glow ต้องยอมรับว่ามีเอกลักษณ์สูงมาก เพราะมันจะแสดงสีที่เราเห็นตามแสงตกกระทบ บางมุมนี่เห็นเป็นสีรุ้งเลยแหละ มองเผิน ๆ เหมือนสีบนแผ่นซีดีเลยอ่ะ

4. RAM เยอะ ROM แยะ แถมเป็น UFS 3.0 ไวกว่าเดิมสุด ๆ
สมาร์ทโฟน Note 10 และ 10+ จะมาพร้อมขนาด RAM 8 และ 12 GB แล้วมีความจุตัวเครื่องหรือ ROM ที่ 256 GB และ 512GB (เฉพาะ 10+) ตามลำดับ ซึ่งถือว่าให้เยอะเป็นอันดับต้น ๆ ในบรรดามือถือเปิดตัวใหม่ปีนี้ หากยังไม่จุใจพอรุ่นพลัสยังสามารถเพิ่ม MicroSD ได้สูงสุดอีก 2TB แต่สิ่งที่สุดจัดปลัดไม่ต้องว่างมาบอกก็คงจะเป็นเรื่องชนิดความจำแบบ UFS 3.0 ใหม่ล่าสุด ที่มีผู้ใช้ในในต่างประเทศ ชื่อดัง @IceUniverse เอาไปลองทดสอบความเร็วแล้วพบว่ามันเร็วกว่าเจ้าแรกที่ใช้อย่าง OnePlus 7 Pro ด้วยซ้ำ
5. ชิปตัวใหม่ Exynos 9825 7nm รุ่นตีบวก S10 เร็วแรงแต่ประหยัดพลังงาน
เรียกว่าไม่น้อยหน้าชาวบ้านชาวที่ใช้ชิประดับ 7nm แล้ว เพราะใน Note 10 ได้ใส่ชิปประมวลผลตัวใหม่ Exynos 9825 ที่แบรนด์เคลมว่าเร็วกว่าใน S10 ที่ใช้ Exynos 9820 แน่นอน (ใครใช้เอสสิบคงมีงอน)
6. กล้องตัวเดิม แต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เอาใจสายวิดีโอ
แม้ Hardware กล้องของทั้งสองรุ่นจะใช้ชุดเดียวกับ Galaxy S10 แต่เรื่อง Software ด้านในก็ถูกอัพเกรดฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจมาเหมือนกัน จนทำให้ตอนนี้ครองแชมป์อันดับ 1 สมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปได้ดีที่สุดในโลกจาก DxoMarks โค่น P30 Pro ลงจากบัลลังก์ได้แล้ว!!
โดยเฉพาะลูกเล่นเรื่องวิดีโอ เช่น Live Video Bokeh ที่สามารถเบลอหลังทำเอฟเฟกซ์ขณะถ่ายวิดีโอได้ , ซูมเสียงในวิดีโอขณะซูมภาพ, ถ่ายภาพสแกนวัตถุ 3D ได้ (เฉพาะ 10+) แล้วเอาไปขยับ Animation AR ได้, วาดรูปบนวิดีโอแบบ AR เป็นต้น ความแตกต่างของสเปคกล้องทั้งสองรุ่นจะอยู่ที่เลนส์ DepthView ToF ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ใส่แอปตัดต่อวิดีโอมาให้ในเครื่องเลย
ส่วนกล้องหน้าเพิ่มโหมดกลางคืนมาให้แล้ว ตอบโจทย์การเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น
7. ลาก่อนปุ่ม Bixby และรูเสียบหูฟัง 3.5มม. ที่รัก ชั้นจะคิดถึงเธอ
อีกหนึ่งอย่างที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากรุ่นก่อนหน้าคือการที่ Note 10 และ Note 10+ ได้เปลี่ยนปุ่ม Bixby ที่บางคนรำคาญให้กลายมาเป็นปุ่ม Power แทนที่ตำแหน่งเดิมที่เคยอยู่ด้านขวา ทำให้บริเวณขอบตัวเครื่องด้านขวาไม่มีปุ่มอะไรเลย แต่!! ข่าวร้ายคือรูเสียบหูฟัง 3.5 มม. ถูกเอาออกไป ด้วยเหตุผลที่ว่ามันจะช่วยเพิ่มเนื้อที่ของตัวเครื่องให้ ทำให้เพิ่มแบตเตอรี่ได้อีก 100 mAh และทำให้เครื่องบางลง ซึ่งหลายคนไม่ถูกใจในสิ่งนี้ แล้วล่าสุดคือช็อคไปเลยคือ ไม่มีอแดปเตอร์แปลง USB-Type C เป็นช่องหูฟัง 3.5 มาให้ในกล่องจ้าา
8. แบตเตอรี่ความจุใหม่ ทั้งอึดและไว
คงเลิกบ่นกันได้แล้วแหละ (มั้ง) เพราะว่าครั้งนี้พี่ Note เค้ามาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุใหม่โดยในตัวโน้ต 10+ ให้มาที่ 4,300 mAH และ 3,500 mAh ในรุ่นโน้ต 10 ธรรมดา ผสานกับชิปประมวลผลตัวใหม่ 7nm เลยทำให้การจัดการพลังงานดีขึ้นกว่าใน Note 9 นอกจากนี้ความพิเศษที่ควรพูดถึงเป็นเรื่องเทคโนโลยีชาร์จไวที่ให้มาสูงสุดถึงระดับ 45W (ในรุ่น Plus) แต่ต้องซื้อแยก!!! เพราะอแดปเตอร์ที่แถมมาในกล่องของทั้งสองรุ่นที่วางขายในไทยจะให้มาเป็นอแดปเตอร์แบบ 25W จ้าา

จากผลทดสอบแบตเตอรี่ของตัว Note 10 Plus จะเห็นว่ามันอึดขึ้นจริง ๆ ขนาดใช้งานโหด ๆ ก็ยังอยู่ได้ 8 ชั่วโมง รวมถึงชาร์จเร็วขึ้นพอสมควรเลย ชาร์จเพียง 30 นาที ก็ได้แบตเตอรี่ไปที่ประมาณ 64 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องการจัดการความร้อนก็ทำได้ไม่แย่ ถ่าย 4K ต่อเนื่อง 20 นาที จะอยู่ที่ประมาณ 40-46 องศาเซลเลียส ทั้งนี้ในการใช้งานจริง ๆ เช่นเปิด 4G ตลอดเวลาอาจจะให้ผลที่ต่างกัน ในจุดนี้คงต้องให้ผู้ใช้งานไปทดสอบเพิ่มอีกทีเด้อ
9. ปากกา S-Pen กับความสามารถใหม่
ทั้ง Galaxy Note 10 และ 10+ จะมาพร้อมมีปากกา S-Pen ดีไซน์ใหม่ เรียวยาวกว่าเดิม ทั้งหมด 4 สี คือสีน้ำเงิน (ตัวเครื่องสี Aura Glow) สีขาว (ตัวเครื่องสีขาว) สีดำ (ตัวเครื่องสีดำ) และสีชมพู (ตัวเครื่องสีชมพู) พร้อมทั้งยังเพิ่มความสามารถใหม่ ได้แก่ เพิ่มเสียงขีดเขียนเพื่อความสมจริง แบบใช้ดินสอวาดก็จะเป็นเสียงดินสอ , การวาด AR Doogle ไปยังวัตถุขณะถ่ายวิดีโอ, การแปลงตัวลายมือเป็นตัวอักษร
หรือฟีเจอร์เด็ดอย่าง Air Actions Gestures จากเซ็นเซอร์ Gyroscope 6 แกนที่ทำให้ควบคุมมือถือผ่านการแกว่างปากกาเป็นท่าทางต่าง ๆ ได้มากขึ้น เช่น แกว่งไปทางซ้าย-ขวา เพื่อเปลี่ยนเพลง หรือถ้าเปิดกล้องอยู่จะใช้เพื่อเปลี่ยนโหมดกล้องแกว่งขึ้น-ลง เพื่อเพิ่มเสียง ลดเสียง หรือถ้าเปิดกล้องอยู่จะใช้สลับกล้องหน้าหลังหรือ หมุนเป็นวงกลมเพื่อซูมเข้าซูมออก เป็นต้น
10. ราคาถูกลงกว่า Note 9
ราคา Samsung Galaxy Note 10 และ 10+ รุ่นความจุเริ่มต้น 256 GB เปิดตัวมาที่ 32,900 บาท และ 37,900 บาท รุ่นพลัสความจุ 512 GB แพงสุดจะอยู่ที่ 40,900 บาท ซึ่งเปิดมาได้ถูกกว่า Galaxy Note 9 ประมาณ 1 พันบาท ผู้เขียนมองว่าสาเหตุที่มันราคาถูกลงกว่าเดิมมาจากการที่ตัวโน้ตสิบธรรมดาได้ถูกปรับลดสเปคบางอย่างลง เช่น ความละเอียดหน้าจอจาก 2K เป็น FullHD+ และการที่มีรุ่น Plus ที่อัดสเปคมาเยอะกว่า ราคาเลยแพงกว่า จึงทำให้ตัว Note 10 รุ่นปกติต้องตั้งราคาให้ต่ำลงมาเพื่อดึงดูดลูกค้า
ใครที่สนใจสามารถไปจับจองพรีออเดอร์ได้แล้ววันนี้ – 23 สิงหาคม ที่ศูนย์และร้านค้าที่ร่วมรายการ หรือใครไม่สะดวกก็สามารถจองออนไลน์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ ที่นี่ จ้า หากจองในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้ของแถมคือ หูฟังไร้สาย Galaxy Buds (สำหรับเครื่องเปล่าโน้ต 10+), ประกันจอแตกนาน 1 ปี และ ส่วนลดสูงสุดถึง 20,000 บาทเมื่อจองกับผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง 3 เจ้า (AIS TRUE DTAC) เป็นต้น
วิเคราะห์ราคามือถือ Samsung Galaxy Note ย้อนหลัง 1 ปี เปลี่ยนแปลงอย่างไร!!

โดยทั่วไปการเปลี่ยนแปลงราคามือถือ Samsung ในซีรีส์ Galaxy Note ที่มักเปิดตัวในช่วงเดือนสิงหาคมขอทุกปี อ้างอิงจากราคาใน Samsung Official Shop ทั้ง Note 8 และ Note 9 ราคาจะถูกปรับลดลงมาราว ๆ 12% หรือประมาณ 4,000 – 5,000 บาท ในระยะเวลา 5 – 6 เดือน หลังเปิดตัว และเมื่อนำมาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลด้านราคาจากร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอื่น ๆ ที่ Priceza จะพบว่า จริง ๆ แล้วการซื้อมือถือซีรีส์ Note ให้ได้ราคาดีที่สุดควรจะซื้อในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ เป็นต้นไปจ้า
หมายเหตุ : การที่ราคาต่ำสุดเหลือเพียงหมื่นกลาง ๆ เป็นเพราะภายในกราฟได้นำราคามือสอง และเครื่องรีเฟอร์บิชมาแสดงด้วย แล้วการที่กราฟแกว่งขึ้นลงมีสาเหตุมาจากการที่บางร้านได้มีการจัดโปรโมชั่นแบบมีระยะเวลาจำกัด เลยทำให้เมื่อหมดเวลาช่วงโปร ฯ ราคาจึงปรับขึ้นไปเท่าเดิม โดยราคา Note 9 มือสองปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 18,000 บาทจ้า
สรุปแล้วควรจะซื้อรุ่นไหนดี? Note 10 หรือ Note 10 Plus
ตามความเห็นของผู้เขียน มองว่าการเพิ่มเงินอีกราว ๆ 5,000 บาท เพื่ออัพเกรดจาก Samsung Galaxy Note 10 เป็น Samsung Galaxy Note 10 Plus อาจจะดูไม่จำเป็นเท่าไหร่กับการใช้งานทั่วไป ย้ำว่าทั่วไป! เพราะสเปคที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานมันแทบจะไม่ต่างกันเลย ในจุดนี้เพื่อน ๆ คงต้องลองเองต้องลองพิจารณาว่าสิ่งที่จะได้เพิ่มมานั้นจำเป็นแค่ไหน กล้อง 3D ที่เพิ่มขึ้นมา หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น แบตที่อึดขึ้น RAM ที่เยอะขึ้น โดยเราแนะนำว่าให้สำรวจความต้องการของตัวเองแล้วเลือกตามความถนัด โดยเฉพาะเรื่องขนาดตัวเครื่องการจัดวาง บอกเลยว่า Note 10+ มันใหญ่มากจริง ๆ การใช้งานมือเดียวให้ถนัดนี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่เปิด One-Handed Mode จ้า