รู้ก่อนซื้อ! วิธีเลือกซื้อทีวี แบบไหนเหมาะกับบ้านเรา? แบบไหนคุ้มที่สุด?

การจะเลือกซื้อทีวีในยุคนี้ไม่ใช่แค่มีเงินในกระเป๋าเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องให้คิดอีกมากมาย เพราะราคากับสิ่งที่ได้มันต้องคุ้มค่า คุ้มราคาที่สุด! แล้วเราจะดูของดีๆ หาทีวีที่เหมาะบ้านเราด้วยวิธีไหนกันบ้าง ลองไปดู วิธีเลือกซื้อทีวี ที่เรานำมาฝากกันนี้ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจของเพื่อนๆ ว่าจะเลือก ทีวียี่ห้อไหนดี? กันเลยดีกว่าครับ

วิธีเลือกซื้อทีวี ดูที่อะไรบ้าง?

ความละเอียดของจอภาพ

เริ่มต้นกันด้วยความละเอียดของหน้าจอภาพก่อนเลยดีกว่าครับ ซึ่งเจ้าความละเอียดนี้จะพูดถึงเทคนิคจำนวนพิกเซลต่อหน่วยของพื้นที่ โดยนับตามจำนวนพิกเซลทั้งแนวนอนและตั้งของจอภาพ ยิ่งความละเอียดมากเท่าไหร่ ก็ได้ภาพคมชัด ใสปิ๊ง ดูหนังสะใจ ซึ่งความคมชัดระดับ 4K ความละเอียดจะอยู่ที่ 2160p (3840 x 2160) จะเรียกว่า UHD หรือ Ultra HD ก็ได้ โดยมันมีความละเอียดในการแสดงผลที่ใหญ่มาก ส่วนความชัดระดับ 8K นั้นคือ มีจำนวนพิกเซลมากกว่า 4K ถึง 16 เท่า! เรียกได้ว่าจะดูเรื่องอะไรก็คมชัดจนไม่ต้องพูดถึงความสะใจด้านภาพเลยทีเดียว

จอโค้ง หรือ จอตรง

มาต่อกันด้วยเรื่องดีไซน์จอภาพ ถ้าถามว่าจอแบบไหนดี ก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับความชอบของเพื่อนๆ  เพราะจอโค้งจะมีข้อดีตรงที่เพื่อนๆ จะได้เห็นภาพจากทีวี ที่มีมิติมากขึ้น พร้อมความลึกหรือมุมมองที่เพิ่มความสนุกในการดูหนังเพิ่มขึ้น แต่หากเป็นจอแบนก็จะมีข้อดีตรงที่ สามารถแชร์ความสนุกได้แบบไม่จำกัดองศา นั่งตรงไหนของจอภาพก็มองเห็น ไม่เกิดเงาสะท้อนเมื่อต้องนั่งดูบริเวณมุมจอ อีกทั้งดีไซน์ที่เป็นทรงสี่เหลี่ยม เข้ามุมได้ง่าย ทำให้สะดวกในเรื่องของการติดตั้ง

ติดตั้งแบบแขวน หรือ ตั้งโต๊ะ

การเลือกรูปแบบในการติดตั้งนั้นสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภท คือ ประเภทแรกมาจากความชอบส่วนตัวซึ่งบางคนก็ชอบที่จะให้ ทีวีนั้นติดอยู่บนผนังมากกว่า เพราะช่วยให้บ้านดูสวยงามมากยิ่งขึ้น แถมยังดูเข้ากันกับชุดตู้และชั้นวางของได้ง่ายด้วย ส่วนอีกประเภทหนึ่งก็คือ การติดตั้งตามข้อจำกัดของพื้นที่ เพราะบางครั้งการติดผนังอาจนำมาซื้อความไม่สะดวกในการหยิบจับสิ่งของ หรือเป็นการบดบังทัศนียภาพในบ้านได้ การใช้แบบตั้งโต๊ะก็ถือว่าตอบโจทย์ และช่วยแบ่งสัดส่วนในบ้านได้อย่างชัดเจนกว่าด้วย ซึ่งกรณีนี้เพื่อนๆ ก็ต้องดูตามความเหมาะสม และพื้นที่ใช้สอยของบ้านด้วยครับ

ระยะห่างและขนาดทีวี

ทีวีใหญ่ขนาดนี้ ควรตั้งห่างขนาดไหน? คำถามนี้ก็กลายเป็นเรื่องสำคัญอยู่เหมือนกันครับ เรามีคำแนะนำให้เข้าใจได้ง่ายๆ ดังนี้

• ทีวีขนาด 56 นิ้วขึ้นไป ระยะห่างประมาณ 3 เมตร
• ทีวีขนาด 46-55 นิ้ว ระยะห่างประมาณ 2.5 ถึง 3 เมตร
• ทีวีขนาด 40-45 นิ้ว ระยะห่างประมาณ 2 ถึง 2.5 เมตร
• ทีวีขนาด 32-39 นิ้ว ระยะห่างประมาณ 1.5 ถึง 2 เมตร
• ทีวีขนาดต่ำกว่า 32 นิ้ว ลงมา ระยะประมาณ 1.5 เมตร หรือน้อยกว่านั้นก็ได้

ทีวีใครขนาดเท่าไหน ก็ตั้งให้ห่างได้ตามระยะที่เราบอกได้เลยครับ แล้วเพื่อนๆ จะได้รับประสบการณ์ในการดูหนังไปแบบเต็มๆ และไม่มีผลเสียกับสายตาอีกด้วยนะครับ

มีช่องต่อที่ครอบคลุม

แน่นอนว่าซื้อทีวีมาทั้งทีก็ควรมีช่องต่อที่ครอบคลุม อย่างน้อยควรมี HDMI version 1.4 เอาไว้ก่อนก็ยังดี แต่ถ้าเป็นทีวีขนาดเล็กนั้น ส่วนใหญ่แต่ละแบรนด์จะให้มาประมาณ 1-2 ช่องเท่านั้น ทั้งนี้ก็จะต้องมีช่องต่อ Component อย่างน้อย 1 ชุด พร้อมด้วยช่องต่อ Optical และสุดท้ายคือช่องต่อ AV ที่ควรจะมี เพราะช่องต่อเหล่านี้ถือว่าเป็นช่องต่อที่เบสิคที่สุด ซึ่งทีวีทุกเครื่องในปัจจุบันควรจะมีเลยครับ อ่อ! แล้วก็อย่าลืมดูช่องต่อ USB Port ด้วยนะครับ เพื่อความสะดวกในการต่อกับคอมพิวเตอร์ได้นั่นเองครับ

งบประมาณ

ก่อนที่จะซื้อทีวีสักเครื่อง เพื่อนๆ ต้องไม่ลืมที่จะกำหนดงบประมาณขั้นต่ำไปจนถึงตัวเลขสูงสุดที่เพื่อนๆ คิดเอาไว้ว่า “พอจ่ายไหว” และค่อยไปลองดูราคาของทีวีในแต่ละรุ่นที่เพื่อนๆ สนใจ แล้วลองเปรียบเทียบฟังก์ชั่นการใช้งาน ช่องเสียบต่างๆ รวมทั้งขนาด ความคมชัดของหน้าจอ เพื่อให้ได้ทีวีที่คุ้มค่ากับจำนวนเงินมากที่สุดครับ

แบรนด์ เกาหลี VS ญี่ปุ่น VS จีน VS ไทย

หลายคนมองว่าแบรนด์ของแต่ละประเทศนั้น มีความแตกต่างกันหลายข้อ ซึ่งจริงๆ แล้ว เทคโนโลยีในปัจจุบันมีการพัฒนาไปมากทีเดียวครับ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นทีวีสัญชาติไหน ก็จัดว่า “มีคุณภาพ” ไม่แพ้กันเลยครับ อาจจะต่างกันตรงเรื่องของเทคโนโลยีด้านภาพและเสียงที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแน่นอนว่าในเรื่องของราคาก็ย่อมต่างกันด้วย สำหรับการเลือกจากแบรนด์นั้น จริงๆ แล้วเราอยากแนะนำว่า เพื่อนๆ ควรที่จะลองดูประสิทธิภาพของตัวเครื่องจริงๆ และเปรียบเทียบเรื่องเสียง สี ความคมชัดของภาพก่อนจะช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ

ความแตกต่างของระบบปฏิบัติการ

เรากำลังเข้าสู่ยุคของ Smart TV ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ ช่วยยกระดับการใช้งานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งการโหลดแอพพลิเคชั่น การเชื่อมโยงกับบริการออนไลน์ต่าง ๆ พร้อมเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งนับว่าคุณสมบัติในปัจจุบันมีความใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โดยระบบปฏิบัติการก็มีให้เลือกมากมายทั้ง Android TV, Web OS, Tizen และ Firefox ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการไหน ก็ช่วยให้เพื่อนๆ สะดวกสบายยิ่งขึ้นพร้อมสนุกกับการดูทีวีได้มากกว่าเดิม เป็นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

รองรับทีวีดิจิตอล

ทีวีรุ่นใหม่ต้องรองรับดิจิตอลทีวี แค่ลองสังเกตสัญลักษณ์ “น้องดูดี” นั่นแปลว่าคุณสามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้ในทันที โดยไม่ต้องอาศัยกล่องติดตั้งเลยล่ะครับ แต่ถ้าที่บ้านของเพื่อนๆ มีกล่องรับสัญญาณของทีวิดิจิตอลอยู่แล้ว ก็สามารถเลือกได้ตามความต้องการเลยครับ

บริการหลังการขาย

แบรนด์ทีวีที่ดีควรมีการให้คำแนะนำการใช้งานที่ถูกต้องจากบุคลากรที่เชี่ยวชาญ แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงศูนย์บริการหรือศูนย์รับซ่อมที่สามารถหาได้ง่าย ซึ่งแน่นอนว่าการส่งซ่อม หรือแจ้งแคลมควรจะอยู่ในระยะเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้เพื่อนๆ ได้รับความคุ้มค่าในส่วนนี้ไปด้วย