
ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา หูฟังไร้สาย หรือ Bluetooth Headphone มีอัตราการเติบโตที่มากขึ้น ทั้งความต้องการและยอดขาย โดยจากข้อมูลของ Counterpoint Research ระบุว่า ในปี 2018 ที่ผ่านมา Apple สามารถขาย AirPods ได้เป็นจำนวนมาก โดยครองตลาดถึง 60% ของอุปกรณ์ประเภทหูฟังแบบไร้สาย โดยทิ้งห่างรุ่นต่าง ๆ อย่าง Samsung Gear IconX, Sudio True Wireless Earphones และ Bose SoundSport Free เป็นต้น
หูฟังไร้สาย ถูกออกแบบมาอย่างไร?
หูฟังแบบไร้สาย เป็นหนึ่งอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ถูกออกแบบมาได้อย่างสวยงาม กะทัดรัดและมีคุณประโยชน์อย่างมาก ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของอารมณ์และความรู้สึกเมื่อได้ใช้งาน ขณะเดียวกันยังเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของมนุษย์ให้รู้สึกเท่ ดูดี มีสไตล์ ฉะนั้นฟังก์ชันการใช้งานจึงเป็นโจทย์ในการสร้างแบรนด์ให้เกิดการรับรู้ ในกลุ่มคนวัยทำงานและผู้ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ชีวิตที่ทันสมัยและมีความอิสระ
ฟังก์ชันสำคัญที่ถูกนำมาใช้ในการชูจุดเด่นหูฟังแบบไร้สายเพื่อสร้างภาพจำที่ดี และเชิญชวนให้ผู้บริโภคทั่วไปเลือกใช้ แน่นอนในลำดับแรก คือ คุณภาพเสียง การนำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมทั้งการออกแบบตัวอุปกรณ์ที่ดูเนียนไปกับใบหูและดีไซน์ที่สวยงาม ทันสมัย ซึ่งจะทำให้ทุกคนสนใจในสินค้า แต่จุดเด่นดังกล่าวยังไม่เพียงพอ เพราะบางค่ายก้าวล้ำไปมากกว่านั้น หลายแบรนด์หันมาชูความโดดเด่นในเรื่องความทนทานของการใช้งาน โดยเฉพาะแบตเตอรี่ของหูฟังแบบไร้สาย ว่าการชาร์จไฟหนึ่งครั้งสามารถใช้ได้นานเท่าไหร่ แม้จะดูว่าเป็นคุณสมบัติที่คนทั่วไปไม่สนใจมากนัก แต่คุณสมบัตินี้ก็ช่วยให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบาย อีกทั้งยังสื่อถึงความใส่ใจที่วิศวกรและนักออกแบบพัฒนาขึ้นมานั่นเอง
การชาร์จแบตเตอรี่ของหูฟังแบบไร้สาย
ก่อนหน้านี้ การชาร์จแบตเตอรี่ให้หูฟังแบบไร้สาย 1 ครั้ง จะใช้งานได้นานเฉลี่ย 1-2 ชั่วโมง แต่ต่อมามีการพัฒนาเพิ่มความคงทนของแบตเตอรี่มากขึ้น ทำให้ในปัจจุบันค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 4 -8 ชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่น หูฟังแบบไร้สาย รุ่น Beoplay E8 ใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยมาพร้อมกับเคสสำหรับพกพาที่หุ้มด้วยหนังแท้อย่างดี สามารถใช้ชาร์จตัวหูฟังเพิ่มได้อีก 2 รอบ รวมแล้วใช้งานได้สูงสุดถึง 12 ชั่วโมง หรือจะเป็นรุ่น Sony WF-SP700N มีระยะเวลาของการใช้งานต่อเนื่อง 3 ชั่วโมงจากการชาร์จ 1 ครั้ง แต่ตัวของหูฟังติดตั้งอยู่ในเคส จึงทำให้สามารถชาร์จเพิ่มได้อีก 2 ครั้ง รวมเป็นใช้งานได้ 9 ชั่วโมง ส่วนด้าน Airpods เมื่อชาร์จ 1 ครั้ง ใช้ฟังได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมง สนทนาได้สูงสุด 3 ชั่วโมง
สำหรับหูฟังแบบไร้สายรุ่นที่มีแบตเตอรี่อึดมาก ๆ ต้องยกให้กับ Audio-Technica ATH-CKR7TW หรือแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น เพราะการชาร์จ 1 ครั้ง สามารถใช้ได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง และถ้าชาร์จเพิ่มจากเคสสำหรับพกพาที่ชาร์จจะเพิ่มได้อีก 9 ชั่วโมงรวมแล้ว สามารถใช้งานได้ 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว อีกรุ่นสำหรับหูฟังแบบไร้สายที่มีความอืดมากเช่นกัน คือ Jabra Elite Active 65T โดยการชาร์จ 1 ครั้ง สามารถใช้งานได้นานถึง 5 ชั่วโมง หากชาร์จเพิ่มเติมในเคสที่พกพามาด้วย ก็สามารถใช้หูฟังได้อีก 10 ชั่วโมง รวมเป็น 15 ชั่วโมงเช่นกัน ฉะนั้นถือได้ว่า ความคงทนของแบตเตอรี่หรืออายุการใช้งานที่ยาวนาน เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่หลายแบรนด์นำมาใช้เป็นจุดขายเพื่อแข่งขันกันทางตลาด ซึ่งผู้คนจำนวนไม่น้อยเลือกใช้หูฟังแบบไร้สายที่มีความคงทนของแบตเตอรี่ เพราะว่าไม่ต้องชาร์จไฟบ่อย ๆ
อย่างไรก็ดีเมื่อใช้หูฟังแบบไร้สายไปสักระยะหนึ่ง การเปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นเรื่องปกติที่ผู้บริโภคต้องหมั่นดูแลรักษา โดยต้องส่งเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทดแทน แต่หากในอนาคต แบรนด์ใดที่ออกแบบหูฟังแบบไร้สายให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ด้วยตนเอง ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
หูฟังแบบไร้สายที่มีประสิทธิภาพ และมีระยะเวลาการใช้งานได้นานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จะทำให้ผู้ใช้สะดวกและไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างการใช้งานหรือไม่ ซึ่งระยะเวลาการใช้งานที่กล่าวมาข้างต้น ก็เพียงพอต่อการทำกิจกรรมส่วนใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การเล่นกีฬา วิ่งออกกำลังกาย ฟังเพลง ชมภาพยนตร์ หรือใช้ฟังระหว่างเดินทางท่องเที่ยวที่ต้องโดยสารบนรถทัวร์หรือเครื่องบินเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องกัน