เครื่องชงกาแฟสดนั้นนอกจากจะเป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้สำหรับการชงกาแฟแล้ว ยังสามารถใช้ในการชงชาได้อีกด้วย เป็นที่ทราบกันดีว่าเครื่องดื่มประเภทชาและกาแฟนั้นค่อนข้างได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั่วไปค่อนข้างมาก เนื่องจากเครื่องดื่มทั้งสองประเภทนี้มีสารแซนทีนอัลคาลอยด์ ประเภท คาเฟอีน ซึ่งมีส่วนช่วยในเรื่องของการกระตุ้นประสาทบริเวณส่วนกลาง ส่งผลให้ร่างกายเกิดความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ตื่นตัว ช่วยให้ความง่วงลดลงได้ โดยคาเฟอีนนั้นเป็นสารที่มีความสามารถละลายได้ในทั้งน้ำเย็นและน้ำร้อน แต่จะละลายได้อย่างสมบูรณ์และดีที่สุดในน้ำที่มีความร้อน 100 องศาเซลเซียส และแหล่งของคาเฟอีนที่ได้รับความนิยม ก็คือเครื่องดื่มประเภทชา และกาแฟ นั่นเอง
รักการดื่มกาแฟ ก็คงต้องมาทำความรู้จักให้ดีกันหน่อยแล้ว
กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้จากเมล็ดกาแฟซึ่งอยู่ในผลกาแฟสีแดงสด ในเมล็ดกาแฟมีส่วนผสมของคาเฟอีน ซึ่งคุณสมบัติสำคัญ ที่ช่วยในเรื่องของการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว โดยปริมาณของคาเฟอีนในเมล็ดกาแฟก็จะขึ้นอยู่กับพันธุ์ของเมล็ดกาแฟชนิดนั้น ๆ โดยพันธุ์เมล็ดกาแฟที่เป็นที่รู้จักกันดีและเป็นที่นิยม ส่วนมีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า (พบว่ามีปลูกมากในภาคเหนือของประเทศไทย เช่น เชียงใหม่ เชียงราย) และอีกสายพันธุ์หนึ่งก็คือ กาแฟสายพันธุ์โรบัสตา (พบว่ามีปลูกมากในพื้นที่ทางภาคใต้ของไทย เช่น ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี) อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบปริมาณของคาเฟอีนที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟทั้งสองพันธุ์นี้ จะพบว่ากาแฟอาราบิก้านั้นมีปริมาณของคาเฟอีนน้อยกว่าโรบัสต้า แต่จะมีกลิ่นหอมและรสชาติกลมกล่อมกว่าทำให้ได้รับความนิยมมากกว่าโรบัสต้า
ส่วนชนิดของพันธุ์กาแฟที่นิยมนำไปเป็นส่วนผสมในการทำกาแฟสดนั้นมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ อาราบิก้า 100 เปอร์เซ็นต์ โรบัสต้า 100 เปอร์เซ็นต์ และเมล็ดกาแฟที่ผสมกันระหว่างอาราบิก้ากับโรบัสต้า ซึ่งปริมาณสัดส่วนนั้นก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่สูตรของแต่ละร้าน โดยการนำเอาเมล็ดกาแฟไปคั่ว บด และนำเข้าเครื่องชงกาแฟสดเพื่อให้ได้น้ำกาแฟที่เรียกว่าเอสเปรสโซ่ออกมา จากนั้นจึงนำไปผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ชนิดเครื่องดื่มที่ต้องการไม่ว่าจะเป็น คาปูชิโน่ มอคค่า หรือลาเต้ เป็นต้น
ชา เครื่องดื่มอีกแบบ ที่มีคนนิยมและชอบดื่มกันเป็นจำนวนมาก
ชาเป็นเครื่องดื่มที่สกัดได้จากก้านและยอดของใบชา โดยนำมาผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะได้ใบชาแห้งสำหรับผสมน้ำร้อน กลายมาเป็นเครื่องดื่มประเภทชา ทั้งแบบร้อนและเย็น โดยต้นชานั้นเป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นที่ว่ากันว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน ซึ่งต่อมาพบว่าต้นชาถูกนำไปปลูกยังประเทศอื่น ๆ โดยทั่วไปแล้วชาที่มักได้รับความนิยม และถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์มากที่สุด มีด้วยกัน 2 สายพันธุ์ ได้แก่ ชาสายพันธุ์จีน ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศจีน และประเทศไต้หวัน โดยในประเทศไทยนิยมปลูกกันมากทางภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เป็นต้น และชาสายพันธุ์อัสสัม หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่าชาพื้นเมือง หรือชาเมี่ยง โดยใบชาพันธุ์นี้จะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่กว่าใบชาพันธุ์จีน ในประเทศไทยนิยมปลูกชาพันธุ์นี้ทางภาคเหนือเช่นกัน
เครื่องดื่มประเภทชา สามารถแยกออกได้ตามกระบวนการการผลิตเป็น ชาขาว ชาเขียว ชาดำ ชาอู่หลง และชาสมุนไพร (พิเศษตรงที่ชาประเภทนี้ไม่ได้มีส่วนประกอบของใบชาแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นชาที่ชงจากส่วนประกอบของพืชผลไม้ และพืชสมุนไพรอบแห้ง) ซึ่งกระบวนการผลิตที่ว่าก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบ คือ แบบที่ใบชาไม่ผ่านกระบวนการหมัก แบบที่ผ่านกระบวนการหมักบางส่วน และแบบที่ผ่านกระบวนการหมักอย่างสมบูรณ์ ซึ่งรสชาติของชาแต่ละประเภทนั้นนอกจากจะแตกต่างกันตามสายพันธุ์ชา กรรมวิธีซึ่งการได้มาของใบชา สภาพภูมิอากาศ สภาพภูมิประเทศ อากาศ ความสมบูรณ์ของทั้งน้ำและดิน ตลอดจนความใส่ใจในเรื่องของการดูแลต้นชาแล้วนั้น วิธีที่ใช้ในการชงชาก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะวิธีการชงชานั้นสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการใช้เครื่องชงกาแฟสด ซึ่งเป็นอุปกรณ์ชั้นดีที่จะทำให้การดื่มชาของคุณสะดวกง่ายดายขึ้นเป็นอย่างมาก
สำหรับเครื่องชงกาแฟ สามารถชงได้ทั้งชาและกาแฟ
เครื่องชงกาแฟสด เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อคนที่ชอบดื่มทั้งชาและกาแฟ และเรายืนยันว่าใช้ร่วมกันได้ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากทั้งชาและกาแฟต่างก็มีกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของใครของมัน ดังนั้นการใช้อุปกรณ์ในการชงเครื่องเดียวกัน จำเป็นที่จะต้องมีการทำความสะอาดให้ดีหลังใช้งานเสร็จ เพื่อไม่ให้มีคราบและกลิ่นของชาหรือกาแฟติดค้างอุปกรณ์อันจะส่งผลต่อรสชาติของเครื่องดื่มได้นั่นเอง
