เครื่องปั่นน้ำผลไม้ เลือกซื้อกำลังวัตต์เท่าไหร่ดี? พร้อมเคล็ดลับในการเลือกซื้อและดูแลรักษา

เครื่องสำหรับปั่นน้ำผลไม้ คือเครื่องใช้ติดครัวที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ โดยเฉพาะในหน้าร้อนนี้ที่มีโอกาสหยิบมาใช้งานได้บ่อยกว่าฤดูกาลอื่นๆ เพื่อคลายความกระหายและชดเชยการเสียเหงื่อหลังออกกำลังกายแล้วคงไม่มีเครื่องดื่มชนิดใดเหมาะไปกว่าน้ำผลไม้ปั่นรสอร่อยสักแก้ว ซึ่งทุกวันนี้เครื่องปั่นมีหลายรุ่นหลายยี่ห้อให้เลือก มีทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่หรือแม้แต่แบบพกพา มีทั้งชื่อรุ่นต่างกันแต่หน้าตาเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก เหล่านี้คือข้อมูลที่ชวนสับสนไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตัวเลขที่ไม่เข้าใจอย่างกำลังไฟหลักร้อยความเร็วรอบหลักพัน และกำลังไฟหลักพันความเร็วรอบหลักหมื่น เป็นต้น หลายคนจึงมีคำถามว่า เช่นนั้นแล้วสุดท้ายหากต้องเลือกซื้อ ตัวเลขเหล่านั้นมันมีความสำคัญหรือไม่อย่างไร? มองข้ามไปได้หรือไม่? เราจะมาไขข้อสงสัยเหล่านี้กัน

ความแตกต่างของเครื่องปั่นชนิดต่างๆ

หลายคนยังคงไม่ทราบว่าเครื่องปั่นแต่ละชนิดนั้นทำหน้าที่ต่างกัน ทั้งความเหมาะสมในการใช้งาน ชนิดของมอเตอร์ กำลังวัตต์ที่เหมาะสม และลักษณะของใบมีด เมื่อไม่ทราบข้อมูลเหล่านี้จึงมีความเป็นไปได้ที่จะสั่งซื้อมาผิดวัตถุประสงค์ ดังนั้นเราจึงควรทำความรู้จักกับเครื่องปั่นแต่ละชนิดว่าแตกต่างกันอย่างไร ทำอะไรได้บ้างและไม่ควรนำไปใช้งานลักษณะใด

เครื่องปั่นเอนกประสงค์

เครื่องปั่นชนิดนี้เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปแบบไม่หนักมาก มีหน้าตาคล้ายกันกับเครื่องสำหรับปั่นน้ำผลไม้ จึงมีความสับสนระหว่างเครื่องปั่นสองชนิดนี้อยู่พอสมควร แต่ก็มีการจำแนกได้ง่ายๆ คือเครื่องปั่นเอนกประสงค์จะมีปุ่มปรับระดับความแรงเป็นตัวเลขเช่น 1 2 3 4 มีโถปั่นหลายแบบเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ราคาจะไม่สูงมากหากเทียบกับเครื่องปั่นแบบอื่นๆ กำลังไฟจะอยู่ที่ 350-1,250 วัตต์ เครื่องปั่นชนิดนี้พอจะปั่นน้ำผลไม้สดสำหรับสายสุขภาพที่ไม่นิยมดื่มน้ำผลไม้ปั่นแบบเย็นได้ แต่ไม่เหมาะเท่าไรกับการเติมน้ำแข็งหรือปั่นผลไม้แช่แข็ง เพราะจะทำให้ใบมีดเครื่องปั่นเสียหายและมอเตอร์ไหม้ได้

เครื่องปั่นน้ำผลไม้

เป็นเครื่องปั่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ปั่นผลไม้ได้อย่างละเอียด วัตถุดิบที่ถูกปั่นจะออกมาละมุนละไมเป็นเนื้อเดียวกันมากกว่าเครื่องปั่นเอนกประสงค์ มีปุ่มหมุนปรับความเร็วในการปั่นแบบละเอียด ใบมีดสามารถปั่นน้ำแข็งและผลไม้แช่แข็งให้นวลเนียนเป็นสมูทตี้ได้ จุดสังเกตที่แตกต่างจากเครื่องปั่นเอนกประสงค์อีกสองประการคือ ส่วนใหญ่จะมีโถปั่นแบบเดียว ไม่มีโถปั่นแบบอื่นๆ แถมมาเพิ่มเติม และกำลังไฟจะสูงกว่า โดยมาตรฐานเครื่องปั่นที่ดีจะมีกำลังไฟอยู่ที่ 1,400 วัตต์ขึ้นไป ความเร็วรอบจะอยู่ที่ 20,000 รอบขึ้นไป ซึ่งด้วยตัวเลขนี้เอง ทำให้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เครื่องปั่นพลังสูง”

เครื่องบดอาหาร

เครื่องบดอาหารจะมีหน้าตาฉีกออกไปจากทั้งสองแบบข้างต้นค่อนข้างมาก ตัวโถปั่นจะมีขนาดใหญ่ใบมีดยาวกว่าเครื่องใช้ประเภทปั่นชนิดอื่นๆ เหมาะสำหรับการบดเนื้อ บดอาหารที่มีความหนืดสูง รวมทั้งการทำเครื่องแกงจำนวนมาก เครื่องบดอาหารไม่เหมาะสำหรับการทำเครื่องดื่มอย่างน้ำผลไม้ปั่นและสมูทตี้เลย แม้กำลังมอเตอร์จะสูงพอที่จะทำได้ แต่ด้วยใบมีดที่ต่างกันจะทำให้ได้น้ำผลไม้ที่ไม่ละเอียดเท่าเครื่องที่ออกแบบมาเพื่อการปั่นน้ำผลไม้โดยเฉพาะ ทั้งยังทำให้น้ำผลไม้กระจายทั่วโถปั่นเลอะเทอะเปรอะออกมาสู่ด้านนอกได้ เพราะฝาของเครื่องบดสับไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้มีลูกยางป้องกันของเหลวกระฉอกแต่อย่างใด

กำลังวัตต์สำคัญกับการปั่นน้ำผลไม้ที่สุดใช่หรือไม่?

กำลังวัตต์สำคัญกับคุณภาพการหมุนของใบมีดเครื่องปั่นพอสมควร เพราะกำลังวัตต์สำหรับเครื่องปั่นก็หมายถึงพละกำลังของมอเตอร์ด้วยเช่นกัน ยิ่งวัตต์สูงๆ กำลังของมอเตอร์ก็มีมาก แต่การใช้เครื่องปั่นกำลังวัตต์สูงๆ ก็ไม่ได้แปลว่าจะทำงานได้ดีกว่าเครื่องปั่นที่กำลังวัตต์ต่ำกว่า ยังมีความเร็วรอบและเทคโนโลยีใบมีดอีกที่เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ถ้าความเร็วรอบสูงใบมีดเหมาะสม ก็ยิ่งทำให้น้ำผลไม้ปั่นและสมูทตี้ที่ต้องการความละเอียดออกมาได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงสามปัจจัยที่เหมาะสมนี้ร่วมกันหากต้องการเครื่องปั่นกำลังสูงที่มีคุณภาพคับแก้ว ไม่ใช่สิ…ต้องบอกว่าคุณภาพคับทุกแก้วเลยต่างหาก

เครื่องสำหรับปั่นน้ำผลไม้กำลังวัตต์สูงก็มีส่วนสำคัญ ที่ควรตระหนักอีกข้อคือ ควรมองหาปลั๊กหรือเต้าเสียบที่แบกรับกระแสไฟสูงๆ ได้ไว้ด้วย ซึ่งรางปลั๊กไฟเหล่านี้หาซื้อและดูรายละเอียดไม่ยากเลย รางปลั๊กไฟคุณภาพสมัยนี้ในช็อปขายสินค้าออนไลน์มีบอกรายละเอียดว่ารับกระแสสูงสุดได้เท่าไร เราควรเลือกมาใช้ให้เหมาะสมเช่น รางปลั๊กไฟรับได้ 2,200 วัตต์ใช้กับเครื่องปั่นกำลัง 2,000 วัตต์ แบบนี้จะปลอดภัยไม่เกิดอันตรายใดๆ อย่างแน่นอน

5 เคล็ดลับในการเลือกซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้

ก่อนที่จะเลือกซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้มาใช้งานนั้น มีจุดสําคัญตรงไหนบ้างที่ควรทราบข้อมูลก่อนเลือกซื้อ วันนี้จึงมี 5 เคล็ดลับดีๆ ในการเลือกซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้มาฝากกัน

1. วัสดุของโถปั่นน้ำผลไม้

วัสดุของโถปั่น เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกใช้งาน โดยควรเลือกจากผลิตภัณฑ์ที่รู้สึกว่าใช้ถนัดมือ ปัจจุบันวัสดุของโถปั่น นอกจากที่ทําจากแก้ว และพลาสติกธรรมดาแล้ว ยังมีวัสดุที่เรียกว่า Tritan ออกมาจําหน่ายอีกด้วย วัสดุ Tritan จะมีความทนทาน ไม่ว่าจะโยนหรือทำหล่นพื้น วัสดุ Tritan จะไม่มีวันแตก ซึ่งต่างจากพลาสติกชนิดอื่นๆ 

2. ความจุของโถ

ปริมาณความจุของโถปั่นที่จะใช้ในการปั่นหนึ่งครั้ง ก็ถือเป็นเรื่องสําคัญ หากต้องปั่นหลายๆ ครั้ง เพื่อให้ได้ปริมาณเพียงพอต่อจํานวนคนในครอบครัว จะทำให้เสียเวลาไม่น้อยเลยทีเดียว เช่น ถ้าปั่นน้ำผลไม้ 1 แก้ว สําหรับ 1 คนทาน ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 200 ml แต่หากครอบครัวมี 5 คน ก็ควรเลือกเครื่องปั่น ที่โถมีความจุประมาณ 800-1,000 ml เพื่อจะได้เสิร์ฟให้ทุกคนทานได้ในการปั่นครั้งเดียว

3. เลือกกำลังวัตต์

เครื่องปั่นน้ำผลไม้ มีกําลังการปั่นให้เลือกหลากหลาย โดยทั่วไปเครื่องปั่นน้ำผลไม้นั้น จะมีกําลังวัตต์อยู่ที่ประมาณ 100 วัตต์ ไปจนถึง 2,000 วัตต์ เครื่องที่มีกําลังวัตต์สูง ตั้งแต่ 300 วัตต์ขึ้นไป จะสามารถปั่นผักผลไม้ออกมาได้ละเอียดมาก และปั่นน้ำแข็งรวมไปเป็นสมูทตี้ได้ แต่เสียงรบกวนก็จะดังมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนถ้าคนที่ชอบดื่มน้ำปั่นผลไม้ที่ยังหลงเหลือชิ้นผลไม้เล็กๆ ไว้บ้าง ให้เลือกเครื่องปั่นที่มีกําลังวัตต์น้อยๆ ก็พอ

4. เลือกรูปทรงใบมีด

รูปทรงของใบมีดในเครื่องปั่นนั้นมีอยู่ 2 แบบ คือ ใบมีดทรงแบนและใบมีดทรงคลื่นหรือทรงฟันหยัก ใบมีดทรงแบนจะเหมาะสําหรับบดผักหรือผสมเนื้อสัตว์บดให้เข้ากัน ในขณะที่ใบมีดทรงคลื่นหรือทรงฟันหยักสามารถใช้บดของแข็งๆ เช่น น้ำแข็ง เปลือกกุ้งและปู รวมไปถึงถั่วชนิดต่างๆ ได้ เนื่องจากมีพลังบดและปั่นสูง จึงเหมาะกับการใช้ปั่นผักผลไม้ และทําเป็นสมูทตี้ได้ด้วย

5. เลือกเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ที่ทําความสะอาดได้ง่าย

การเลือกเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ที่สามารถดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่ายถือเป็นเรื่องที่ดี เช่น ถ้าเลือกรุ่นที่โครงสร้างไม่ซับซ้อนเกินไป หากมีเศษผลไม้ติด สามารถถอดใบมีดและชิ้นส่วนต่างๆ ออกมาได้ ก็จะสามารถทําความสะอาดได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอโดนมีดบาดระหว่างล้างตัวโถปั่น และถ้าเป็นโถปั่นที่ทำมาจากแก้ว ที่เกิดรอยตําหนิได้ยาก หรือโถที่สามารถใช้กับเครื่องล้างจานได้ การดูแลรักษาก็จะยิ่งง่ายและสะดวกขึ้นมาก

การดูแลและทำความสะอาดเครื่องปั่นน้ำผลไม้

เมื่อเลือกซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้มาใช้งานแล้ว การทำความสะอาดก็เป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน ควรทำความสะอาดเครื่องปั่นน้ำผลไม้ทุกครั้งหลังจากใช้งานเสร็จ ไม่ควรทิ้งให้มีคราบหรือเศษอะไรอยู่ภายในโถปั่น เพราะจะทำให้เกิดคราบติดแน่น และจะส่งผลต่อการสุขภาพภายหลังได้

• ถ้าในโถปั่นน้ำผลไม้ มีกากมาก แล้วนำออกมาทำความสะอาดยาก ก็ให้เทน้ำลงไปให้ท่วมส่วนของใบมีดก่อน จากนั้นให้ใส่น้ำยาล้างจานลงไปในโถเล็กน้อย พร้อมทั้งเปิดเครื่องทำงานประมาณ 30 นาที และปิดสวิทช์เครื่อง พร้อมทั้งนำโถปั่นไปล้างด้วยน้ำสะอาด 1-2 ครั้ง ก็พอ

• ถ้าในโถปั่นน้ำผลไม้ ไม่มีกากตกค้างมาก ให้ทำความสะอาดตามปกติ ด้วยการใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานล้างก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าโถปั่นยังมีกลิ่นตกค้างอยู่ ให้นำน้ำเกลือมาล้างทำความสะอาด 1 รอบ ก็จะช่วยทำความสะอาดกลิ่น ดับกลิ่นได้ 

• ฐานเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ถ้าหากสกปรก มีคราบเกาะติดหรือเลอะเทอะ ก็ให้ใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชู ผสมน้ำเล็กน้อย เช็ดทำความสะอาดก็สามารถกำจัดคราบสกปรกได้