หน้าแรก คู่มือเลือกซื้อสินค้า เปรียบเทียบ Vivo V15 และ Oppo F11 Pro และ Samsung Galaxy A50 ซื้อรุ่นไหนดีนะ

เปรียบเทียบ Vivo V15 และ Oppo F11 Pro และ Samsung Galaxy A50 ซื้อรุ่นไหนดีนะ

7473
เปรียบเทียบ-vivo-v15-และ-oppo-f11-pro-และ-samsung-galaxy-a50-ซื้อรุ่นไหนดีนะ

หืม…ร้อนกว่าแดดเมืองไทยก็ไฟศึกของบรรดาสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้น ๆ ของยี่ห้อต่าง ๆ ที่ทยอยเปิดตัวกันเต็มไปหมด แถมแต่ละรุ่นก็ใส่จุดเด่นที่ล่อตาล่อใจผู้ใช้ที่กำลังหามือถือใหม่สเปคดีราคาหมื่นต้น ๆ แบบเราซะเหลือเกิน โดยเฉพาะ Vivo V15*, Oppo F11 Pro และ Samsung Galaxy A50 สามรุ่นที่กำลังเนื้อหอมเวอร์ตอนนี้ ว่าแต่..จะซื้อรุ่นไหนดี แล้วทั้ง 3 รุ่นต่างกันตรงไหนบ้าง วันนี้เราจะมาช่วยคุณตัดสินใจเอง!

*สมาร์ทโฟน Vivo ที่นำมาเปรียบเทียบเป็น Vivo V15 รุ่นปกติ นะจ้ะ ไม่ใช่รุ่น Pro

สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากรู้ว่ามือถือราคาต่ำกว่า 3,000 บาท มีรุ่นไหนบ้าง อ่านต่อที่บทความนี้เลย

มีงบ 3,000 เลือกซื้อมือถือ OPPO รุ่นไหนดี ?

สเปค

ก่อนจะไปลงลึกถึงจุดเด่นของแต่ละรุ่น เรามีตารางเปรียบเทียบสเปค สำหรับผู้ที่ชื่นชอบตัวเลขมาให้ดูขำ ๆ กันก่อน

[table id=13 /]

จากตารางสเปคด้านบน ถ้าไม่ใช่คนที่ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนบ่อย ๆ  อาจจะดูไม่ออกว่าความแตกต่างทั้งสามรุ่นนั้น มันมีดีกว่ากันตรงไหนบ้าง แล้วก็มีหลายส่วนเหมือนกันที่ให้สเปคมาเท่ากันเป๊ะ เช่น จำนวน RAM และปริมาณ แบตเตอรี่ มา ๆ เดี๋ยววันนี้เฟมจะอธิบายพร้อมเอามาเปรียบเทียบแต่ละจุดให้ดูจ้า

เปรียบเทียบวัสดุและดีไซน์ตัวเครื่อง

สมาร์ทโฟนทั้งสามรุ่นต่างก็ใช้วัสดุฝาหลังที่เป็นพลาสติกเหมือนกัน แต่ไม่ใช่พลาสติกกิ๊กก๊อกนะ เป็นพลาสติกที่ถูกเคลือบเงาหลายชั้น จนมองแว้บแรกนึกว่าเป็นกระจก ดูดีมีราคามาก และมีฟีลลิ่งการจับตอนใช้งานดีมาก (แนะนำให้ไปลองด้วยตัวเอง)

แต่ที่เป็นกิมมิกของฝาหลังทั้งสามรุ่นคือเรื่อง “สี” ที่มีการเล่นแสงไล่สีเมื่อมองต่างมุม โดย Vivo V15 จะมาพร้อมสี ฟ้า และสีแดง , Oppo F11 Pro มาพร้อมสีม่วงและเขียวแบบไล่สี , Samsung Galaxy A50 จะมี 3 สี คือ สีดำ สีน้ำเงิน สีขาว ในส่วนนี้เฟมมองว่ามันเป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล เอาเป็นว่าชอบสีไหนก็ทดไว้ในใจไว้ก่อนแล้วไปดูจุดเด่นอื่น ๆ ประกอบเนอะ

เปรียบเทียบหน้าจอ

ขอมูฟไปเรื่องลักษณะหน้าจอก่อนละกัน ทั้ง Vivo V15 และ Oppo F11 Pro จะมาพร้อมหน้าจอแบบเต็มตา ไร้ติ่ง ไร้กล้องหน้า เรียกหรู ๆ หน่อยก็ Panoramic Screen เป็นจอแบบแบบ LCD IPS ความละเอียด Full HD (1080 × 2340px) ขนาดประมาณ 6.5 นิ้ว ที่ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 กันรอยขีดข่วนได้ดี (แต่ไม่กันแตกเมื่อหล่นนะจ้ะ)

เปรียบเทียบหน้าจอ Vivo V15 และ Oppo F11 Pro และ Samsung Galaxy A50

Vivo V15 , Oppo F11 Pro , Samsung Galaxy A50

 

ส่วน Samsung Galaxy A50 จะมาพร้อมจอมีติ่งตรงกลางรูปตัว U Infinity-U เป็นจอแบบ Super AMOLED ความละเอียด FullHD ขนาด 6.4 นิ้ว ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3

การสัมผัสเป็นอย่างไร? จากการที่ลองเล่นมา ส่วนตัวคิดว่ารุ่นที่ทัชติดมือดีสุดจะเป็น Samsung > Vivo > Oppo ตามลำดับจ้า

ส่วนตัวเฟมมองว่า ในเรื่องสีสันหน้าจอ A50 ที่เป็น Super AMOLED นี่จะเด่นสะดุดตามากกว่า แต่ด้วยติ่งจอที่อาจจะรบกวนสายตาอาจทำให้ใครหลายคนเทใจไปทางฝั่ง Vivo V15 และ Oppo F11 Pro ที่โดดเด่นเรื่องความทนทาน ซึ่งเป็นผลจากกระจกกอริลล่าเวอร์ชั่น 5 และชนิดจอแบบ IPS ที่มีโอกาสพบปัญหาจอเบิร์นน้อยกว่าแบบ OLED

เปรียบเทียบการประมวลผล

Vivo V15 , Oppo F11 Pro จะมาพร้อมหน่วยประมวลผล MTK Helio P70 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.1GHz  ส่วน Samsung Galaxy A50 จะใช้ชิปเซ็ต Exynos 9610 Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz โดยทั้ง 3 รุ่นให้ RAM มาเท่ากันคือ 6 GB และ ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (การ์ดจอ) ตัวเดียวกันคือ Mali-G72 MP3

มาตรงจุดนี้เพื่อน ๆ อาจจะคิดว่า ดูเหมือน Samsung จะมีความเร็วเยอะกว่า แต่ในการใช้งานจริง บอกเลยว่าทั้ง 3 รุ่น ให้ประสบการณ์การใช้งานพื้นฐานที่ไม่ต่างกันจ้า โดยเฉพาะการเล่นเกม ที่ต้องบอกเลยว่าสามารถทำได้ดี ROV เปิดโหมดเฟรมเรทสูงได้ เปิดภาพ HD ได้ ซึ่งจะอยู่ราว ๆ 50 fps ++ ส่วน PUBG ก็สามารถปรับกราฟิกแบบสูงและภาพ HD ได้เช่นกัน แต่ Samsung จะได้เปรียบตรงที่สามารถปรับกราฟิกได้ถึงระดับ Ultra และ HDR HD นอกจากนี้ในเรื่องเกม Oppo จะมีโหมด Hyper Boost ที่จะช่วยเร่งประสิทธิภาพการเล่นเกมให้ดีขึ้นอีกด้วย
เปรียบเทียบ-vivo-v15-vs-oppo-f11pro-vs-samsung-galaxy-a50-ต่างกันตรงไหน-ซื้อรุ่นไหนดีสำหรับสายตัวเลข คะแนน Antutu Benchmarks* ที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพความแรง ทั้งเรื่องการประมวลผลเครื่อง ประมวลผลภาพ วิดีโอ และ UI หน้าตาการใช้งาน เบื้องต้นอันดับหนึ่งตกเป็นของ Oppo รองลงมาเป็น Vivo และ Samsung ตามลำดับ

*คะแนนการทดสอบอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเครื่อง

เปรียบเทียบกล้อง

มากันถึงทีเด็ดอย่างเรื่องกล้อง ที่ไม่มีใครยอมใคร ใส่ความว้าวมาแบบถ้วนหน้าทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยคีย์หลักของทั้งสามรุ่นคือการใช้ AI มาช่วยประมวลผลภาพ

กล้องหลัง

มาเริ่มกันที่กล้องหลังของวีโว่ จำนวน 3 ตัว เป็นเลนส์มุมกว้าง 24 ล้านพิกเซล F/1.79 เลนส์ Super-wide 120 องศา 8 ล้านพิกเซล และเลนส์ชัดลึก 5 ล้านพิกเซล F/2.4 ซึ่งพระเอกอยู่ที่ฟีเจอร์ AI Night Mode นอกจากนี้ยังมี AI ที่สามารถปรับแต่งรูปร่างแบบเรียลไทม์ของเราได้อีกด้วย อยากขาเรียว เอวคอด ผนังไม่เบี้ยว Vivo จัดให้ได้เด้อ

เปรียบเทียบกล้องหลัง-Vivo-V15-สเปคกล้องหลังออปโป้ จะเป็นกล้องเลนส์คู่ ตัวแรกเป็นเลนส์หลักมีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล และค่ารูรับแสง F/1.79 ประกอบด้วยเลนส์ 6 ชิ้น รวมทั้งยังมีเซ็นเซอร์ภาพ CMOS จาก Sony , ขนาดพิกเซลที่ใหญ่กว่าเดิม (ใหญ่กว่า Oppo F9 80%) ตัวที่สองจะเป็นเลนส์จับชัดลึกความละเอียด 5 ล้านพิกเซล โดยจุดเด่นของรุ่นนี้ที่แบรนด์ภูมิใจนำเสนอคือการถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ในที่แสงน้อย ด้วยโหมด Ultra Clear Night Mode ผสานพลัง AI ที่ให้สีสันคมชัดในระดับดีมาก

เปรียบเทียบกล้องหลัง-Oppo-F11-Pro-สเปคและสุดท้ายซัมซุง มีกล้องหลัง 3 ตัว ตัวแรกเป็นเลนส์มุมกว้าง 25 ล้านพิกเซล (F/1.7) , ตัวที่สองเลนส์เก็บความชัดลึก 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) และ เลนส์ตัวสุดท้ายเป็นไฮไลท์ประจำรุ่นเพราะเป็นแบบ Ultra Wide มุมกว้าง 123ํ องศา ละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) มีโหมดให้ใช้งานไม่ค่อยเยอะ ปรับแต่งอะไรได้น้อยกว่า 2 รุ่นด้านบน

เปรียบเทียบกล้องหลัง-Samsung-Galaxy-A50-สเปคกล้องหน้า

สำหรับกล้องหน้า Vivo และ Oppo จะเป็นกล้องแบบป็อปอัพซ่อนไว้ในตัวเครื่อง และจะโผล่มาเมื่อต้องจะใช้งาน มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล และ 16 ล้านพิกเซล ตามลำดับ ส่วน Samsung จะเป็นกล้องหน้าติ่งกลางจอ ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F/2.0 เท่ากันหมดทั้ง 3 ตัว

เปรียบเทียบกล้องหน้า Vivo V15 และ Oppo F11 Pro และ Samsung Galaxy A50

Vivo V15 , Oppo F11 Pro , Samsung Galaxy A50

 

รวม ๆ แล้วเรื่องกล้องเฟมยกให้ Vivo ยืนหนึ่ง เพราะมีความครบเครื่องมากที่สุด ทั้งเรื่องเลนส์ Super-Wide และการถ่ายในที่แสงน้อย ในเรื่องฟีเจอร์เฟมให้ Oppo ยืนหนึ่งเพราะมีฟีเจอร์เก็บกล้องอัตโนมัติเมื่อเครื่องพบว่าเครื่องกำลังจะหล่น ส่วนซัมซุงเฟมให้ยืนหนึ่งเรื่องลูกเล่นของเลนส์ที่มีความกว้าง เป็นต้น

ช้อควรรู้ : เผื่อใครอ่านแล้วงง ยิ่งเซ็นเซอร์ภาพใหญ่ กล้องจะยิ่งเก็บรายละเอียดภาพได้มากขึ้น ยิ่งค่า F น้อย (รูรับแสงกว้าง) ยิ่งทำให้ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีและยิ่งทำให้ฉากหลังเบลอได้มากกว่าเดิม

เปรียบเทียบการเชื่อมต่อและความปลอดภัย

ไม่ว่าจะเป็น Vivo Oppo หรือ Samsung ทั้งสามรุ่นรองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบนาโน เพียงแต่ของออปโป้จะแตกต่างกว่าชาวบ้านตรงที่เป็นถาดซิมแบบ Hybrid ที่ต้องเลือกว่าจะใส่ 2 ซิม หรือ ใส่ 1 ซิม + MicroSD Card ในด้าน Wifi ก็รองรับทั้งแบบ 2.4GHz และ 5 GHz ดังนั้นเรื่องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่มีปัญหา

ในเรื่องความปลอดภัยทั้ง 3 รุ่นรองรับการสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้า (ความปลอดภัยน้อยกว่า) เพื่อปลดล็อคเข้าตัวเครื่อง แต่ A50 จะพิเศษกว่าตรงที่เป็นการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ทั้งนี้ในเรื่องความไวระบบสแกนบนหน้าจอยังเป็นรองการสแกนแบบ Optical ของ Oppo และ Vivo จะทำได้เร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด

เปรียบเทียบแบตเตอรี่

ปริมาณแบตเตอรี่ของ Vivo Oppo และ Samsung 3 ตัวนี้มีขนาดเท่ากันอยู่ที่ 4,000 mAh ซึ่งถือว่าเยอะตามมาตรฐานของสมาร์ทโฟนในยุคนี้ รวมถึงมีระบบจัดการพลังงานที่พัฒนามาดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ทำให้สามารถเล่นเกมอย่าง PUBG, ROV ต่อเนื่องได้นาน 4 – 5 ชั่วโมงกันเลยจ้า แต่ถ้าใครคิดจะซื้อมาใช้งานพื้นฐาน ถ่ายรูป ดูวิดีโอ เล่นเน็ต เล่นโซเชียล บอกเลยว่าทั้ง 3 รุ่นก็ให้ความอึดแบบพ้นวันเหลือ ๆ แน่นอน

สิ่งที่มักถูกพูดถึงคู่กันในหัวข้อแบตเตอรี่ นั่นก็คือเรื่องระบบการชาร์จไว ซึ่งทั้งสามรุ่นก็ใส่มาให้อย่างครบครัน และจากผลการทดสอบความไวในการชาร์จจาก 0% – 100%* บน Channel Amit Bhawani (PhoneRadar) พบว่า Oppo ที่มาพร้อมระบบ VOOC Fast Charge 3.0 คว้าชัยชาร์จได้เร็วที่สุด ทำเวลาไป 80 นาที ชาร์จครึ่งชั่วโมงได้แบตไปถึง 45% อันดับสองเป็นของ Vivo (V15 Pro) ทำเวลาไป 100 นาที และอันดับ 3 เป็น Samsung

*ผลจากการใช้งานจริงอาจคาดเคลื่อนตามการใช้งานนะจ้ะ

ราคาและการวางจำหน่าย

ตอนนี้ทั้งมือถือทั้ง 3 รุ่น มีวางจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว ตามช็อปและศูนย์บริการค่ายโทรศัพท์ รวมถึงทางออนไลน์ Lazada, Shopee, JD Central

  • ราคา Vivo V15 (RAM 6 GB / 128 GB) – 10,999 บาท
  • ราคา Oppo F11 Pro (RAM 6 GB / 64GB) – 10,990 บาท
  • ราคา Samsung Galaxy A50 (RAM 6 GB / 128 GB) – 11,490 บาท

เคล็ดไม่ลับ ทั้ง 3 รุ่น ถ้าซื้อแบบติดสัญญา 12 เดือนกับค่ายมือถือจะมีส่วนลดให้เยอะมาก ใครที่จ่ายรายเดือน ๆ ละ 499 – 1099 บาท อยู่แล้ว ซื้อแบบติดโปรจะค่อนข้างคุ้มกว่า และได้ของแถมเยอะแทบไม่ต่างกับการซื้อเครื่องเปล่าเลย เช่น

DtacSamsung Galaxy A50 ย้ายค่ายเบอร์เดิม ซื้อติดโปร 899 บาท จ่ายล่วงหน้า 2000 บาท สามารถซื้อเครื่อง 3,490 บาท เท่านั้น
TrueOppo F11 Pro ลูกค้าทุกประเภท ซื้อติดโปร 899 บาท จ่ายล่วงหน้า 2000 บาท สามารถซื้อเครื่อง 5,490 บาท เท่านั้น
AIS  – Vivo V15 ลูกค้าทุกประเภท ซื้อติดโปร 899 บาท จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่อง 5,999 บาท เท่านั้น

สรุปตามความเห็นของผู้เขียน

ในมุมมองของผู้เขียนมองว่า Samsung Galaxy A50 จะมีแต้มต่อด้านสเปคโดยรวมมากกว่าสองรุ่นที่เหลือ เช่น หน้าจอแบบ AMOLED แบบเดียวกับพวกสมาร์ทโฟนราคาหมื่นปลาย ๆ มี Bluetooth 5.0 เป็นต้น แต่ทั้งนี้ด้วยดีไซน์หน้าจอติ่งตรงกลางที่เวลาใช้งาน อาจสร้างความรำคาญตาได้มากกว่า Vivo V15 และ Oppo F11 Pro ที่เป็นจอแบบเต็ม รวมไปถึงกล้องหน้าที่ส่วนตัวรู้สึกว่าใครที่เซลฟี่บ่อย ๆ วีโว่กับออปโป้ น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะปรับแต่งทำออกมาได้เยอะกว่าจ้า

เอาเป็นว่าถ้าเพื่อน ๆ มีอะไรสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับทั้ง 3 รุ่น สามารถคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยนะจ้ะ ทีมงานจะรีบหาคำตอบมาให้

คำถามที่พบบ่อย

Q : Vivo V15 กับ Vivo V15 Pro ซื้อรุ่นไหนดี
A : เพื่อน ๆ ต้องลองชั่งใจเองว่าการจ่ายเงินเพิ่มอีก 4,000 บาท เพื่อแลกฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ความละเอียดกล้องหลักที่เพิ่มขึ้นเป็น 48 ล้านพิกเซล และชิปประมวลผลที่เอื้ออำนวยต่อการเล่นเกมมากกว่าอย่าง Snapdragon 675 จ้า สำหรับเฟมมองว่าถ้างบไหวควรไปให้สุด

Q : Vivo V15 มีชิปเสียงหรือไม่
A : ไม่มีจ้า สำหรับรุ่นที่มีชิปเสียงของ Vivo ตัวล่าสุด คือ Vivo X21

Q : Vivo V15 , Oppo F11 Pro , Samsung Galaxy A50 รุ่นไหนมี NFC รุ่นไหนรองรับการชาร์จไร้สาย
A : ทั้ง 3 รุ่น ไม่มี NFC จ้า และไม่มีฟีเจอร์ชาร์จไร้สาย

Q : Vivo V15 , Oppo F11 Pro , Samsung Galaxy A50 รุ่นไหนกันน้ำ
A : ไม่มีรุ่นไหนเลยที่ระบุคุณสมบัติกันน้ำ IP ดังนั้นสงกรานต์นี้ใส่ซองกันด้วยน้า