หน้าแรก คู่มือเลือกซื้อสินค้า เรื่องเล่าในหลวง ร.๙ กับรถยนต์พระที่นั่งที่ไม่เคยรู้

เรื่องเล่าในหลวง ร.๙ กับรถยนต์พระที่นั่งที่ไม่เคยรู้

2227

เรื่องเล่าของในหลวงรัชกาลที่เก้านั้นเป็นแบบอย่างที่ดีให้ ผมและครอบครัวได้ยึดถือและนำมาปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ หลายเรื่องราวของพระองค์ท่าน ทำให้ผม และครอบครัวของผมรู้สึกได้ถึงความดีงาม ความอบอุ่นใจที่พระองค์ท่านได้ทรงงานเพื่อพสกนิกรชาวไทยเสมอมา
เรื่องราวของรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์ ก็เป็นอีกเรื่องราวที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ บทความนี้จึงขอเรื่องเล่าในหลวง ร.๙ กับรถยนต์พระที่นั่งที่ไม่เคยรู้  ให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันดังนี้

เรื่องแรก “รถยนต์ Toyota Soluna ที่พระองค์ใช้”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ด้วยพระองค์ทรงนึกถึงแผ่นดิน และประชาชนของพระองค์ก่อนเสมอ ทั้งยังทรงดำเนินชีวิตอย่างพอเดียงเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนชาวไทย
ในฐานะของกษัตริย์นั้น พระองค์สามารถที่จะใช้สิ่งของที่ดีเลิศที่สุด แพงที่สุดได้อย่างไม่ต้องสงสัยอะไรเลย แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พระองค์ยังทรงเลือกที่จะใช้สิ่งของตามความจำเป็นเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น พระราชพาหนะ หรือรถยนต์ส่วนพระองค์นั้น ก็ทรงเลือกใช้รถยนต์ธรรมดาๆ เช่นเดียวกับที่ประชาชนทั่วไปใช้
ในช่วงระหว่างปี 2540 ช่วงนั้นประเทศไทยกำลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจใหญ่ “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ทำให้ประชาชนต่างก็ต้องประหยัดอดออม … ในขณะนั้นเองก็มีรถยนต์รุ่นหนึ่งที่ถูกออกแบบโดยคนไทย ประกอบในโรงงานประเทศไทย รถยนต์รุ่นนั้นก็คือ Toyota Soluna นั่นเองครับ

รถยนต์รุ่น Toyota Soluna นัน เป็นรถยนต์ 4 ประตู หรือเรียกง่ายๆ ว่า “รถเก๋ง” ที่มีราคาขายเริ่มต้นที่จับต้องได้ในยุคนั้น คล้ายๆ กับ Eco Car ในปัจจุบัน ทำให้เป็นที่นิยมของคนในยุคนั้น ถือว่าเป็นรถยนต์ต้นแบบที่ทั้งประหยัด และตอบโจทย์การใช้งานแพ้รถยนต์รุ่นอื่นๆ ในสมัยนั้น

อย่างไรก็ตามที่มาที่ไปของรถยนต์รุ่นนี้เกิดขึ้นด้วยข่าวว่า ทางโตโยต้าจะปิดโรงงานลอยแพพนักงานกว่า 5 พันคน เนื่องจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในตอนนั้น แต่พอจะถึงเวลาประกาศข่าว ในบ่ายวันเดียวกัน ทางบริษัทโตโยต้าก็ได้จัดแถลงข่าวเพื่อแก้ข่าวที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าบริษัทไม่คิดปิดโรงงาน และเลิกจ้างพนักงานแต่อย่างใด ต่อมามีเหตุการณ์ไม่คาดคิด ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวราชกาลที่ 9 ที่ทรงหัวใยพนักงานโตโยต้ากว่า 5 พันคน
ในช่วงเช้าวันที่ 6 พฤศจิกายน 2540 เลขานุการส่วนพระองค์ได้โทรศัพท์ถึง คุณนินนาท และแจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวราชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชประสงค์สั่งซื้อ รถยนต์ Toyota Soluna จำนวน 1 คัน และไม่เพียงทรงสั่งซื้อรถยนต์เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับบริษัทโตโยต้า และพนักงานเท่านั้น ในวันที่บริษัทโตโยต้านำรถยนต์คันดังกล่าวไปถวายพระองค์ ยังทรงได้รับพระราชทานแนวพระราชดำริว่า ให้โตโยต้านำเงินไปตั้งโรงสีข้าวเพื่อช่วยเหลือชาวนา จนเป็นที่มาของ บริษัท ข้าวรัชมงคล จำกัด นั่นเอง

เรื่องราวที่สอง “พระองค์ทรงขับรถเองจอดรถติดไฟแดง แล้วมีคนบีบแตรใส่”

เรื่องราวที่สองเป็นเรื่องเล่าที่ทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งในพระเมตตาของพระองค์ท่านเป็นอย่างยิ่ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีก่อน บนถนนในกรุงเทพฯ มีรถยนต์คันหนึ่งได้ขับไปบนถนนเส้นนั้นโดยในรถยนต์คันดังกล่าวมีเพียงชายผู้หนึ่งที่กำลังขับรถอยู่เพียงคนเดียว และในระหว่างทางที่ขับไปนั้น พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านทรงติดไฟแดง ชายดังกล่าวจอดรถแวะข้างทางเพื่อซื้อกาแฟ 1 ถุง และได้ออกรถไปจนกระทั่งถึงสี่แยกไฟแดงอีกแห่งหนึ่ง ชายดังกล่าวก็ได้จอดติดไปแดงอยู่
จนมีรถตำรวจคันหนึ่งขับนำขบวนเบนซ์มา ได้บีบแตรไล่รถที่ชายท่านนั้นจอดติดไฟแดงอยู่ให้ถอยออกไป และรถตำรวจยังพูดผ่านไซเรนว่า … “นี่เป็นรถยนต์นำขบวนรัฐมนตรี ให้รถยนต์ของชายดังกล่าวหลบไป”
กระทั่งตำรวจได้ลงจากรถนำขบวนมาที่รถยนต์ของชายท่านนั้น และเรียกให้ท่านลงจากรถ พอชายท่านนั้นลงมาจากรถ ตำรวจที่ได้เห็นชายท่านนั้นถึงกลับต้อง “ล้มทั้งยืน” สร้างความตกใจให้กับตำรวจคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ในรถยนต์นำขบวน ต้องวิ่งลงมาดูพร้อมกับรัฐมนตรี พอตำรวจ และรัฐมนตรีมาถึง ทั้งสองคนเห็นชายท่านนั้น ทั้งตำรวจ และรัฐมนตรีรีบนั่งลงกับพื้นทันที เสมือนว่าขาทั้งสองข้างได้อ่อนแรงลงไปในทันทีทันใด และได้เงยหน้ามองดูชายท่านนั้นซึ่งเป็นคนขับรถคันดังกล่าว สิ่งที่ทุกคนได้เห็นก็คือ ชายที่ขับรถยนต์นั้นเป็น บุคคลที่มีรูปอยู่บนธนบัตร คือ ในหลวงรัชกาลที่ 9 นั่นเอง
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ตรัสถามรัฐมนตรี และตำรวจติดตามว่า … “พวกท่านจะรีบไปไหนหรือ ถึงกับต้องขับรถฝ่าไฟแดง ตัวข้าพเจ้าเองยังต้องรอรถติดไปแดงเลย”
รัฐมนตรีไม่ได้ตอบ ได้แต่นั่งตัวสั่น และกราบลงบนพระบาท และต่อมาในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ทรงขึ้นรถ ตำรวจที่นำขบวนรัฐมนตรีได้ทูลว่า … “ให้ขาพระพุทธเจ้าขับรถนำพระองค์ไปมั้ยพุทธเจ้าข้า”
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสว่า “เราไม่ต้องการให้ท่านมานำขบวนรถเราหรอก เราขับไปเองคนเดียวได้ ท่านไปนำรถของท่านรัฐมนตรีเถอะ”

ทั้งสองเรื่องราวสอนใจให้เรารู้ว่า … การที่เราเป็นอยู่อย่างพอเพียงนั้นสร้างความสุขใจให้กับเราได้มาก ความพอเพียง คือความงดงามที่แท้จริง ที่พระองค์ท่านได้แสดงให้เห็นด้วยตัวพระองค์เอง