
การซื้อตู้เย็นใหม่ ให้กับที่อยู่อาศัยของคุณนั้น ไม่ว่าจะเป็น บ้าน หอ หรือคอนโดมิเนียม มีหลายสิ่งที่เพื่อน ๆ ควรทำความรู้จักและควรสังเกต เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจ เช่น ประเภทของตู้แช่เย็น ดีไซน์ ฟังก์ชั่นลักษณะการใช้งาน ราคา และอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วยิ่งสมัยนี้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้ตู้แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นมีฟังก์ชั่นและความสามารถต่าง ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กันออกมาวางขายเต็มไปหมด ยิ่งทำให้ตัดสินใจยากขึ้นไปอีก แต่ไม่ต้องกังวลวันนี้ Priceza มีบทสรุป 7 จุดสังเกตที่ช่วยทำให้พิจารณาการซื้อตู้แช่เย็นใหม่ ให้ได้ตู้แช่เย็นตรงตามความอย่างง่ายให้เหมือนปลอกกล้วยเข้าปากมาฝาก
1. สำรวจพฤติกรรมการใช้งานและจำนวนผู้ใช้งานก่อนซื้อตู้แช่เย็นใหม่
สำรวจลักษณะการใช้งานตู้แช่เย็นจากจำนวนผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนสมาชิกภายในบ้าน พฤติกรรมการใช้งาน เช่น ชอบทำอาหาร, ชอบดื่มเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องหรือดื่มน้ำผัก ผลไม้ ชอบตุนของบ่อยมั้ย เป็นต้น
2. เลือกขนาดตู้แช่เย็นให้เหมาะสมกับการใช้งาน
เลือก ขนาดของตู้แช่เย็น ตามลักษณะการใช้งาน โดยอ้างอิงข้อมูลจากข้อที่ 1 ซึ่ง ขนาดมาตรฐานในการเลือกซื้อตู้แช่เย็นสามารถเลือกได้ดังนี้ จำนวนผู้ใช้งาน 1 – 3 คน จะใช้ตู้ขนาดประมาณ 6 – 10 คิว, 4 – 5 คน จะใช้ตู้ขนาดประมาณ 10 – 15 คิว และตั้งแต่ 6 คนขึ้นไป จะใช้ตู้ขนาดประมาณไม่ต่ำกว่า 15 คิว
3. เลือกประเภทของตู้แช่เย็นให้ตรงกับความต้องการ
ลักษณะ ฟังก์ชั่น และประเภทของตู้แช่เย็นในแบบต่างๆ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานแตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องเลือกให้เหมาะและตรงตามความต้องการใช้งานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยสามารถแบ่งประเภทออกได้เป็น
- ตู้แช่เย็น 1 ประตูขนาดเล็ก หรือ มินิบาร์ เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่น้อยอย่างเช่น ห้องพักตามโรงแรม พื้นที่ในการแช่อาหารและเครื่องดื่มไม่มากนัก ขนาดประมาณ 2.1 คิว
- ตู้แช่เย็น 1 ประตู เป็นตู้แช่ที่ได้รับความนิยมในการใช้งานมากที่สุดอีกประเภทหนึ่ง เนื่องจากใช้ง่าย พื้นที่ในการจัดเก็บอาหารและเครื่องดื่มไม่ซับซ้อน ด้านในแบ่งออกเป็นช่องสำหรับแช่แข็งและช่องแช่เย็นธรรมดา
- ตู้เย็น 2 ประตู มีทั้งแบบเปิดประตูด้านบน-ด้านล่าง และแบบเปิดประตูด้านซ้าย-ขวา มีพื้นที่ในการจัดเก็บอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช่องแช่แข็ง ผัก ผลไม้ และเครื่องดื่ม เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิกจำนวนมากหรือครอบครัวใหญ่
- ตู้แช่เย็นหลายประตู เป็นตู้แช่ที่มีการจัดการและการจัดเก็บอาหารที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นช่องแช่แข็ง เครื่องดื่ม อาหาร ผัก และผลไม้ โดยประตูจะมีทั้งส่วนบน ล่าง ซ้าย และขวา
- ตู้แช่เย็นประตูซ้อนประตู เป็นตู้แช่ที่มีรวมเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ไม่เหมือนใครด้วยการใช้งานประตู 4 บาน พร้อมประตูปิดซ้อนอยู่ข้างในอีก 2 บาน ที่ช่วยกักเก็บความเย็นไม่ให้กระจายออกมาเมื่อเปิดหยิบของเล็กๆ น้อยๆ อีกทั้งด้วยนวัตกรรมที่ออกแบบมาใหม่ล่าสุดทำให้เรื่องการประหยัดพลังงานและการกักเก็บความสดใหม่ให้อยู่กับอาหารได้นานอย่างดีเยี่ยม
4. มองหาฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
การซื้อตู้เย็นใหม่ ไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตาม ถ้าเจอ ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ให้เก็บทดไว้ในใจได้เลย เพราะว่ามันจะช่วยทำให้คุณประหยัดเงินจากค่าไฟได้มากเลยทีเดียว เนื่องจากตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอีกชนิดหนึ่งที่กินไฟฟ้าเป็นจำนวนมากจากการใช้งาน ยิ่งเปิด-ปิด หยิบเข้าหยิบออกตู้บ่อย ๆ ก็ยิ่งกินไฟ ดังนั้นจึงต้องเน้นรุ่นหรือยี่ห้อที่ประหยัดไฟฟ้าเป็นหลัก โดยฉลากแต่ละเบอร์สามารถบอกข้อมูลให้ทราบโดยประมาณได้ดังนี้
-
- ฉลากเบอร์ 3 : กินไฟฟ้าประมาณ 332 หน่วย/ปี หรือต้องเสียค่าไฟฟ้าประมาณ 840 บาท/ปี
- ฉลากเบอร์ 4 : กินไฟฟ้าประมาณ 262 หน่วย/ปี หรือต้องเสียค่าไฟฟ้าประมาณ 644 บาท/ปี
- ฉลากเบอร์ 5 : กินไฟฟ้าประมาณ 220 หน่วย/ปี หรือต้องเสียค่าไฟฟ้าประมาณ 573 บาท/ปี
5. ดูคุณสมบัติพิเศษ เพื่อเพิ่มความพิเศษให้ตู้แช่เย็น
คุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นระบบทำความเย็น ระบบกรองอากาศ ระบบควบคุมการทำงานภายในตู้ ระบบปล่อยวิตามินซีเพื่อเพิ่มความสดของผัก แทงก์น้ำดื่มด้านหน้าตู้ ระบบกำจัดแบคทีเรียและกลิ่น ระบบประหยัดพลังงาน หรือแม้กระทั่งระบบ Smart Refrigerator อัจฉริยะควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ก็เป็นสิ่งที่ควรสังเกตไว้ เพราะว่ามันคือหนึ่ง หรือจะเรียกว่าจุดเด่นก็ได้ ที่ทำให้ตู้แช่เย็นแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์แตกต่างกัน
6. ราคา
ตัวตัดสินรองสุดท้าย ที่จะเอามาใช้ในการเลือกซื้อคือ ราคา ต้องดูว่าราคาที่เราจ่ายไป เราได้ตู้แช่เย็นที่มีคุณสมบัติ ฟังก์ชั่นการใช้งานตรงตามความต้องการหรือไม่ สมเหตุ สมผล คุ้มค่าที่จะซื้อหรือเปล่า เพราะราคาของตู้สำหรับแช่เย็นนี่มีตั้งแต่หลักพันไปยันหลักแสน ดังนั้นก็ต้องลองเอามาพิจารณากันดี ๆ
7. ศึกษาข้อมูลให้ดี
มาถึงปลายทางแล้ว กำลังจะได้ตู้สำหรับแช่เย็นมาแล้ว อย่าลืมศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ของตู้ที่ระบุไว้ ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ รุ่น เครื่องหมายการค้า ปีที่ผลิต ระบบไฟฟ้า วัสดุที่ใช้ในการผลิต รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ในคู่มือการใช้งาน ทั้งการติดตั้ง วิธีการใช้งาน การทำความสะอาด และการดูแลรักษา เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างถูกต้องและไร้ปัญหา
จากจุดสังเกตทั้ง 7 ข้อนี้ที่บอกไป หวังว่าพอจะเป็นตัวช่วยให้ การซื้อตู้เย็นใหม่ ในแต่ละครั้ง เป็นไปได้ง่ายขึ้น รวมถึงตรงกับความต้องการการใช้งาน คุ้มค่า ตรงกับความต้องการมากขึ้นกว่าเดิมนะจ้ะ