หน้าแรก คู่มือซื้อคอมพิวเตอร์ สแกนเนอร์ รุ่นไหนดี มีกี่ประเภท ? พร้อม 5 เคล็ดลับในการเลือกซื้อ ง่ายมากๆ !!

สแกนเนอร์ รุ่นไหนดี มีกี่ประเภท ? พร้อม 5 เคล็ดลับในการเลือกซื้อ ง่ายมากๆ !!

6202

มองหาอุปกรณ์สำนักงานมาเป็นตัวช่วยทั้งที ก็ต้องเลือกให้ดี ให้ใช้คุ้ม และสามารถช่วยให้ทำงานได้ง่ายได้ไวขึ้น โดยเฉพาะเครื่องใช้สำนักงาน ที่เป็นพวกเทคโนโลยีที่ต้องใช้ประจำ อย่าง ปริ้นเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร ไม่เว้นแม้แต่สแกนเนอร์ เราก็ต้องช่างเลือกนิดนึง ยิ่งถ้าเป็นการเลือกซื้อมาใช้ในออฟฟิศ ในบริษัท ที่คนใช้เยอะๆ ก็ยิ่งต้องเลือกให้ดี โดยวันนี้เป็นคิวของสแกนเนอร์ ที่มดมดจะบอกเล่าวิธีการเลือกเครื่องสแกนเนอร์ ว่ารุ่นไหนที่จะตอบโจทย์ตามความต้องการของแต่ละคน แต่ละออฟฟิศ สำนักงานมาให้ได้รู้กัน ตามมา!!

สแกนเนอร์ มีกี่ประเภท?

ปัจจุบันสแกนเนอร์ ได้มีการพัฒนาให้มีการนำเข้าข้อมูลในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ตอบสนองต่อการใช้งานของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น และระยะหลังมานี้ เราสามารถใช้งานสั่งสแกนผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือได้ด้วยนะ ช่วยให้เราสะดวกสบาย และทำงานง่ายขึ้นไปอีก จัดว่าเป็นทางเลือกที่ดีของชาวออฟฟิศเลย โดยเครื่องสแกนเนอร์นั้นมีอยู่ 3 ประเภท ดังนี้

1. แบบเลื่อนกระดาษ

สแกนเนอร์แบบเลื่อนกระดาษ จะมีลักษณะการทำงานโดยเครื่องจะรับกระดาษเข้ามาแล้วค่อยๆ เลื่อนหน้ากระดาษทีละแผ่นเข้าผ่านหัวเครื่องสแกน เครื่องสแกนเนอร์ประเภทนี้จะสามารถอ่านภาพที่เป็นแผ่นกระดาษได้เท่านั้น ไม่สามารถอ่านภาพจากสมุดหรือหนังสือได้

2. แบบแท่นนอน

สแกนเนอร์แบบแท่นนอน ลักษณะการทำงานจะคล้าย ๆ กับเครื่องถ่ายเอกสาร เพียงแค่วางหนังสือหรือภาพไว้บนแผ่นกระจกใส เมื่อทำการสแกน หัวสแกนก็จะเริ่มทำงานจากปลายด้านหนึ่งไปถึงอีกด้านหนึ่ง เครื่องสแกนเนอร์แบบแท่นแนวนอนนี้จะสามารถวางหนังสือแล้วสแกนได้ แต่การทำงานต้องใช้การสะท้อนแสงผ่านกระจกหลายแผ่น จึงทำให้ภาพ มีคุณภาพไม่ดีเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับแบบแรก

3. แบบมือถือ

สแกนเนอร์แบบมือถือ การใช้งานต้องเลื่อนหัวสแกนเนอร์ไปบนหนังสือหรือรูปภาพเอง เพราะมีขนาดเล็ก ราคาไม่แพงมาก เหมาะสำหรับเก็บภาพขนาดเล็ก ๆ ซึ่งไม่ต้องการความละเอียดมาก มีข้อจำกัดว่า ภาพที่ได้จะมีคุณภาพแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการเลื่อนหัวสแกนเนอร์ของผู้ใช้งาน

 

 

ชาวออฟฟิศคนไหนที่ต้องคลุกคลีอยู่กับเครื่องสแกนเนอร์นี้จะรู้ว่า บางครั้งบางทีเครื่องใช้สำนักงานที่มีอยู่ บางเครื่อง บางรุ่นมันช่างไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย ทั้งนี้ก็เพราะว่าความต้องการในการใช้งานของแต่ละออฟฟิศไม่เหมือนกัน บางคนอยากได้เครื่องที่ทำงานไว ให้งานเสร็จไว บางคนต้องสแกนภาพให้ละเอียดคมชัด เพื่อใช้ปริ้นท์ต่อ หรือบางออฟฟิศก็อยากได้เครื่องที่ใช้ง่ายๆ ซึ่งบอกเลยว่าสแกนเนอร์แต่ละรุ่นนั้นออกแบบฟังก์ชั่นมาไม่เท่ากัน อาจจะช่วยในงานที่เราต้องการไม่ได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฝ่ายจัดซื้อ หรือคนที่ต้องการซื้อสแกนเนอร์ต้องมองหา คือดูจุดประสงค์ว่าเราต้องการสแกนเนอร์มาช่วยงานเราให้ลักษณะไหน จะได้เลือกซื้อรุ่นที่ช่วยงานเราได้ดีที่สุด

7 สิ่งจำเป็นที่ต้องรู้ ซื้อสแกนเนอร์ รุ่นไหนดี

อยากให้งานเสร็จไว ดูค่าความเร็วในการสแกน

 

เคยเป็นไหม ที่ใช้เครื่องสแกนเนอร์ที่ออฟฟิศ แล้วกว่าจะสแกนได้แผ่นหนึ่งนั้นอืดมาก ซึ่งถ้าเราสแกนแค่แผ่นสองแผ่นก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นออฟฟิศ สำนักงานที่มีเอกสารเยอะๆ อย่างพวกเอกสารระเบียน ประวัติ หลักฐาน ที่ต้องสแกนเก็บไว้ในฐานข้อมูลแล้วล่ะก็ จะช้าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นถ้ามัวแต่นั่งรอสแกน ก็ไม่เป็นอันต้องทำงานอื่นพอดี ซึ่งถ้าอยากได้เครื่องสแกนเร็วๆ แล้ววิธีง่ายๆ ที่ต้องดูคือ ดูค่าความเร็วในการสแกน ที่แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะบอกไว้ว่า ใช้เวลาสแกน กี่หน้าต่อนาที ซึ่งก็อยู่ที่เราพิจารณาว่าไวแค่ไหน แต่เท่าที่เคยเห็นมา เครื่องที่สแกนไวสุดๆ นั้นใช้ความเร็วในการสแกนอยู่ที่ 160 หน้าต่อนาที เป็นแบบป้อนกระดาษอัตโนมัติ แถมยังสแกนหน้าหลังพร้อมกันได้ด้วย ไวมากรุ่นนี้ สแกนเนอร์รุ่น Brother รุ่น PDS-6000

อยากได้ภาพชัด ไร้ที่ติ สังเกตุความคมชัด และความละเอียดสี

 

 

บริษัทไหน ที่จำเป็นต้องสแกนเอกสารจำพวก ภาพถ่าย ภาพร่าง ภาพวาด เพื่อไปสั่งพิมพ์ภาพต่อ หรือเพื่อใช้ในงานกราฟิก จำเป็นมากที่ต้องมองหาเครื่องสแกนเนอร์ที่ความละเอียดสูงๆ เพราะในการสแกนภาพของสแกนเนอร์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อนั้นมีไม่เท่ากัน ซึ่งแต่ละรุ่นจะระบุค่าความละเอียดไว้ เป็นตัวเลขค่า dpi เช่น 600×600 dpi ยิ่งตัวเลขมีค่าสูงก็หมายถึงความละเอียดของภาพจะสูงตาม
ซึ่งถ้าหากต้องการสแกนภาพเพื่อสั่งพิมพ์ภาพแล้ว ก็ควรจะมีอย่างน้อย 300 dpi และยิ่งถ้าต้องการพิมพ์ภาพขนาดใหญ่ ก็ควรมองหาสแกนเนอร์ที่ความละเอียดไม่ต่ำกว่า 600 dpi ถึงจะได้ภาพคมชัด ไร้ที่ติ พิมพ์งานได้สีสวย

สแกนง่าย สบายคนใช้ ดูง่ายๆ ที่ฟังก์ชั่น

 

สแกนเนอร์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อนั้นมีฟังก์ชั่น เยอะแยะมากมาย แต่ถ้าเกิดเราต้องการเครื่องสแกนเนอร์ที่ไม่ต้องเทพมาก แต่ใช้งานง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ให้เลือกสแกนเนอร์ด้วยฟังก์ชั่นพื้นฐาน อย่างเช่นช่องใส่กระดาษ ที่บางรุ่นนั้นจะสามารถป้อนกระดาษได้หลายขนาด ตั้งแต่ขนาดนามบัตร การ์ด ขนาดจดหมาย ไปจนถึง A4 เลยทีเดียว ยกตัวอย่างรุ่น Brother PDS-5000 ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยพูดถึงว่า เป็นสแกนเนอร์ที่ตรวจข้อสอบได้ โดยเจ้า PDS-5000 ตัวนี้เราสามารถใส่กระดาษที่ขนาดต่างกันลงสแกนไปพร้อมกันทีเดียวได้ โดยจะเป็นถาดป้อนกระดาษอัตโนมัติ ที่เราไม่ต้องเมื่อยมือวางทีละแผ่น แถมเครื่องสแกนตัวนี้ก็ยังจัดหน้ากระดาษที่สแกนให้ตรงได้อัตโนมัติเลยด้วย ได้งานสแกนที่คุณภาพดี โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องยุ่งยากทำเอง

ขี้เกียจพิมพ์งานเอง สแกนเนอร์บางรุ่นช่วยได้

 

หูผึ่งกันเลยทีเดียว เมื่อรู้ว่ามีสแกนเนอร์บางรุ่น บางยี่ห้อที่ช่วยให้เราไม่ต้องพิมพ์งานเองก็ได้ ซึ่งอันนี้เป็นฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์ มาพร้อมกับสแกนเนอร์ Brother เท่านั้น เนื่องจากสแกนเนอร์ของ Brother บางรุ่นจะมีการพ่วงโปรแกรมคอมพิวเตอร์แปลงตัวอักษรในไฟล์ PDF ที่ชื่อว่า  ABBYY มาให้ โดยจริงๆ แล้วโปรแกรมนี้ค่า License ชุดเต็มเวอร์ชั่น ราคาแพงถึงหลักหมื่น แต่ถ้าซื้อสแกนเนอร์บราเดอร์  ก็ใช้ฟรีๆ ได้เลย ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ต่อให้มีข้อความเต็มไปหมด ทั้งข้อความภาษาไทย หรือภาษาอื่นๆ กว่า 100 ภาษาก็สามารถแปลงเป็น text ในโปรแกรม Microsoft Word ได้ ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ให้เมื่อยมือ ยกตัวอย่างสแกนเนอร์ที่มี เช่น เครื่องสแกนเนอร์ Brother รุ่น ADS-2400N, ADS-2800W และ ADS-3600W

ตัวช่วยสะดวกสบาย

 

นอกเหนือจากจะมีสแกนเนอร์ที่ช่วยพิมพ์งานให้ได้แล้ว ยังมีสแกนเนอร์อีกหลายต่อหลายรุ่นที่มีฟังก์ชั่นช่วยให้เราใช้งานได้สะดวกสบายขึ้น เช่น สแกนได้โดยไม่ต้องพ่วงคอมพิวเตอร์ เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อ WIFI ในตัว ทำให้สแกนแล้วส่งอีเมล์ สแกนเก็บไว้ใน Cloud ต่างๆ เช่น Google Drive, iCloud, Dropbox, Box ,Evernote, OneDrive หรือส่งเข้าฐานข้อมูลที่เชื่อมต่อ LAN ไว้ได้เลยโดยไม่ต้องเปิดคอมพิวเตอร์ให้เสียเวลา เหมาะมากสำหรับออฟฟิศ สำนักงานที่มีคนใช้งานสแกนเนอร์หลายคน
สแกนเนอร์ รุ่นไหนดี
นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ระยะหลังมานี้เราสามารถสั่งสแกนผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือได้ด้วย ช่วยให้เราสะดวกสบายมากขึ้น ทำงานง่ายขึ้นไปอีก จัดว่าเป็นทางเลือกที่ดีของชาวออฟฟิศ