หน้าแรก คู่มือเลือกซื้อสินค้า 5 รองเท้าวิ่งตัวท็อปที่ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์

5 รองเท้าวิ่งตัวท็อปที่ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์

2720

สวัสดีครับพบกันอีกหน วันนี้นายไพรซ์ซ่าขอลด ละ เลิก เรื่องไอที หันเข้าหาธรรมะบ้าง หลังจากช้อปจนกระเป๋าแบนแฟนทิ้ง เอ้ย ไม่ใช่ กับช่วงอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ กระผมนั้นจะสดชื่นเป็นพิเศษ เพราะแม้จะร้อนไข่สุก (ไข่ไก่นะ) ก็จริงแต่มันดีสำหรับการออกกำลังกายมากกว่าช่วงหน้าหนาวหลายประการมากๆ ทั้งเรื่องการหายใจที่สะดวกกว่า การเสี่ยงเจ็บกล้ามเนื้อเพราะวอร์มไม่พอจากอากาศเย็นก็มีน้อยกว่า นั่นแหละผมถึงนึกครึ้มอยากเสนอหน้า เสนอแนะรองเท้าวิ่งตัวใหม่ๆ ที่น่าสนใจให้ชมกันครับ

บอกก่อนว่ารองเท้าวิ่งนั้นมีหลายประเภท มีทั้งหนานุ่มเพื่อรับแรงกระแทก และแบบบางกระชับเพื่อเน้นความมั่นคง และการทำความเร็วในการแข่งขัน มีบางกรอบ มีหนานุ่ม แต่ทานโทษผมไม่ได้พูดถึงพิซซ่า หากท่านๆ เลือกใช้งานผิดประเภทก็จะเสียอรรถรสในการวิ่งไปเยอะเลยจริงๆ นะ ว่าแล้วก็มาดูรองเท้าวิ่งที่ผมอยากฝากไว้ในอ้อมใจขาวไพรซ์ซ่ากันเลยดีกว่า

1. รองเท้าวิ่ง Brooks Glycerin 12
รองเท้ารุ่น TOP จาก แบรนด์รองเท้าวิ่ง Brooks เป็นรองเท้าสำหรับผู้มีรูปเท้าปกติ และซัพพอร์ตคนน้ำหนักตัวมากภายใต้เทคโนโลยี “Super DNA” (ของเหลวกึ่งเจลที่เด้ง-ยุบตัวตามแรงกระทำ) ที่รองรับแรงกระแทกดีขึ้นมากกว่ารุ่นก่อนๆ มีเบอร์ 2E รองรับผู้ที่มีหน้าเท้ากว้าง ทั้งยังหายห่วงเรื่องความเป็นแฟชั่น กับสีที่มีให้เลือกมากมายทั้งประเภทชาย/หญิง (บางสี เช่น น้ำเงิน จะมีในรุ่นหน้าเท้ากว้าง 2E เท่านั้น) เท่าที่ดูข้อเสียของกลีเซอรีน 12 นั้นอยู่ที่การขึ้นรูปรองเท้าภายในจะออกเป็นบล็อกๆ ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนโดนหล่อเท้าในแม่พิมพ์ซีเมนต์ระหว่างวิ่งไปบ้าง แก้ได้ด้วยการเลือกเบอร์เผื่อไว้ ½-1 เบอร์ แล้วใส่ถุงเท้าหนานุ่มช่วย

2. รองเท้าวิ่ง Adidas Ultra Boost 
เป็นรุ่นล่าสุดจากอาดิดาส แบรนด์เก่าแก่จากประเทศเยอรมนี อัลตรา บูสต์ต่างจากรองเท้าทั่วไปอย่างไร เริ่มตั้งแต่ส่วนผ้าด้านบนรองเท้าใช้การถักหมด เรียกว่า “ไพรม์นิต” (Primeknit) ทำให้ยืดหยุ่นขยายตัวตามรูปเท้าของผู้ใช้ ที่พิเศษสุดคือพื้นรองเท้าที่ไม่ใช่โฟม EVA ทั่วไป แต่เป็นเม็ดโฟมแคปซูลหนาแน่นเรียงตัวกัน ช่วยรับแรงกระแทก และดีดส่งแรงกลับไปยังนักวิ่ง ทำให้วิ่งได้นานในทุกสภาพพื้นผิว และยังมีระบบ TORSION SYSTEM  ใต้พื้นรองเท้า ทำให้ผู้สวมใส่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระตั้งแต่ส้นเท้าไปจนถึงปลายเท้า ทำให้วิ่งได้อย่างมั่นคง ราบรื่น และควบคุมการวิ่งได้ดีขึ้น ด้วยเทคโนโลยีมากมายขนาดนี้แต่มีน้ำหนักตัวที่ไม่มากมายอะไรนักเพียง 311 กรัมเท่านั้น แต่ยังถือว่ามากสำหรับรองเท้าวิ่งทำความเร็วครับผม

3. รองเท้าวิ่ง Nike Free 5.0 Running Shoe 
รองเท้าเน้นความสบายในการวิ่งจากไนกี้ เป็นรุ่นที่น้ำหนักเบาเน้นทำความเร็วใน Concept วิ่งให้เหมือนวิ่งเท้าเปล่า อันเป็นท่าวิ่งธรรมชาติที่สุดในตัวมนุษย์ พื้นรองเท้าใช้รอยบากรูปหกเหลี่ยมเพื่อรับรูปเท้าที่เอนเอียงในขณะวิ่ง รุ่นนี้เหมาะกับนักวิ่งที่มีประสบการณ์ เพราะต้องรู้การจัดระเบียบร่างกาย และการวางเท้าในขณะวิ่งเพื่อลดความเสี่ยงกับอาการเจ็บเนื่องด้วยไม่มีระบบรองรับแรงกระแทกที่ดีนักอย่างไรก็ตาม Nike Free run ก็สามารถดึงดูดสตางค์ออกจากผู้รักการออกกำลังกายได้ด้วยความเป็น Fashion ของมันที่เอามาประยุกต์ใส่เที่ยว เดินเล่นได้อีกต่างหาก

4. รองเท้าวิ่ง Asics GEL Kayano 21
รองเท้าวิ่งเน้นความนุ่มเท้าเป็นหลัก ออกมาถึง Generations ที่ 21 แล้ว รองเท้าเอสิค ตระกูลคายาโน่ ที่มี “เจล” อันเป็นจุดขาย เหมาะกับคนน้ำหนักตัวเยอะ และผู้ที่มีหน้าเท้ากว้างมากๆ โดยมีเบอร์ SW หรือ Super Wide 2E และ 4E ให้ผู้ส่วมใส่รู้สึกสบายนิ้วเท้า ขณะที่แผ่นรองเท้า และตัวส้นเท้าก็มีเทคโนโลยีช่วยซัพพอร์ตเท้าขณะวิ่งเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นด้วยราคาค่าตัวที่ค่อนข้างแพง ทำให้หลายคนยังคิดหนักในการจะเป็นเจ้าของมันอยู่ พร้อมกับข้อมูลที่ว่าแม้คนจำนวนมากจะถูกใจในการซัพพอร์ตอันดีเยี่ยมของมัน แต่ก็มีไม่น้อยที่พอใจในรุ่นรองๆ ลงมามากกว่า แม้จะมีลักษณะเท้าเหมือนๆ กัน อันนี้ใครลองแล้วดีอย่างไรมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

5. รองเท้าวิ่ง New Balance 1080 V5
แบรนด์รองเท้าวิ่งคุณภาพอีกหนึ่งยี่ห้อ มาพร้อมเทคโนโลยี ABZORB ที่พื้นชั้นกลาง N2 ช่วยรองรับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยมจุดแข็งของ นิว บาลานซ์ มิได้อยู่ที่เทคโนโลยีอย่างเดียวเท่านั้น หากเป็นวัสดุบุภายในรองเท้าที่นุ่มสบายเป็นพิเศษ ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างเท้ากับรองเท้า ทำให้วิ่งนานขึ้นโดยไม่เกิดแผลเสียดสี กดทับ จะใส่เดิน หรือวิ่งก็นุ่มนิ่มอย่าบอกใครเชียว

จบไปแล้วครับ สำหรับรองเท้าวิ่งที่ไพรซ์ซ่าขนมาบอกเล่าเก้าสิบให้เพื่อนๆ ในตอนนี้ แต่โปรดอย่าลืมว่าเท้าเราแต่ละคนมีลักษณะที่ต่างกัน ทั้งขนาดกว้าง-ยาว รูปเท้า (แบน,ปกติ) รองเท้าที่แพงสุด เป็นตัวท็อปสุด อาจจะไม่ใช่รองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับเรา ควรไปลองซื้อ ลองใส่ด้วยตัวเองจะดีที่สุด เว้นแต่เป็นแฟนประจำของซีรีส์ไหนก็สั่งร้านออนไลน์กันไป ใน Priceza.com เราก็มีหลายคู่ให้ดูชม สุดท้ายทั้งก่อนและหลังวิ่ง อย่าลืมกฏเหล็กนั่นคือการวอร์มอัพ และ คูล ดาวน์ วิ่งให้เหมาะสมกับเลเวลของเรา อย่าเร่งจังหวะมาถึงเหยียบ 120 กม/ชม วิ่งได้ 5 นาทีก็ขอกลับบ้าน แบบเนี้ยนายไพรซ์ซ่าเจอมาเยอะแล้ว