
Power Bank ในท้องตลาดมีให้เลือกซื้อ เลือกหามาไว้ใช้งานกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อที่แตกต่างกัน ความจุแบตเตอรี่ รวมถึงประเภทของวัสดุที่นำมาใช้ทำเพาเวอร์แบงค์ก็แตกต่างกัน และตัวเครื่องเพาเวอร์แบงค์ก็มีหลายขนาดหลายรูปแบบต่างกัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึง ถ้าหากวันหนึ่งจะต้องมีการซื้อแบตเตอรี่สำรองเพื่อเอาไว้สำหรับการใช้งานสักเครื่องหนึ่ง โดยปัจจัยที่เป็นหัวใจหลักของการเลือกซื้อที่สำคัญที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นขนาดประจุไฟฟ้าที่แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นจัดเก็บไว้สำหรับการใช้งานได้นั่นเอง เพราะปกติโดยทั่วไปแล้วนั้น ยิ่งมีขนาดปริมาณแบตเตอรี่ที่มาก จำนวนรอบในการใช้งานต่อหนึ่งอุปกรณ์ก็จะมากตามไปด้วย และสิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือขนาดของตัวเครื่องที่จะมีขนาดใหญ่ตามไปด้วยนั่นเอง และแน่นอนว่าด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นน้ำหนักของอุปกรณ์ก็จะมีมากกว่าเครื่องที่มีความจุแบตเตอรี่น้อยกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ขนาดของ Power Bank ที่ต่างกัน เลือกอย่างไรจึงจะเหมาะสม
อย่างที่ทราบไปแล้วว่าเพาเวอร์แบงค์ มักจะมีขนาดที่แตกต่างกันไปตามปริมาณความจุแบตเตอรี่ ซึ่งคนส่วนใหญ่หากต้องการซื้อสักหนึ่งอัน ก็อาจจะต้องดูกันที่ลักษณะความต้องการในการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งสามารถพิจารณาได้ดังนี้
ขนาดความจุแบตเตอรี่ที่ประมาณ 3,000 – 5,000 mAh
ส่วนใหญ่แล้วเหมาะสำหรับใช้ชาร์จกับอุปกรณ์เพียงแค่เครื่องเดียว เนื่องจากมีความจุที่ค่อนข้างน้อย หากเป็นสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไป อาจใช้ชาร์จได้เพียงแค่ 1 หรือ 1.5 ครั้งเท่านั้น เพราะสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มีขนาดความจุของแบตเตอรี่อยู่ที่ประมาณ 2,000 – 3,000 mAh
ขนาดความจุแบตเตอรี่ที่ประมาณ 5,000 – 10,000 mAh
มักเหมาะกับผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นประจำอยู่ตลอดเวลาทั้งวัน แต่ไม่ค่อยได้ออกท่องเที่ยวหรือเดินทางไปในที่ที่ไม่สามารถชาร์จไฟฟ้าได้เท่าไหร่นัก เพราะที่ความจุประมาณ 10,000 mAh มากเพียงพอที่จะทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน แต่ถ้าหากมีอุปกรณ์หลาย ๆ เครื่องที่ต้องการใช้งานกับเพาเวอร์แบงค์ ก็อาจจะต้องมีการเลือกซื้อเครื่องที่มีปริมาณประจุไฟฟ้าที่มากกว่านี้
ขนาดความจุแบตเตอรี่ที่ประมาณ 10,000 – 20,000 mAh
ความจุที่มากขนาดนี้ อาจสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่อพ่วงเพื่อชาร์จไฟได้หลายเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต iPad เครื่องเล่น mp3 เป็นต้น
ขนาดความจุแบตเตอรี่ตั้งแต่ 20,000 mAh ขึ้นไป
เป็นขนาดความจุดที่มากพอให้ชาร์จอุปกรณ์อย่างกล้องดิจิตอลเลยก็ว่าได้ ซึ่งจริงอยู่ที่นักเล่นกล้องส่วนใหญ่ก็มักจะต้องมีแบตเตอรี่สำรองสำหรับใช้งานกับกล้องในแต่ละชนิดของตนอยู่แล้ว แต่การมีแบตเตอรี่สำรองอย่างเพาเวอร์แบงค์พกพาไว้ด้วย ก็เป็นการเพิ่มความมั่นใจกับโอกาสในการได้ภาพได้อีกทางหนึ่ง
วิธีการใช้งานเพาเวอร์แบงค์ให้สามารถใช้งานได้เป็นระยะเวลานาน
เพาเวอร์แบงค์ นั้นเมื่อกลายมาเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญ จึงจำเป็นต้องรู้จักวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถใช้งานได้เป็นระยะเวลานานตามอายุการใช้งานจริงที่ควรจะเป็น โดยวิธีการใช้งานที่ดี สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์ที่มีปริมาณขนาดความจุแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับการใช้งานของตนเองมากที่สุด หากเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ใช้งานแบตเตอรี่สำรองเท่าไหร่ ใช้บ้างนาน ๆ ที ก็อาจะเลือกขนาดความจุที่ไม่ต้องมากนัก แต่หากใช้งานบ่อย ก็ควรเลือกขนาดแบตเตอรี่ที่มีมากเพียงพอต่อการใช้งาน เพราะหากใช้เครื่องที่มีความจุแบตเตอรี่น้อยมากเกินไปเมื่อเทียบกับการใช้งาน ก็อาจจะต้องทำการชาร์จบ่อยครั้งจนมีผลทำให้แบตเตอรี่เสื่อมก่อนอายุการใช้งานจริงได้
- ไม่ควรเล่นสมาร์ทโฟนกับชาร์จแบตเตอรี่สำรองไปพร้อมกัน เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวได้นั่นเอง
- ควรมีระยะเวลาให้เพาเวอร์แบงค์ได้ว่างเว้นจากการใช้งานบ้างในแต่ละวัน ไม่ใช้งานต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ตัวเครื่องร้อนเกินความจำเป็น เป็นผลให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ในที่สุด
- อย่าปล่อยให้มีการใช้งานแบตเตอรี่สำรองจำหมดเกลี้ยง เมื่อเห็นว่าแบตเตอรี่เหลือน้อยลงประมาณ
10 – 30 เปอร์เซ็นต์ของความจุแบตเตอรี่ทั้งหมด ก็ควรที่จะต้องมีการชาร์จประจุไฟฟ้าเพิ่มเติม เป็นการช่วยถนอมให้เพาเวอร์แบงค์สามารถใช้งานได้อย่างปกติเป็นระยะเวลานานได้อีกทางหนึ่ง
จะเห็นได้ว่าการเลือกซื้อ Power Bank สักเครื่องหนึ่งนั้น ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่างด้วยกัน อีกทั้งเมื่อได้มาไว้ในครอบครองเพื่อไว้สำหรับใช้งานแล้วก็ควรที่จะต้องรู้จักการใช้งานอย่างถูกวิธี เพื่อให้สามารถใช้แบตเตอรี่สำรองได้ในระยะเวลาที่นานเทียบเท่ากับอายุการใช้งานจริง ๆ ที่มีของตัวเครื่องนั่นเอง