โทรศัพท์ Xiaomi เป็นแบรนด์มือถือหนึ่งที่เพิ่งเกิดใหม่ล่าสุดช่วงปี ค.ศ.2010 เรียกได้ว่าเป็นน้องใหม่แห่งวงการมือถือ อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว เสียวหมี่มิใช่น้องใหม่แห่งวงการเทคโนโลยีสื่อสาร เพราะเดิมนั้น บริษัท เสียวหมี่เป็นผู้พัฒนาซอร์ฟแวร์ที่เกี่ยวกับมือถือมาก่อน โดยเป็นผู้ผลิตพัฒนาโปรแกรมเสริมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ในสมาร์ทโฟนใน ชื่อว่า MIUI (Me You I) ซึ่งปัจจุบันก็ยังพัฒนาอยู่และใช้แพร่หลายทั่วไป เพื่อเสริมประสิทธิภาพในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
ปัจจุบัน เสียวหมี่เป็นผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภททั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับการสื่อสารโดยตรง เช่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น แต่ทั้งนี้สินค้าที่ไม่เกี่ยวกับการสื่อสารโดยตรง เสียงหมี่ก็พัฒนาสินค้าเหล่านี้ให้สะดวกสบายมากขึ้นในการใช้งาน โดยนำระบบสื่อสารไร้สาย เช่น Wireless, Bluetooth มาผนวกเข้าในสินค้าเหล่านี้เพื่อการสั่งการระบบออนไลน์ได้ ต่อคำถามที่ว่า…
โทรศัพท์มือถือ Xiaomi ดีไหม?
ส่วนหนึ่งคำถามนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจาก สมาร์ทโฟนเสียวหมี่ นั้นค่อนข้างมีราคาถูกเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนของยี่ห้ออื่นในความสามารถสเปกเครื่องแบบเดียวกัน โดยแทบจะครึ่งต่อครึ่งของราคา จึงย่อมอาจเกิดความสงสัยในคุณภาพเป็นธรรมดาว่าสินค้านั้นมีคุณภาพตามมาตรฐานหรือไม่ ตามที่กล่าวข้างต้นแล้วว่า แบรนด์บริษัทเสียวหมี่ มิได้กำเนิดจากสมาร์ทโฟนโดยตรง และ เสี่ยวหมี่ เองก็มิได้หวังกำไรจากการขายสมาร์ทโฟนมากเหมือนดังเช่นบริษัทมือถืออื่น ๆ แต่ เสียวหมี่ เน้นหนักธุรกิจงานการบริการทางซอร์ฟแวร์และอินเทอร์เน็ต เห็นได้จากการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เสียวหมี่ในฮ่องกง ก็ยังระบุเป็นบริษัทเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต อีกทั้งเมื่อต้นปี ค.ศ.2019 ทางรองประธานผู้บริหารสูงสุดหรือ รอง CEO ของเสียวหมี่ เคยระบุเองว่า
“บริษัททำกำไรต่อผลิตภัณฑ์มือถือสมาร์ทโฟนนี้ไม่เกิน 5% ต่อเครื่อง”
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่สมาร์ทโฟนเสียวหมี่ จะถูกกว่าสมาร์ทโฟนของบริษัทอื่น ๆ เพราะยิ่งราคาสมาร์ทโฟนเสียวหมี่ถูกลงเท่าใด จำนวนลูกค้าที่มาใช้งานบริการที่อยู่ในความรับผิดชอบของเสียวหมี่ก็จะมากขึ้น
นอกจากนี้ เสียวหมี่ เป็นแบรนด์หนึ่งที่มิได้เน้นการตลาดโฆษณาเพื่อขายสินค้ามากเป็นพิเศษ เมื่อเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น จึงเป็นการลดต้นทุนไปในตัวอย่างมาก เพราะโดยปกติค่าโฆษณาหรือค่าการตลาดในสินค้านั้นถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งในสินค้านั้น ดังนั้นเมื่อ เสียวหมี่ไม่ต้องเสียค่าการตลาดเหมือนกับบริษัทมือถือแบรนด์ชั้นนำค่ายอื่น ๆ จึงทำให้ขายสินค้านั้นถูกลง อีกทั้ง เสียวหมี่ เป็นบริษัทที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศจีน ดังนั้นด้วยต้นทุนแรงงานและวัสดุประกอบที่มีราคาต่ำกว่าประเทศอื่น เพราะผลิตจำนวนมาก และไม่ต้องเสียค่าขนส่งวัสดุประกอบจากนอกประเทศ จึงย่อมไม่แปลกที่ เสียวหมี่ สามารถขายสินค้านั้นได้ในถูกกว่าสินค้าของบริษัทอื่น ๆ
ในเรื่องคุณภาพ หลายคนอาจสงสัยในความน่าเชื่อถือ เพราะด้วยราคาที่ต่ำกว่ามาก สินค้านั้นจะมีคุณภาพตามมาตรฐานเพียงพอหรือไม่ ต้องกล่าวว่าสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ของบริษัทมือถือชั้นนำยี่ห้ออื่น ๆ ต่างมีฐานการผลิตในประเทศจีนหรืออย่างน้อยก็ต้องนำเข้าวัสดุประกอบจากประเทศจีนเช่นเดียวกัน ดังนั้นคุณภาพสินค้าจึงย่อมไม่แตกต่างกัน แต่เพราะ เสียวหมี่ มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ทั้งเป็นบริษัทของประเทศจีนเอง ย่อมทำให้ได้เปรียบในเรื่องต้นทุนสินค้ามากขึ้นอีก เช่น เรื่องภาษีการนำเข้าหรือการส่งออก และการช่วยเหลืออื่น ๆ จากทางรัฐบาลประเทศจีน อีกทั้ง เสียวหมี่ ในฐานะผู้ให้บริการซอร์ฟแวร์และอินเทอร์เน็ต (ขณะนี้เฉพาะในประเทศจีน) หากผลิตสินค้าเหล่านี้ออกมาโดยไร้คุณภาพ ย่อมกระทบต่อฐานลูกค้าใช้บริการได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น จึงมั่นใจได้ในคุณภาพและมาตรฐานการผลิต ซึ่งกรณีนี้ย่อมทำให้ลูกค้าที่อยู่ในประเทศอื่น ๆ ได้รับประโยชน์ไปด้วยแม้ Xiaomi ยังไม่ได้เปิดบริการอินเทอร์เน็ตในประเทศนั้น ๆ แต่ก็ได้ใช้สินค้าโทรศัพท์มือถือในราคาถูกแบบเดียวกัน
ศูนย์บริการ Xiaomi ในประเทศไทย
ศูนย์บริการลูกค้าของแบรนด์เสียวหมี่ในไทย มีทั้งหมด 10 สาขา โดยกระจายอยู่ทั่วประเทศไทยเลยค่ะ
มีสาขาในกรุงเทพฯ 3 สาขา
- ศูนย์บริการ สาขา ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์
- ศูนย์บริการ สาขา ลาดกระบัง
- ศูนย์บริการ สาขา พันธุ์ทิพย์พลาซ่า
มีสาขาในภาคเหนือ 2 จังหวัด
- ศูนย์บริการ สาขา พิษณุโลก
- ศูนย์บริการ สาขา เชียงใหม่
มีสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด
- ศูนย์บริการ สาขา ขอนแก่น
- ศูนย์บริการ สาขา นครราชสีมา
มีสาขาในภาคตะวันออก 1 จังหวัด
- ศูนย์บริการ สาขา ระยอง
มีสาขาในภาคใต้ 2 จังหวัด
- ศูนย์บริการ สาขา สุราษฎร์ธานี
- ศูนย์บริการ สาขา สงขลา
สำหรับคำถามที่ว่า มือถือ เสียวหมี่ ดีไหม? เพื่อนๆ คงได้คำตอบกันไปแล้ว และก็คงสรุปได้ว่า โทรศัพท์ Xiaomi เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ดีอย่างแน่นอน เพราะ บริษัท เสียวหมี่ มีเป้าหมายกลยุทธ์ทางการตลาดที่ชัดเจน โดยมิได้มุ่งเน้นทำกำไรจากการขายสินค้าชิ้นนั้นเพียงชิ้นเดียว แต่เน้นขายผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ในราคาที่ต่ำกว่าให้ได้จำนวนมาก โดยลดต้นทุนการผลิตที่ไม่จำเป็นบางอย่าง เช่น ค่าโฆษณา ค่าขนส่ง อีกทั้งเพื่อเป้าหมายการขายสินค้าและบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบติดต่อสื่อสารและอินเทอร์เน็ตในระยะยาว
