“กล้องถ่ายวิดีโอ สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งไปพร้อมกันได้ไหม” หลาย ๆ คนคงมีคำถามในลักษณะนี้ เพราะเวลาบันทึกภาพเคลื่อนไหว บางครั้งเราก็อยากจะได้ภาพนิ่งด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเรามีความจำเป็นต้องใช้ภาพนิ่งโดยเร็ว ในขณะเดียวกันก็ยังต้องเก็บภาพเคลื่อนไหวไว้ใช้งานในภายหลัง บางคนอาจเข้าใจว่าในเมื่อเป็นกล้องที่ใช้ถ่ายภาพเคลื่อนไหว ก็น่าจะใช้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้เพียงอย่างเดียว แท้ที่จริงแล้ว ด้วยเทคโนโลยีในสมัยนี้ กล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวจึงสามารถบันทึกภาพนิ่งในขณะที่ภาพเคลื่อนไหวกำลังถูกบันทึกอยู่ได้ บทความนี้จะกล่าวถึงความสามารถในการบันทึกภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งไปพร้อมกัน รวมถึงข้อดีและข้อเสียของความสามารถดังกล่าว
ฟังก์ชั่นถ่ายภาพนิ่งขณะบันทึกภาพเคลื่อนไหวของ กล้องถ่ายวิดีโอ
มีขั้นตอนดังนี้
- กล้องจะหยุด (freeze) ภาพเคลื่อนไหวชั่วขณะ ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 5 วินาที ช่วงเวลาที่ภาพหยุดเคลื่อนไหวนี้เราเรียกว่า ฟรีซไทม์ (freeze time)
- เมื่อเรากดถ่ายภาพนิ่ง ฟังก์ชั่นนี้จะขัดจังหวะการบันทึกภาพเคลื่อนไหวเพื่อให้กล้องบันทึกภาพนิ่งจากภาพเคลื่อนไหวนั้น
- แล้วนำภาพนิ่งไปเก็บไว้ในหน่วยความจำแยกต่างหากจากภาพเคลื่อนไหว
แต่ข้อเสียของฟังก์ชั่นนี้ คือ
- หลังจากที่เราบันทึกภาพเคลื่อนไหวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อนำภาพเคลื่อนไหวมาเล่น ไม่ว่าจะในกล้องหรือในคอมพิวเตอร์ จะเห็นเลยว่าภาพเคลื่อนไหวนั้นสะดุดไปในช่วงที่เรากดถ่ายภาพนิ่ง
- การเล่นจะไม่ลื่นไหลต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์โดยรวมของภาพเคลื่อนไหวได้
ทางที่ดี หากต้องการบันทึกภาพนิ่ง
- ถ้าเป็นไปได้ควรบันทึกภาพเคลื่อนไหวให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน
- แล้วนำภาพเคลื่อนไหวมาเล่นในคอมพิวเตอร์ โดยเปิดในโปรแกรมเล่นไฟล์ภาพเคลื่อนไหวที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นบันทึกภาพหน้าจอ (screenshot capture) เช่น GOM Player หรือจะกดปุ่มบันทึกภาพหน้าจอบนแป้นคีย์บอร์ดก็ได้
- ในกรณีนี้คอมพิวเตอร์จะบันทึกภาพนิ่งโดยที่ภาพเคลื่อนไหวไม่โดนขัดจังหวะ ทำให้ไม่เสียอรรถรส
อย่างไรก็ตาม มีกล้องบางรุ่นที่บันทึกภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งพร้อมกันได้โดยที่ภาพเคลื่อนไหวไม่สะดุด เช่น
Nikon 1 J1
เป็นกล้องไร้กระจก (Mirrorless) สามารถบันทึกภาพทั้งสองประเภทได้พร้อมกันอย่างน่าพอใจ ราคาในปัจจุบันอยู่ที่ 8,000 – 9,000 บาท
นอกจากนี้ หากถ่ายภาพนิ่งขณะบันทึกภาพเคลื่อนไหว โอกาสที่เราจะได้ภาพนิ่งที่คมชัดนั้นมีน้อย โดยเฉพาะเมื่อวัตถุในภาพมีการเคลื่อนที่หรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอยู่ตลอด เราอาจจะหาจังหวะถ่ายภาพนิ่งให้คมชัดได้ยาก ในกรณีนี้แทนที่จะได้ภาพนิ่งไว ๆ กลับทำให้เสียเวลา ภาพนิ่งไม่ชัด ภาพเคลื่อนไหวก็สะดุด
แต่หากบันทึกภาพเคลื่อนไหวให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วนำไฟล์มาเปิดในคอมพิวเตอร์ เราสามารถเลื่อนไปดูช่วงเวลาต่าง ๆ ของภาพเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เมื่อพบช่วงเวลาที่ภาพคมชัด เราก็สามารถกดบันทึกภาพหน้าจอได้เลย หากคุณใช้วิธีนี้จะไม่ส่งผลเสียทั้งต่อภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่ง
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทราบคือ กล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวบางรุ่นจะมีกล้องดิจิทัลในตัว (built-in digital camera) ซึ่งจะต้องใช้การ์ดหน่วยความจำแยกต่างหากจากเทป โดยภาพนิ่งจะถูกเก็บบันทึกไว้ในการ์ดหน่วยความจำดังกล่าว ไม่ได้บันทึกไว้ในเทป เมื่อต้องการใช้งานภาพนิ่ง ก็ให้นำสาย USB มาเชื่อมต่อกล้องเข้ากับคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างกล้องรุ่นที่ถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดสูงขณะบันทึกภาพเคลื่อนไหว คือ
Sony RX100 V
ซึ่งสามารถถ่ายภาพนิ่งจากภาพเคลื่อนไหวได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8 ล้านพิกเซล ราคาในปัจจุบันอยู่ที่ 24,000 – 25,000 บาท
อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่า กล้องดิจิทัลที่บิวท์อินอยู่ในกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวจะมีความละเอียดขั้นต่ำหลายระดับ ขึ้นอยู่กับคุณภาพและราคาของกล้อง กล้องบางรุ่นถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดต่ำกว่า 1 ล้านพิกเซล แม้ว่าความละเอียดสูงสุดจะมากกว่านี้เมื่ออยู่ในโหมดถ่ายภาพนิ่งโดยเฉพาะ คุณจะต้องศึกษาในส่วนนี้ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อหรือเลือกใช้กล้อง โดยทั่วไปแล้ว ภาพที่มีความละเอียดต่ำกว่า 2 ล้านพิกเซล ไม่เหมาะที่จะพิมพ์ เพราะภาพจะ “แตก” นั่นเอง
นอกจากนี้ แม้ว่ากล้องที่คุณใช้จะเป็นกล้อง DSLR หรือกล้องไร้กระจกที่มีความละเอียดสูงเมื่ออยู่ในโหมดถ่ายภาพนิ่งโดยเฉพาะ แต่โดยทั่วไปแล้ว หากใช้โหมดถ่ายภาพเคลื่อนไหว ความคมชัดของภาพนิ่งจะลดลง คุณควรศึกษาเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
สรุปคือ โดยทั่วไปแล้วในสมัยนี้ กล้องถ่ายวิดีโอ สามารถถ่ายภาพนิ่งได้พร้อมกัน โดยผู้ใช้สามารถกดถ่ายภาพนิ่งในขณะบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้ การถ่ายภาพนิ่งในลักษณะนี้เป็นการดึงภาพมาจากภาพเคลื่อนไหว แต่ก็ใช่ว่าความสามารถที่ว่านี้จะดีเสมอไป แม้ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันจะเอื้อให้เราทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกันได้ แต่ก็ยังไม่ก้าวหน้าพอที่จะทำให้ได้ภาพนิ่งคุณภาพเยี่ยมหรือภาพเคลื่อนไหวที่ไม่สะดุด ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรมีกล้องดิจิทัลอีกตัวแยกต่างหากจะดีกว่า
