หน้าแรก คู่มือเลือกซื้อสินค้า สมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คืออะไร? ทำไมเรียกต่างกัน

สมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คืออะไร? ทำไมเรียกต่างกัน

9205
เชื่อว่าใครหลายคนยังไม่รู้ว่าทั้งสามอุปกรณ์นี้ที่เราใช้งานกันอยู่เป็นประจำทุกวันนั้นคืออะไร และมีความแตกต่างกันอย่างไรระหว่างสมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาอธิบายให้กระจ่างชัดเจนเพื่อคลายข้อสงสัยกันเลย แต่ขอบอกก่อนว่าแม้เรานั้นจะใช้สรรพนามเรียกชื่อเฉพาะแต่ด้วยความเคยชินของเราทุกคนก็ยังคนเรียกชื่อเดิมเสมอจึงอยากให้ลองทายกันดูว่าทั้งสามชื่อนี้เรานิยมเรียกคำว่าอะไรกัน?

สำหรับสมาร์ทโฟนถือว่าเป็นอุปกรณ์คู่ใจของเราหลายคนที่มีพกติดตัวกันเพื่อลุยทุกกิจกรรมในทุกทุกวัน โดยคำเรียกดังกล่าวก็หมายถึงอุปกรณ์ที่มีขนาดหน้าจอแสดงผล 4 นิ้ว แต่ขนาดไม่เกิน 7 นิ้วและต้องมีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง อย่างที่เราทุกคนรู้นั่นคือแอนดรอยด์, iOS, Windows 10 แต่แพลตฟอร์มรายหลังไม่ได้เป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมตลาดสมาร์ทโฟนแล้ว เห็นได้จากส่วนแบ่งทางการตลาดที่จะมีแค่ Android & iOS เท่านั้น

แล้วรู้หรือไม่ทำไมถึงเรียกคำว่าสมาร์ทโฟน (
Smartphone) ต้องบอกว่าเป็นการผสมคำระหว่าง ฉลาดหรือ Smart กับคำว่า Phone (โทรศัพท์มือถือ) โดยคำว่าสมาร์ทเปรียบจากการที่โทรศัพท์มือถือถูกพัฒนาด้วยแพลตฟอร์มที่คอยขับเคลื่อนให้ฉลาดขึ้นทำได้หลากหลายอย่าง เช่น ลงแอปพลิเคชั่นเพื่อโต้ตอบสื่อสารในโลกออนไลน์ เล่นเกม มีแอปฯ อำนวยความสะดวกสำหรับชีวิตประจำวัน รวมถึงการตั้งค่าต่างๆ ที่มีลูกเล่นมากกว่าเดิมแตกต่างจากโทรศัพท์มือถือในอดีต เป็นต้น
ดังนั้นเมื่อโทรศัพท์มือถือทำอะไรทั้งหลายมากกว่าเดิมเปรียบเสมือนฉลาดขึ้นนั่นเองจึงมีการนำคำว่าสมาร์ทมาใช้เพื่อจำกัดความ ส่วนโฟนก็เป็นคำอ่านจากคำว่า Phone และก็เป็นที่ทราบกันดีว่า หมายถึงโทรศัพท์มือถือ และเมื่อนำมารวมกันก็ปรากฏว่ามีความสะสวยของคำและสื่อความหมายได้ชัดเจน

ส่วนแท็บเล็ตไม่มีความหมายตายตัวสำหรับเครื่องมือติดต่อสื่อสาร โดยหากแปลตรงตัวจะหมายถึงอุปกรณ์สำหรับขีดเขียนจดบันทึกเรียกว่ามีความคล้ายคลึงกับหนังสือ ซึ่งเมื่อมองดูด้านดีไซน์ก็ต้องบอกว่าไม่แตกต่างเลย เพราะฉะนั้นจึงมีการนำคำว่า “Tablet” มาใช้เป็นคำเรียกเฉพาะอุปกรณ์ดังกล่าวที่มีขนาดหน้าจอใหญ่มากกว่า 7 นิ้วขึ้นไป โดยแท็บเล็ตหลายคนมักนิยมใช้พกติดตัวเพื่อเลนส์เกมหรือทำงานเอกสาร รวมถึงดูพวกคอนเทนต์วิดีโอเป็นหลัก แต่ถ้าอยากใช้งานฟังก์ชั่นติดต่อสื่อสารด้วยอย่าลืมมองหาคุณสมบัติการโทรด้วยนะครับ  ทว่าอาจต้องมีอุปกรณ์เสริมช่วยด้วย ได้แก่ หูฟังแบบธรรมดาหรือบลูทูธ มิเช่นนั้นต้องยกแท็บเล็ตขึ้นมาคุยแนบหูอาจดูลำบากเกินไป อีกทั้งแนะนำว่าระบบ Bluetooth ควรจะเป็นเวอร์ชั่น 4.2 รองรับเทคโนโลยี Aptx เพื่อคุณภาพเสียงที่ดี สำหรับแท็บเล็ตในท้องตลาด ณ ตอนนี้ก็จะไม่ค่อยมีตัวเลือกมากนัก เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้งานมีน้อยจึงทำให้หลายแบรนด์ต่างไม่เน้นการเปิดตัวรุ่นใหม่เท่าใดนัก หากมองจากปีนี้เอง เช่น Apple Samsung Huawei ก็เผยโฉมแค่รุ่นเดียวในรอบปี แม้ว่าจะยังไม่หมดปีแต่ก็ไม่มีข่าวคราวให้ติดตามเลย ดังนั้นใครที่กำลังอยากใช้แท็บเล็ตอยู่แนะนำว่าให้รอซื้อปีหน้า (2018) เพราะเทคโนโลยีใหม่ๆ บนสมาร์ทโฟนรวมถึงแท็บเล็ตเองมีเพียบเลย ไม่แน่อาจนำไปใช้งานบนแท็บเล็ตด้วยซึ่งจะทำให้การซื้อนั้นคุ้มค่ากว่าเดิม

ปิดท้ายด้วยคำตอบที่ผมได้ถามไปข้างต้น แม้มีคำเรียกเฉพาะทุกคนก็มักนิยมเรียกว่าโทรศัพท์มือถือ อันที่จริงแล้วไม่ผิดออกจะเข้าใจง่ายด้วย เพียงแต่ว่าตามหลักการแล้วคำเรียกดังกล่าวนั้นหมายถึงฟีเจอร์โฟนครับ โดยข้อแตกต่างคือ Feature Phone (ฟีเจอร์โฟน) จะเป็นโทรศัพท์ที่มีลักษณะปุ่มกดเหมือนมือถือในอดีต ซึ่งไม่มีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเองสามารถใช้ได้แค่ติดต่อสื่อสารเท่านั้น

ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า สมาร์ทโฟนนั้นคือโทรศัพท์มือถือที่มีระบบปฏิบัติการเป็นตัวขับเคลื่อน เช่นระบบแอนดรอยด์ ระบบ iOS หรือระบบ Windows 10 ซึ่งมีขนาดหน้าจอมากกว่า 4 นิ้ว แต่ไม่เกิน 7 นิ้ว และถ้าหากเกิด 7 นิ้วขึ้นไปจะเรียกว่าแท็บเล็ต ส่วนเจ้าโทรศัพท์มือถืออยู่ที่เราจะเรียกเลย สามารถใช้ได้ แต่ถ้าอิงตามความถูกต้องจะไม่สามารถใช้แทนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ แต่จะเป็นคำจำกัดความเฉพาะที่หมายถึงฟีเจอร์โฟน (Feature Phone) เท่านั้น

จบลงแล้วนะครับสำหรับความแตกต่างที่เรานั้นได้หยิบยกมาเล่าสู่กันฟังของทั้งสามประเภทดีไวซ์ระหว่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และฟีเจอร์โฟน ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเรียกผิดแล้ว อย่างไรก็ตามอุปกรณ์เหล่านี้จะสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เราจ่ายออกไปก็ต่อเมื่อประเมินตนเองว่าในหนึ่งวันเราเน้นอะไรบ้าง ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ทำให้เราเลือกได้ตรงกับไลฟ์สไตล์มากขึ้น