ปัจจุบัน หูฟัง หรือ headphone มีทั้งแบบมีสายและแบบไร้สาย ที่มีการพัฒนาผลิตออกมาเพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้เลือกใช้ตามความสะดวกสบาย ซึ่งความแตกต่างระหว่างแบบมีสายกับไม่มีสาย ได้กลายเป็นโจทย์ปัญหาว่า แล้วแบบไหนล่ะที่จะปลอดภัยกว่ากัน
หูฟังแบบมีสาย ดีกว่า หูฟังไร้สาย จริงไหม?
ก่อนอื่นใด มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า หูฟังแบบมีสายนั้นจะมีสายเชื่อมระหว่างหูฟัง โดยปลายสุดของสายจะเป็นขั้วเสียบเข้ากับอุปกรณ์ส่งเสียงอย่างโทรศัพท์ โดยหูฟังชนิดนี้มีมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ ซึ่งจุดเด่นของหูฟังแบบมีสายนั้น ในมิติแรกคือความทนทาน ต่อมาคือราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับหูฟังไร้สาย ขณะเดียวกันมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ทั้งขนาดเล็ก กลางจนกระทั่งแบบใหญ่ อีกทั้งยังมีหูฟังแบบมีสายรุ่นเฉพาะที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ใช้หูฟังขณะออกกำลังกายด้วย โดยรัดระหว่างใบหูและด้านหลังของศีรษะ ที่สำคัญเชื่อมต่อได้ง่ายกับโทรศัพท์ทุกรุ่น
แต่ทั้งนี้ ข้อเสียของหูฟังแบบมีสายนั้นก็มีปัญหาคลาสสิกที่ทุกคนต้องเคยพบเจอ นั่นก็คือ สายของหูฟังจะพันกันง่ายจนเกิดความยุ่งยากในการหยิบใช้ ไม่เพียงเท่านั้นเวลาจัดเก็บลงในกระเป๋าการม้วนบ่อย ๆ อาจทำให้สายด้านในเกิดการหักแล้วเสียใช้งานไม่ได้ในที่สุด นอกจากนี้ หูฟังแบบมีสายทั่วไปที่ไม่ใช่รุ่นเฉพาะก็ไม่ตอบโจทย์การทำกิจกรรม ต่าง ๆ โดยเฉพาะการออกกำลังกาย ในแง่ของการใช้งานในชุมชนเมืองยังดูไม่เท่เหมือนกับสมัยก่อน ฉะนั้นหูฟังแบบนี้จึงเหมาะกับการใช้งานอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อย่างโน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ รวมทั้งการทำงานในด้านการบริการลูกค้าหลังการขายอย่าง Call Center
ด้าน หูฟังไร้สาย หรือ Bluetooth Headphone มีจุดเด่นในหลายด้าน โดยเฉพาะการใช้งานนั้นโดดเด่นอย่างมากในแง่ความสะดวกสบาย ปัจจุบันมีให้เลือกใช้หลากหลายประเภท ขนาดและฟังก์ชันต่าง ๆ อาทิ การทำงานแบบคนเมืองอย่าง AirPods หรือจะออกกำลังกายโดยเฉพาะอย่าง Sony WF-SP700N แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นกำแพงใหญ่ที่สุดของหูฟังแบบไร้สายที่ยังไม่สามารถเจาะทุกกลุ่มผู้ใช้ได้อย่างครอบคลุม คือ ราคาที่ค่อนข้างสูง โดยเริ่มต้นที่ 1,000 บาท เป็นอย่างน้อยสำหรับหูฟังแบบไร้สายที่มีคุณภาพเสียงที่ดี
ตอบข้อสงสัย หูฟังแบบมีสายและไร้สาย
สำหรับข้อสงสัยหรือประเด็นที่ว่า หูฟังแบบมีสายปลอดภัยกว่าแบบไร้สายหรือไม่ ลำดับแรกขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากใช้ในชุมชนเมือง เมื่อมองถึงความปลอดภัยขณะใช้งาน หูฟังแบบมีสายจะสามารถยืดติดกับร่างกายได้ดี ทำให้ผู้ใช้งานรู้ตัวอยู่ตลอดว่าหูฟังอยู่กับตัว ไม่เพียงเท่านั้นยังร่วงลงกับพื้นยากเมื่อเทียบกับหูฟังแบบไร้สายเมื่อเราต้องเดินหรือเบียดบนรถไฟฟ้า แต่หูฟังแบบมีสายก็มีความไม่ปลอดภัยในแง่ของความสะดวกสบาย เพราะอาจเกี่ยวกับกระเป๋าหรือของต่าง ๆ จากผู้โดยสารโดยรอบได้เช่นกัน ทำให้เกิดการดึงรั้งกับจุดสัมผัสบริเวณรูหูหรือใบหูได้
ด้าน หูฟังแบบไร้สาย ใช่ว่าจะมีเพียงแบบเสียบครอบไว้แค่บริเวณใบหูเท่านั้น แต่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในปัจจุบันโดยเฉพาะรุ่นที่มีราคาสูงขึ้นมา จะมีตัวยืดเกาะด้านในของหูด้วยอย่างมั่นคง ทำให้หูฟังแบบไร้สายจะไม่ตกลงมาง่าย ๆ อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น หูฟังแบบไร้สายยังตอบโจทย์การเคลื่อนที่และทำกิจกรรมโดยเฉพาะการออกกำลังกาย หากใครที่มีไลฟ์สไตล์แบบนี้ หูฟังแบบไร้สายจะมีความปลอดภัยกว่าหูฟังแบบมีสายอย่างมาก เพราะมีความคล่องตัวสูง ไม่มีสายพะรุงพะรังที่อาจจะไปเกี่ยวกับสิ่งอื่น ๆ ได้ระหว่างการเคลื่อนไหว
นอกจากนี้ การเดินทางขณะที่ขับรถ ตามกฎหมายบนท้องถนนผู้ขับขี่ห้ามใช้อุปกรณ์สื่อสาร โดยหูฟังแบบมีสายจะเพิ่มความยุ่งยากจนถึงขั้นไม่ปลอดภัยกรณีต้องรับโทรศัพท์และผู้ขับจะต้องควานหาหูฟังแบบมีสายขึ้นมาเสียบ ในทางกลับกันหากเป็นหูฟังแบบไร้สายจะปลอดภัยกว่ามาก เพราะสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่านเทคโนโลยีบลูทูธ
ฉะนั้นกล่าวโดยสรุปได้ว่า หูฟังแบบมีสายหรือ หูฟังแบบไร้สาย หากเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์แล้ว ก็จะมีความปลอดภัยเช่นเดียวกัน โดยผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างกัน คือ การสื่อสารที่ชัดเจนและได้อรรถรสในการฟังเพลง ดังนั้น ควรเลือกใช้ให้ตรงกับวัตถุประสงค์และคุณประโยชน์ที่ต้องการใช้สอย โดยไม่จำเป็นต้องซื้อแพงเกินจุดประสงค์การใช้งาน เพียงเท่านี้ หูฟังที่เลือกซื้อมาก็จะมีความคุ้มค่าสมเหตุสมผล ขอแนะนำว่าอีกสักนิดว่า อย่าลืมถามหาการรับประกันจากร้านค้าด้วย และไม่ควรฟังเสียงเพลงดังเกินไป เพื่อสุขภาพหูของคุณเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง
