เครื่องปั่นอาหาร นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นหนึ่งในหลาย ๆ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถใช้ในการช่วยเตรียมวัตถุดิบในการประกอบอาหารได้ เช่นเดียวกันกับเครื่องปั่นน้ำผลไม้ที่นอกจากจะนำมาใช้ในการปั่นน้ำผลไม้ได้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในการเตรียมวัตถุดิบบางชนิดสำหรับการทำอาหารได้เช่นเดียวกัน โดยหลักการทำงานระหว่างเครื่องปั่นสำหรับอาหารกับเครื่องปั่นสำหรับน้ำผักผลไม้นั้นค่อนข้างเหมือนกัน คือเป็นการนำเอาพลังงานไฟฟ้ามาเปลี่ยนให้เป็นพลังงานกลที่ทำให้มอเตอร์ที่ติดอยู่กับใบมีดขับเคลื่อน และส่งผลให้ตัวใบมีดของตัวเครื่องปั่นหมุนได้ คล้ายกันกับหลักการทำงานของพัดลมทั่ว ๆ ไป
หากจะถามว่าแล้วเครื่องปั่นผลไม้นั้นสามารถนำมาใช้แทนเครื่องสำหรับปั่นอาหารได้หรือไม่ ก็คงต้องตอบว่าได้ในบางกรณี และไม่ได้ในบางกรณี ซึ่งหลัก ๆ แล้วการทำงานในแต่ละกรณีก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไป
เครื่องปั่นน้ำผลไม้สามารถใช้ปั่นอาหารได้หรือไม่ได้ ในกรณีไหนบ้าง
เครื่องปั่นน้ำผลไม้สามารถใช้แทนเครื่องใช้ปั่นอาหารได้แทบทุกชนิด หากว่าเครื่องปั่นนั้นเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพดี คือมีรอบในการหมุนค่อนข้างเร็ว วัสดุที่ใช้ในการประกอบเครื่องปั่นชนิดนั้นแข็งแรงทนทาน แต่ประสิทธิภาพในการใช้งานอาจดีไม่เทียบเท่าการใช้เครื่องสำหรับปั่นอาหารโดยเฉพาะ
แต่บางอย่างก็ไม่สามารใช้งานแทนกันได้ อย่างเช่น การบดเนื้อสัตว์ต่าง ๆ การบดเมล็ดกาแฟ และเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ ที่มีลักษณะที่แข็งมาก ๆ เป็นต้น ซึ่งหากนำเอาเครื่องปั่นน้ำผลไม้มาใช้ในการปั่นอาหารสิ่งสำคัญที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะลืมเสียไม่ได้ก็คือ หลังจากมีการใช้งานจะต้องมีการล้างทำความสะอาดโถปั่นให้สะอาดหมดจดทุกครั้ง หรืออาจจะใช้โถปั่นแยกกันระหว่างของคาวกับของหวานก็ได้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีกลิ่นหรือคราบต่าง ๆ จากอาหารติดฝังแน่นอยู่กับโถสำหรับปั่นน้ำผลไม้ เพราะมิฉะนั้นหากมีการใช้งานโถปั่นนี้ในการปั่นน้ำผักผลไม้ต่าง ๆ ในครั้งต่อไป อาจจะทำให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือรสชาติแปลกปลอมกับเครื่องดื่มที่ตั้งใจทำเพื่อรับประทานได้
แนะนำเครื่องปั่นน้ำผลไม้ที่น่าหาซื้อจับจองมาไว้ใช้งานคู่ครัวเรา
สำหรับใครที่กำลังมีความคิดที่จะซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้ซักเครื่องมาไว้ใช้งานแทนเครื่องใช้ปั่นอาหารตัวเดิมที่เคยมี หรือซื้อเพิ่มเติมมาเสริมทัพให้ครัวของท่านพร้อมสำหรับการทำเมนูอาหารได้หลากหลายเพิ่มมากขึ้น เรามีเครื่องปั่นน้ำผลไม้ที่มีคุณสมบัติน่าใช้งานมาแนะนำไว้ให้เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ตัวเลือก ดังนี้
1.เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ขนาดความจุโถ 2 ลิตร ยี่ห้อ Philips รุ่น HR2115
เครื่องปั่นชนิดนี้มีคุณสมบัติเบื้องต้น คือ โถปั่นทำจากพลาสติก ใบมีดทำจากสแตนเลส ใช้วัสดุประเภทโพรพิลีนในการทำตัวเครื่องบริเวณส่วนฐานรองโถปั่น พื้นเครื่องปั่นกันลื่นและสามารถเก็บสายไฟในตัวฐานรอง เคลื่อนย้ายง่ายด้วยน้ำหนักเพียง 2.9 กิโลกรัม มีรูปลักษณ์ดีไซน์ที่ทันสมัยดึงดูดสายตา นอกจากนี้ยังสามารถทำความสะอาดได้สะดวกง่ายดายอีกด้วย
2.เครื่องปั่นน้ำผักผลไม้พกพาของแบรนด์ Ultramaxx Nutritional Extractor
เครื่องปั่นชนิดนี้เป็นชนิด 2 in 1 คือ นอกจากจะใช้เป็นเครื่องปั่นแล้ว ตัวแก้วที่ไว้สำหรับใส่วัตถุดิบในการปั่นก็สามารถถอดออก แล้วปิดด้วยฝากลายเป็นแก้วเครื่องดื่มสำหรับพกพาได้อีกตัวเลือกหนึ่ง ตัวใบมีดของเครื่องปั่นเป็นแบบใบมีดคู่ ความจุของกระบอกปั่นอยู่ที่ 600 มิลลิลิตร น้ำหนักเบาเพียง 1.5 กิโลกรัม ให้แรงกำลังปั่นได้ถึง 15,000 รอบต่อนาที เมื่อเทียบกับจำนวนวัตต์ที่ใช้เพียงแค่ 220 วัตต์ ซึ่งถือว่าเครื่องนี้มีความสามารถแบบเล็กพริกขี้หนูอยู่พอตัวเลยทีเดียว
3.เครื่องปั่นน้ำผลไม้ไว้ทำสมูทตี้โดยเฉพาะ แบรนด์ JTC รุ่น TM-767A
เครื่องปั่นยี่ห้อนี้ค่อนข้างมีขนาดใหญ่ น้ำหนักถึง 4.7 กิโลกรัม ด้วยความที่เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัยในเรื่องของการป้องกันตัวมอเตอร์ไหม้ ปุ่มปรับความเร็วหลากหลายระดับที่มีให้เลือกตรงกับความต้องการในการใช้งาน โถที่ทำมาจากวัสดุประเภทโพลีคาร์บอเนตขนาดใหญ่ถึง 1.5 ลิตร มาพร้อมกับใบมีดสำหรับใช้ปั่น 2 ชั้น พร้อมที่คนพอดีมือ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่ใช้สำหรับปั่นวัตถุดิบหลาย ๆ ชนิด และมักพบใช้งานตามร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือตามโรงแรมชั้นนำ ซึ่งด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาแล้วนั้นทำให้ราคาของเจ้าเครื่องปั่นตัวนี้สูงตามไปด้วยนั่นเอง
เครื่องปั่นอาหารนั้นสามารถใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้แทนได้บ้างในหลายกรณี แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเครื่องปั่นชนิดหรือประเภทใด ก็ขอให้ดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น ๆ ให้ดี และใช้ให้คุ้มค่ากับเงินลงทุนซื้อไป เท่านี้ก็เป็นการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอยู่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากเพียงพอแล้ว แต่หากยังลังเลใจว่าจะเลือกซื้อเครื่องปั่นแบบไหนดี ก็สามารถลองเช็คกำลังวัตต์ของเครื่องปั่นชนิดต่างๆดู เพื่อให้ได้เครื่องปั่นที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
