
หืม…ร้อนกว่าแดดเมืองไทยก็ไฟศึกของบรรดาสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้น ๆ ของยี่ห้อต่าง ๆ ที่ทยอยเปิดตัวกันเต็มไปหมด แถมแต่ละรุ่นก็ใส่จุดเด่นที่ล่อตาล่อใจผู้ใช้ที่กำลังหามือถือใหม่สเปคดีราคาหมื่นต้น ๆ แบบเราซะเหลือเกิน โดยเฉพาะ Vivo V15*, Oppo F11 Pro และ Samsung Galaxy A50 สามรุ่นที่กำลังเนื้อหอมเวอร์ตอนนี้ ว่าแต่..จะซื้อรุ่นไหนดี แล้วทั้ง 3 รุ่นต่างกันตรงไหนบ้าง วันนี้เราจะมาช่วยคุณตัดสินใจเอง!
*สมาร์ทโฟน Vivo ที่นำมาเปรียบเทียบเป็น Vivo V15 รุ่นปกติ นะจ้ะ ไม่ใช่รุ่น Pro
สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากรู้ว่ามือถือราคาต่ำกว่า 3,000 บาท มีรุ่นไหนบ้าง อ่านต่อที่บทความนี้เลย
มีงบ 3,000 เลือกซื้อมือถือ OPPO รุ่นไหนดี ?
สเปค
ก่อนจะไปลงลึกถึงจุดเด่นของแต่ละรุ่น เรามีตารางเปรียบเทียบสเปค สำหรับผู้ที่ชื่นชอบตัวเลขมาให้ดูขำ ๆ กันก่อน
[table id=13 /]
จากตารางสเปคด้านบน ถ้าไม่ใช่คนที่ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนบ่อย ๆ อาจจะดูไม่ออกว่าความแตกต่างทั้งสามรุ่นนั้น มันมีดีกว่ากันตรงไหนบ้าง แล้วก็มีหลายส่วนเหมือนกันที่ให้สเปคมาเท่ากันเป๊ะ เช่น จำนวน RAM และปริมาณ แบตเตอรี่ มา ๆ เดี๋ยววันนี้เฟมจะอธิบายพร้อมเอามาเปรียบเทียบแต่ละจุดให้ดูจ้า
เปรียบเทียบวัสดุและดีไซน์ตัวเครื่อง
สมาร์ทโฟนทั้งสามรุ่นต่างก็ใช้วัสดุฝาหลังที่เป็นพลาสติกเหมือนกัน แต่ไม่ใช่พลาสติกกิ๊กก๊อกนะ เป็นพลาสติกที่ถูกเคลือบเงาหลายชั้น จนมองแว้บแรกนึกว่าเป็นกระจก ดูดีมีราคามาก และมีฟีลลิ่งการจับตอนใช้งานดีมาก (แนะนำให้ไปลองด้วยตัวเอง)
แต่ที่เป็นกิมมิกของฝาหลังทั้งสามรุ่นคือเรื่อง “สี” ที่มีการเล่นแสงไล่สีเมื่อมองต่างมุม โดย Vivo V15 จะมาพร้อมสี ฟ้า และสีแดง , Oppo F11 Pro มาพร้อมสีม่วงและเขียวแบบไล่สี , Samsung Galaxy A50 จะมี 3 สี คือ สีดำ สีน้ำเงิน สีขาว ในส่วนนี้เฟมมองว่ามันเป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล เอาเป็นว่าชอบสีไหนก็ทดไว้ในใจไว้ก่อนแล้วไปดูจุดเด่นอื่น ๆ ประกอบเนอะ
เปรียบเทียบหน้าจอ
ขอมูฟไปเรื่องลักษณะหน้าจอก่อนละกัน ทั้ง Vivo V15 และ Oppo F11 Pro จะมาพร้อมหน้าจอแบบเต็มตา ไร้ติ่ง ไร้กล้องหน้า เรียกหรู ๆ หน่อยก็ Panoramic Screen เป็นจอแบบแบบ LCD IPS ความละเอียด Full HD (1080 × 2340px) ขนาดประมาณ 6.5 นิ้ว ที่ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 กันรอยขีดข่วนได้ดี (แต่ไม่กันแตกเมื่อหล่นนะจ้ะ)
ส่วน Samsung Galaxy A50 จะมาพร้อมจอมีติ่งตรงกลางรูปตัว U Infinity-U เป็นจอแบบ Super AMOLED ความละเอียด FullHD ขนาด 6.4 นิ้ว ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3
การสัมผัสเป็นอย่างไร? จากการที่ลองเล่นมา ส่วนตัวคิดว่ารุ่นที่ทัชติดมือดีสุดจะเป็น Samsung > Vivo > Oppo ตามลำดับจ้า
ส่วนตัวเฟมมองว่า ในเรื่องสีสันหน้าจอ A50 ที่เป็น Super AMOLED นี่จะเด่นสะดุดตามากกว่า แต่ด้วยติ่งจอที่อาจจะรบกวนสายตาอาจทำให้ใครหลายคนเทใจไปทางฝั่ง Vivo V15 และ Oppo F11 Pro ที่โดดเด่นเรื่องความทนทาน ซึ่งเป็นผลจากกระจกกอริลล่าเวอร์ชั่น 5 และชนิดจอแบบ IPS ที่มีโอกาสพบปัญหาจอเบิร์นน้อยกว่าแบบ OLED
เปรียบเทียบการประมวลผล
Vivo V15 , Oppo F11 Pro จะมาพร้อมหน่วยประมวลผล MTK Helio P70 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.1GHz ส่วน Samsung Galaxy A50 จะใช้ชิปเซ็ต Exynos 9610 Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz โดยทั้ง 3 รุ่นให้ RAM มาเท่ากันคือ 6 GB และ ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (การ์ดจอ) ตัวเดียวกันคือ Mali-G72 MP3
มาตรงจุดนี้เพื่อน ๆ อาจจะคิดว่า ดูเหมือน Samsung จะมีความเร็วเยอะกว่า แต่ในการใช้งานจริง บอกเลยว่าทั้ง 3 รุ่น ให้ประสบการณ์การใช้งานพื้นฐานที่ไม่ต่างกันจ้า โดยเฉพาะการเล่นเกม ที่ต้องบอกเลยว่าสามารถทำได้ดี ROV เปิดโหมดเฟรมเรทสูงได้ เปิดภาพ HD ได้ ซึ่งจะอยู่ราว ๆ 50 fps ++ ส่วน PUBG ก็สามารถปรับกราฟิกแบบสูงและภาพ HD ได้เช่นกัน แต่ Samsung จะได้เปรียบตรงที่สามารถปรับกราฟิกได้ถึงระดับ Ultra และ HDR HD นอกจากนี้ในเรื่องเกม Oppo จะมีโหมด Hyper Boost ที่จะช่วยเร่งประสิทธิภาพการเล่นเกมให้ดีขึ้นอีกด้วย
สำหรับสายตัวเลข คะแนน Antutu Benchmarks* ที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพความแรง ทั้งเรื่องการประมวลผลเครื่อง ประมวลผลภาพ วิดีโอ และ UI หน้าตาการใช้งาน เบื้องต้นอันดับหนึ่งตกเป็นของ Oppo รองลงมาเป็น Vivo และ Samsung ตามลำดับ
*คะแนนการทดสอบอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเครื่อง
เปรียบเทียบกล้อง
มากันถึงทีเด็ดอย่างเรื่องกล้อง ที่ไม่มีใครยอมใคร ใส่ความว้าวมาแบบถ้วนหน้าทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยคีย์หลักของทั้งสามรุ่นคือการใช้ AI มาช่วยประมวลผลภาพ
กล้องหลัง
มาเริ่มกันที่กล้องหลังของวีโว่ จำนวน 3 ตัว เป็นเลนส์มุมกว้าง 24 ล้านพิกเซล F/1.79 เลนส์ Super-wide 120 องศา 8 ล้านพิกเซล และเลนส์ชัดลึก 5 ล้านพิกเซล F/2.4 ซึ่งพระเอกอยู่ที่ฟีเจอร์ AI Night Mode นอกจากนี้ยังมี AI ที่สามารถปรับแต่งรูปร่างแบบเรียลไทม์ของเราได้อีกด้วย อยากขาเรียว เอวคอด ผนังไม่เบี้ยว Vivo จัดให้ได้เด้อ
กล้องหลังออปโป้ จะเป็นกล้องเลนส์คู่ ตัวแรกเป็นเลนส์หลักมีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล และค่ารูรับแสง F/1.79 ประกอบด้วยเลนส์ 6 ชิ้น รวมทั้งยังมีเซ็นเซอร์ภาพ CMOS จาก Sony , ขนาดพิกเซลที่ใหญ่กว่าเดิม (ใหญ่กว่า Oppo F9 80%) ตัวที่สองจะเป็นเลนส์จับชัดลึกความละเอียด 5 ล้านพิกเซล โดยจุดเด่นของรุ่นนี้ที่แบรนด์ภูมิใจนำเสนอคือการถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ในที่แสงน้อย ด้วยโหมด Ultra Clear Night Mode ผสานพลัง AI ที่ให้สีสันคมชัดในระดับดีมาก
และสุดท้ายซัมซุง มีกล้องหลัง 3 ตัว ตัวแรกเป็นเลนส์มุมกว้าง 25 ล้านพิกเซล (F/1.7) , ตัวที่สองเลนส์เก็บความชัดลึก 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) และ เลนส์ตัวสุดท้ายเป็นไฮไลท์ประจำรุ่นเพราะเป็นแบบ Ultra Wide มุมกว้าง 123ํ องศา ละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) มีโหมดให้ใช้งานไม่ค่อยเยอะ ปรับแต่งอะไรได้น้อยกว่า 2 รุ่นด้านบน
กล้องหน้า
สำหรับกล้องหน้า Vivo และ Oppo จะเป็นกล้องแบบป็อปอัพซ่อนไว้ในตัวเครื่อง และจะโผล่มาเมื่อต้องจะใช้งาน มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล และ 16 ล้านพิกเซล ตามลำดับ ส่วน Samsung จะเป็นกล้องหน้าติ่งกลางจอ ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F/2.0 เท่ากันหมดทั้ง 3 ตัว
รวม ๆ แล้วเรื่องกล้องเฟมยกให้ Vivo ยืนหนึ่ง เพราะมีความครบเครื่องมากที่สุด ทั้งเรื่องเลนส์ Super-Wide และการถ่ายในที่แสงน้อย ในเรื่องฟีเจอร์เฟมให้ Oppo ยืนหนึ่งเพราะมีฟีเจอร์เก็บกล้องอัตโนมัติเมื่อเครื่องพบว่าเครื่องกำลังจะหล่น ส่วนซัมซุงเฟมให้ยืนหนึ่งเรื่องลูกเล่นของเลนส์ที่มีความกว้าง เป็นต้น
ช้อควรรู้ : เผื่อใครอ่านแล้วงง ยิ่งเซ็นเซอร์ภาพใหญ่ กล้องจะยิ่งเก็บรายละเอียดภาพได้มากขึ้น ยิ่งค่า F น้อย (รูรับแสงกว้าง) ยิ่งทำให้ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีและยิ่งทำให้ฉากหลังเบลอได้มากกว่าเดิม
เปรียบเทียบการเชื่อมต่อและความปลอดภัย
ไม่ว่าจะเป็น Vivo Oppo หรือ Samsung ทั้งสามรุ่นรองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบนาโน เพียงแต่ของออปโป้จะแตกต่างกว่าชาวบ้านตรงที่เป็นถาดซิมแบบ Hybrid ที่ต้องเลือกว่าจะใส่ 2 ซิม หรือ ใส่ 1 ซิม + MicroSD Card ในด้าน Wifi ก็รองรับทั้งแบบ 2.4GHz และ 5 GHz ดังนั้นเรื่องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่มีปัญหา
ในเรื่องความปลอดภัยทั้ง 3 รุ่นรองรับการสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้า (ความปลอดภัยน้อยกว่า) เพื่อปลดล็อคเข้าตัวเครื่อง แต่ A50 จะพิเศษกว่าตรงที่เป็นการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ทั้งนี้ในเรื่องความไวระบบสแกนบนหน้าจอยังเป็นรองการสแกนแบบ Optical ของ Oppo และ Vivo จะทำได้เร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เปรียบเทียบแบตเตอรี่
ปริมาณแบตเตอรี่ของ Vivo Oppo และ Samsung 3 ตัวนี้มีขนาดเท่ากันอยู่ที่ 4,000 mAh ซึ่งถือว่าเยอะตามมาตรฐานของสมาร์ทโฟนในยุคนี้ รวมถึงมีระบบจัดการพลังงานที่พัฒนามาดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ทำให้สามารถเล่นเกมอย่าง PUBG, ROV ต่อเนื่องได้นาน 4 – 5 ชั่วโมงกันเลยจ้า แต่ถ้าใครคิดจะซื้อมาใช้งานพื้นฐาน ถ่ายรูป ดูวิดีโอ เล่นเน็ต เล่นโซเชียล บอกเลยว่าทั้ง 3 รุ่นก็ให้ความอึดแบบพ้นวันเหลือ ๆ แน่นอน
สิ่งที่มักถูกพูดถึงคู่กันในหัวข้อแบตเตอรี่ นั่นก็คือเรื่องระบบการชาร์จไว ซึ่งทั้งสามรุ่นก็ใส่มาให้อย่างครบครัน และจากผลการทดสอบความไวในการชาร์จจาก 0% – 100%* บน Channel Amit Bhawani (PhoneRadar) พบว่า Oppo ที่มาพร้อมระบบ VOOC Fast Charge 3.0 คว้าชัยชาร์จได้เร็วที่สุด ทำเวลาไป 80 นาที ชาร์จครึ่งชั่วโมงได้แบตไปถึง 45% อันดับสองเป็นของ Vivo (V15 Pro) ทำเวลาไป 100 นาที และอันดับ 3 เป็น Samsung
*ผลจากการใช้งานจริงอาจคาดเคลื่อนตามการใช้งานนะจ้ะ
ราคาและการวางจำหน่าย
ตอนนี้ทั้งมือถือทั้ง 3 รุ่น มีวางจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว ตามช็อปและศูนย์บริการค่ายโทรศัพท์ รวมถึงทางออนไลน์ Lazada, Shopee, JD Central
- ราคา Vivo V15 (RAM 6 GB / 128 GB) – 10,999 บาท
- ราคา Oppo F11 Pro (RAM 6 GB / 64GB) – 10,990 บาท
- ราคา Samsung Galaxy A50 (RAM 6 GB / 128 GB) – 11,490 บาท
เคล็ดไม่ลับ ทั้ง 3 รุ่น ถ้าซื้อแบบติดสัญญา 12 เดือนกับค่ายมือถือจะมีส่วนลดให้เยอะมาก ใครที่จ่ายรายเดือน ๆ ละ 499 – 1099 บาท อยู่แล้ว ซื้อแบบติดโปรจะค่อนข้างคุ้มกว่า และได้ของแถมเยอะแทบไม่ต่างกับการซื้อเครื่องเปล่าเลย เช่น
Dtac – Samsung Galaxy A50 ย้ายค่ายเบอร์เดิม ซื้อติดโปร 899 บาท จ่ายล่วงหน้า 2000 บาท สามารถซื้อเครื่อง 3,490 บาท เท่านั้น
True – Oppo F11 Pro ลูกค้าทุกประเภท ซื้อติดโปร 899 บาท จ่ายล่วงหน้า 2000 บาท สามารถซื้อเครื่อง 5,490 บาท เท่านั้น
AIS – Vivo V15 ลูกค้าทุกประเภท ซื้อติดโปร 899 บาท จ่ายล่วงหน้า 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่อง 5,999 บาท เท่านั้น
สรุปตามความเห็นของผู้เขียน
ในมุมมองของผู้เขียนมองว่า Samsung Galaxy A50 จะมีแต้มต่อด้านสเปคโดยรวมมากกว่าสองรุ่นที่เหลือ เช่น หน้าจอแบบ AMOLED แบบเดียวกับพวกสมาร์ทโฟนราคาหมื่นปลาย ๆ มี Bluetooth 5.0 เป็นต้น แต่ทั้งนี้ด้วยดีไซน์หน้าจอติ่งตรงกลางที่เวลาใช้งาน อาจสร้างความรำคาญตาได้มากกว่า Vivo V15 และ Oppo F11 Pro ที่เป็นจอแบบเต็ม รวมไปถึงกล้องหน้าที่ส่วนตัวรู้สึกว่าใครที่เซลฟี่บ่อย ๆ วีโว่กับออปโป้ น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะปรับแต่งทำออกมาได้เยอะกว่าจ้า
เอาเป็นว่าถ้าเพื่อน ๆ มีอะไรสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับทั้ง 3 รุ่น สามารถคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยนะจ้ะ ทีมงานจะรีบหาคำตอบมาให้
คำถามที่พบบ่อย
Q : Vivo V15 กับ Vivo V15 Pro ซื้อรุ่นไหนดี
A : เพื่อน ๆ ต้องลองชั่งใจเองว่าการจ่ายเงินเพิ่มอีก 4,000 บาท เพื่อแลกฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ความละเอียดกล้องหลักที่เพิ่มขึ้นเป็น 48 ล้านพิกเซล และชิปประมวลผลที่เอื้ออำนวยต่อการเล่นเกมมากกว่าอย่าง Snapdragon 675 จ้า สำหรับเฟมมองว่าถ้างบไหวควรไปให้สุด
Q : Vivo V15 มีชิปเสียงหรือไม่
A : ไม่มีจ้า สำหรับรุ่นที่มีชิปเสียงของ Vivo ตัวล่าสุด คือ Vivo X21
Q : Vivo V15 , Oppo F11 Pro , Samsung Galaxy A50 รุ่นไหนมี NFC รุ่นไหนรองรับการชาร์จไร้สาย
A : ทั้ง 3 รุ่น ไม่มี NFC จ้า และไม่มีฟีเจอร์ชาร์จไร้สาย
Q : Vivo V15 , Oppo F11 Pro , Samsung Galaxy A50 รุ่นไหนกันน้ำ
A : ไม่มีรุ่นไหนเลยที่ระบุคุณสมบัติกันน้ำ IP ดังนั้นสงกรานต์นี้ใส่ซองกันด้วยน้า