สกุลเงิน ดิจิทัล สำคัญอย่างไรกับอีคอมเมิร์ซในอนาคต

ถือเป็นข่าวครึกโครมหลังจาก Facebook เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลใหม่ของโลกในชื่อ Libra โดยมีพันธมิตรจากองค์กรชั้นนำระดับโลกเข้าร่วมถึง 27 องค์กร อาทิ Mastercard, Visa, PayPal, eBay, Spotify, Uber เป็นต้น ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลนี้อย่างเป็นทางการในปี 2020 สร้างขึ้นบนพื้นฐานของเทคโนโลยี Blockchain มุ่งหวังให้ผู้คนทั่วโลกสามารถ รับเงิน โอนเงิน ชำระเงิน หรือทำธุรกรรมการเงินในชีวิตประจำวันด้วยความสะดวก ปลอดภัย และสามารถเข้าถึงระบบการเงินซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลก

ความแตกต่างของสกุลเงิน Libra กับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ คือการได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการสำรองสินทรัพย์จริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในมูลค่าที่แท้จริงของ Libra การทำงานในครั้งนี้ Facebook มีบทบาทเป็นผู้นำในการสร้าง Libra Blockchain และ Libra Association ขึ้นมาเพื่อทำงานร่วมกับสมาชิกผู้ก่อตั้งรายอื่นในลักษณะองค์กรไม่แสวงหากำไรและคาดว่าจะลดบทบาทลงภายในปี 2019 โดย Facebook ได้สร้าง Calibra ขึ้นมาเป็นบริษัทในเครือดูแล ควบคุม และดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการแบ่งแยกระหว่างข้อมูลทางสังคม และการเงินอย่างชัดเจน ตัว Calibra ก็คือกระเป๋าเงินดิจิทัลของสกุลเงินดิจิทัล Libra นั่นเอง อย่างไรก็ตามในอนาคต Facebook หวังว่าผู้ใช้งานจะสามารถจ่ายค่าบริการต่างๆในชีวิตประจำวันได้ง่ายผ่าน Calibra เช่นกัน

แล้วสกุลเงิน ดิจิทัล สำคัญอย่างไร

Cryptocurrency เป็นสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งถูกเรียกว่า “Cryptocurrency” เพราะใช้รูปแบบการเข้ารหัสที่ปลอดภัยมากในการตรวจสอบการทำธุรกรรม สร้างขึ้นบนเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเก็บบันทึกธุรกรรมบนเครือข่าย peer-to-peer ได้อย่างปลอดภัย (เครือข่ายแบบนี้จะเก็บไฟล์และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้แต่ละคน โดยไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนกลางที่ทำหน้าที่นี้)

ว่าด้วยเรื่องสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นที่รู้จัก เช่น Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกของโลกเปิดตัวเมื่อปี 2009 มีวัตถุประสงค์เพื่อชำระเงิน สามารถโอนได้ทั่วโลกด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำ

ความสำคัญของสกุลเงินดิจิทัล หนีไม่พ้นเรื่องของความพยายามในการลดการใช้เงินสดลง ซึ่งเมื่อปลายปี 2018 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาเปิดเผยต้นทุนในการใช้เงินสดว่ามีต้นทุนสูงกว่า การทำธุรกรรมโดยไม่ใช้เงินสด ในงานวิจัยระบุว่า ขั้นตอนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการผลิต การขนส่งเงินสด มีมูลค่าถึง 50,000 ล้านบาทต่อปี โดยคิดเป็นต้นทุนของธนาคารแห่งประเทศไทย 4,000 ล้านบาท และที่เหลือเป็นของธนาคารพาณิชย์ในการขนส่งกระจายเงินสดสู่มือประชาชน ยังไม่นับรวมต้นทุนของผู้บริโภคที่ต้องเดินทางไปกดเงินสด เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนการชำระเงินด้วยมูลค่าธุรกรรมที่เท่ากันจะพบว่าเงินสดจะแพงกว่าการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณ 3 เท่า โดยต้นทุนของการผลิตเงินสดจะมีต้นทุนตั้งแต่ 0.1-2.1 บาทต่อฉบับขึ้นอยู่กับมูลค่าธนบัตร ซึ่งต้นทุนจะสูงตามมูลค่าธนบัตร ขณะที่ e-Payment อย่างการโอนเงินผ่านมือถือจะมีต้นทุนเฉลี่ยต่อรายการที่ 0.1-0.4 บาทต่อรายการเท่านั้น

นอกจากเรื่องของการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพระบบการชำระเงินแล้ว สกุลเงินดิจิทัลยังป้องกันไม่ให้เกิดระบบการผูกขาดและลดความเสี่ยงในระบบการชำระเงินจากการพึ่งพาบริการทางการเงินภาคเอกชนมากเกินไป โดยส่วนใหญ่จะเกิดกับประเทศที่เริ่มใช้เงินสดน้อยลงอย่างสวีเดนที่มีแผนจะออกสกุลเงิน e-krona เป็นต้น

สำหรับประเทศไทยเองมีสกุลเงินดิจิทัลสัญชาติไทย เช่น Zcoin ซึ่งยังมีข้อจำกัด ภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 และเตือนผู้สนใจลงทุนว่ามีความเสี่ยงสูง ต้องมีความรู้และรับความเสี่ยงที่อาจสูญเงินลงทุนได้

อย่างไรก็ดี สกุลเงินดิจิทัล เริ่มเข้าใกล้ตัวคนไทยขึ้นทุกวัน แต่ประเทศไทยเองถึงจะมีแนวโน้มในการใช้ e-Payment มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าจาก 14 ครั้งต่อคนต่อปี เป็น 63 ครั้ง ซึ่งธุรกรรมยอดนิยม ได้แก่ บริการโอนเงินและชำระเงินผ่านมือถือ บริการชำระเงินด้วย e-money และการชำระเงินด้วยบัตร แต่ปริมาณการใช้เงินสดก็ยังคงตัวไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

จะเป็นอย่างไรเมื่ออีคอมเมิร์ซหันมาใช้ สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency)

เมื่ออีคอมเมิร์ซเข้ามาเป็นอีกหนึ่งช่องทางการซื้อหาสินค้าที่สำคัญจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากตัวร้านค้า สินค้า ระบบการจัดส่ง การบริการก่อนและหลังการขายที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ระบบการชำระเงินที่สะดวก ปลอดภัยเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้า หากสกุลเงินดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการซื้อสินค้าออนไลน์จะเป็นประโยชน์อย่างไรกับทั้งผู้ซื้อและผู้ขายบ้าง

ปัจจุบันรูปแบบการชำระเงินในอีคอมเมิร์ซนั้นมีหลากหลาย ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรเดบิต อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง (Internet Banking) กระเป๋าเงินดิจิทัล (E-Wallet) และชำระด้วยเงินสดเมื่อได้รับสินค้า (COD – Cash On Delivery) เป็นต้น ในอนาคตเมื่อผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นกับสกุลเงินดิจิทัล เชื่อได้ว่า

• สังคมไร้เงินสดจะเกิดเร็วขึ้น
• ความสะดวกในการซื้อขายสินค้าหรือบริการอีคอมเมิร์ซมีความรวดเร็วขึ้น
• ปลอดภัยมากขึ้น
• ค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนจะลดลงเพราะเราไม่จำเป็นต้องเสียค่าบริหารจัดการเงินสด หรือค่าธรรมเนียมจากหลากหลายธนาคาร
• เราสามารถใช้สกุลเงินเดียวกันในการทำธุรกรรมทางการเงินได้ทั่วโลก

Shopify ระบบที่ใช้สำหรับทำเว็บร้านค้าออนไลน์ขายสินค้าและบริการต่างๆ นอกจากจะมีบริการ Shopify Payments แล้วยังรองรับสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin, Ethereum, Litecoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ กว่า 300 สกุล ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลนั้นมีประโยชน์ต่อผู้ขาย ได้แก่ ทำธุรกรรมได้รวดเร็ว ค่าธรรมเนียมการดำเนินการต่ำ ไม่มีการปฏิเสธการชำระเงิน ทำธุรกรรมได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถแปลงการชำระเงินไปใช้สกุลเงินกระดาษใดๆ เช่น USD หรือ CAD ได้ ถึงแม้ว่า Shopify จะสนับสนุนการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลแต่ผู้ใช้งานยังคงต้องชำระค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหากไม่เปิดใช้งาน Shopify Payments ควบคู่ไปด้วย

ในอนาคตแค่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถเข้าถึงธุรกรรมการเงินได้ง่ายขึ้น

ข้อพึงระวังสำหรับสกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจและยังเข้าถึงได้ไม่มากนัก จึงเป็นการง่ายที่จะถูกหลอกจากมิจฉาชีพให้ซื้อขายหรือลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลลักษณะต่างๆ โดยกล่าวอ้างว่าการลงทุนจะสร้างผลกำไรอันงดงาม สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคจะรับมือได้นั่นคือ การติดตามข่าวสาร เรียนรู้และทำความเข้าใจเทคโนโลยีใหม่ๆที่เข้ามามีผลกระทบกับเราในชีวิตประจำวัน เพื่อจะได้ตามทันโลก และไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี

สรุปให้แล้ว

• Libra เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นโดย Facebook ร่วมกับพันธมิตรในหลายประเภท อาทิ การชำระเงิน เทคโนโลยี มาร์เก็ตเพลส การสื่อสาร และ Blockchain เป็นต้น
• Libra ต้องการเป็นสกุลเงินดิจิทัลของโลก แบบ Stablecoin ไม่ผันผวนตามสภาวะตลาด
• Libra มีสินทรัพย์ค้ำประกันในรูปแบบตะกร้าเงิน ใช้หลากหลายสกุลเงินมาเป็นสินทรัพย์
• Libra มีค่าธรรมเนียมถูกมากเมื่อเทียบกับบริการชำระเงินรูปแบบอื่น
• ผู้ใช้  Facebook สามารถเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัล Libra ได้ง่ายๆ
• สกุลเงินดิจิทัลจะเข้ามา Disrupt ธนาคาร เพราะสกุลเงินดิจิทัลถูกสร้างจากเทคโนโลยี Blockchain คือ ไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางอย่างธนาคาร ซึ่งธนาคารจะได้รับผลกระทบหลักจากสกุลเงินดิจิทัลนี้
• การใช้สกุลเงินดิจิทัลจะทำให้ การค้าข้ามพรมแดน (Crossborder) โตขึ้นแบบก้าวกระโดด เนื่องจากว่าไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน

สนใจเริ่มต้นขายของออนไลน์ โดยให้ Priceza เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา? สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อให้เราทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยในด้านไหนได้เลยค่ะ