
ตลาดขายสินค้าออนไลน์ หรือ E-Commerce เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมาพร้อมกับการแข่งขันที่ดุเดือด Priceza ได้ดึงเจ้าของ E-Marketplace รายใหญ่ของไทย ได้แก่
- ธนิดา ซุยวัฒนา Chief Business Officer, Lazada Thailand
- บูม หมู่ศิริเสิศ Marketing Director of JD CENTRAL
- สุชญา ปาลีวงศ์ Marketing Manager of Shoppee
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเทรนด์ตลาดอีคอมเมิร์ซ ตลอดจนกลยุทธ์การขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม E-Marketplace ในงาน Priceza E-Commerce Summit 2020
เทรนด์ตลาด E-Commerce ปี 2020
Lazada : ด้วยการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซที่สูงขึ้น เนื่องจากคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเทรนด์ในปี 2020 นี้ ประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่
- More Mobile ทุกคนใช้โทรศัพท์มือถือ โจทย์ที่ต้องคิดคือ การดึงเวลาของผู้ใช้งานมาอยู่บนแพลตฟอร์มเรามากที่สุด ดังนั้นลาซาด้าได้สร้างตัวเองเป็น Lifestyle Platform โดยผสมผสานการช้อปปิ้งเข้ากับการเอ็นเตอร์เทน
- More Connected ผู้ประกอบการต้องมีช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง ทั้งในแพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดีย Facebook Instagram YouTube ตลอดจน E-Marketplace
- More Convenience ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีความสะดวกสบาย สร้างตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ให้ไปด้วยกัน
- More Personalization ผู้บริโภคมองหาสิ่งที่ตอบโจทย์ตัวเอง ลาซาด้าจึงนำส่วนนี้เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม โดยลูกค้าที่เปิดแอปพลิเคชันจะได้สินค้าแนะนำที่แตกต่างกันไปตามความสนใจ ซึ่งใช้ Data ที่มีอยู่ในการพิจารณา
JD CENTRAL : ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซมี Market Cap อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท และภายในปี 2022 จะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 22% จึงมองสิ่งนี้เป็นโอกาสในการสร้างการเติบโต อย่างไรก็ตามจากการรายงานการวิจัยของ Nelson พบว่าลูกค้าในตลาดอีคอมเมิร์ซกว่า 92% ไม่มีความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องโฟกัสในเรื่องการทำความเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า (Customer Centric) โดยใช้ Data ที่มีอยู่เป็นตัวขับเคลื่อน ทั้งนี้ Data ที่มีอาจจะบ่งบอกพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เพียงส่วนหนึ่ง จึงต้องพิจารณาการใช้ประโยชน์จาก Data ที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ความจริงใจในการขายสินค้ากับผู้บริโภคถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน”
Shopee : สิ่งที่มาพร้อมกับการขายสินค้าออนไลน์คือการเชื่อมต่อกันอย่างทั่วถึง ทั้งนี้การเติบโตของอีคอมเมิร์ซถือเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับคนรุ่นใหม่ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ไม่ต้องการลงทุนมาก ก็สามารถเข้ามาขายสินค้าออนไลน์ได้
ในด้านของพนักงานประจำที่ต้องการหารายได้เสริมก็สามารถขายสินค้าออนไลน์ได้เช่นกัน นอกจากนี้สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มเรา (User) ว่าจะสามารถสร้าง Engagement ได้อย่างไร โดยได้ออกแบบฟีเจอร์ Shopee Live และ Shopee Feed เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง Engagement ด้วย
“นอกจากนี้ลูกค้าค่อนข้างไวในการซื้อสินค้า เมื่อมีสินค้าใหม่ ๆ ก็ค้นหาได้บน Googleซึ่งจะเป็นโจทย์ที่เราต้องให้ลูกค้าเหล่านั้นเข้ามาซื้อสินค้าของเรา”
สร้างกลยุทธ์เอาตัวรอดในตลาดอีคอมเมิร์ซ
Lazada: ไม่ว่าผู้ประกอบการจะขายสินค้าบนออฟไลน์หรือออนไลน์สิ่งที่สำคัญคือ ต้องเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค เข้าใจว่าลูกค้าของเราคือใคร โดยใช้ Data Point ที่มีอยู่มาสร้างจุดแข็งให้ธุรกิจ
รวมถึงนำข้อมูลที่มีมาศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค สามารถบอกได้ว่าสินค้าประเภทนี้กลุ่มลูกค้าอยู่เซกเมนต์(segment) ใดและควรขายในช่องทางจัดจำหน่ายใด
JD CENTRAL: ลูกค้าหรือผู้บริโภคคือหัวใจหลักของผู้ประกอบทุกคน ทั้งตัวแพลตฟอร์มและ Seller โดยหันกลับมามองว่าสินค้าหรือร้านค้านี้เหมาะกับลูกค้าแบบใด อาทิ กลุ่มลูกค้าอยู่ในโซเชียลมีเดีย ก็ต้องขายในโซเชียลมีเดีย เมื่อได้เห็นความต้องการที่ชัดเจนแล้ว ก็จะทำให้สามารถกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ (Target)
Shopee: เนื่องจากสินค้าขายอยู่บนออนไลน์ ดังนั้นต้องตามเทรนด์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นให้ทัน นอกจากนี้ยังต้องปรับตัว หรือประยุกต์เครื่องมือใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ การปรับตัวให้ทันต่อสิ่งใหม่ๆ จึงเป็นหลักสำคัญในการสร้างธุรกิจให้ก้าวต่อไปได้
Cross border E-Commerce กับพื้นที่ Trade Zone ใน EEC
Lazada : การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาขายในไทยมีนานแล้ว ดังนั้นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นถือเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค เพราะสามารถเข้าถึงสินค้าในราคาที่ไม่ต้องผ่านคนกลาง
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ได้ประโยชน์จากศูนย์กระจายสินค้าเช่นกัน โดยถือเป็นการเปิดช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ประกอบการ
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันและสร้างกำไรในตลาดอีคอมเมิร์ซได้ เนื่องจากผู้แข่งขันไม่ได้อยู่เฉพาะในไทย นอกจากนี้พื้นที่ Trade Zone ไม่เพียงแต่ได้ประโยชน์ในการนำเข้าเท่านั้น เราก็สามารถส่งสินค้าไปขายในจีนหรือประเทศเพื่อนบ้านได้เช่นกัน
JD CENTRAL: สินค้า Cross Border ถือเป็นสินค้าที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของราคาขาย ดังนั้นผู้ประกอบการต้องมองว่าสินค้าของเรามี Value Added อะไรนอกจากราคา อาทิ
- การบริการ (Service) มีการขายแบบ O-2-O (Online to Offline) เพื่อทำให้สินค้าของเราแตกต่างและขายได้
Shopee: มองว่าเป็นโอกาสของ Seller หรือผู้ประกอบการไทยให้มีการปรับตัว หาเครื่องมือ (Tools) ที่เราสามารถใช้ได้มาซัพพอร์ตการขาย รวมถึงการให้ความรู้ในเรื่องของการทำแคมเปญต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการ SME หรือ Seller อาจจะยังไม่เข้าใจ ต้องสร้างความแตกต่าง จุดเด่น คาแรคเตอร์ของสินค้า เพื่อสร้างมูลค่าและกำไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือการแข่งขัน
สนใจเริ่มต้นขายของออนไลน์ โดยให้ Priceza เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา? สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อให้เราทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยในด้านไหนได้เลยค่ะ