
ประเทศจีนถือเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรผลไม้สดอันดับ 1 ของประเทศไทย จากตัวเลขการส่งออกของปี 2562 มีมูลค่ากว่า 64,535 ล้านบาท อัตราการขยายตัว 99 เปอร์เซ็น หรือสัดส่วนกว่า 57.05 เปอร์เซ็นจากประเทศการส่งออกทั้งหมด เรียกได้ว่าผลไม้ที่ส่งออกนั้นไปอยู่ที่ประเทศจีนมากกว่าครึ่งเลยทีเดียว! (ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร)
แต่เมื่อประเทศจีนต้องปิดประเทศทางกายภาพเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส (โควิด-19) จึงทำให้การส่งออกสินค้าเกษตร พลอยได้รับผลกระทบ หยุดชะงักการส่งออกไปด้วย
แต่ละปีประเทศจีนมีปริมาณการสั่งซื้อผลไม้จากไทยเป็นจำนวนมาก คาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าต่างๆไปยังประเทศจีนโดยเฉพาะผลไม้ 3 ตัวหลัก คือ ทุเรียน ลำไย และมังคุด ซึ่งมีปริมาณมากกว่า 84% ของปริมาณผลไม้ทั้งประเทศ
ล่าสุด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตและการค้าตลาดผลไม้คุณภาพของสถาบันเกษตรกร ประจำปีงบประมาณ 2563 เพื่อเร่งแก้ปัญหาการส่งออกสินค้าการเกษตร
“ถึงเวลาที่จะพลิกวิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาสที่เราจะใช้ขบวนการสหกรณ์นำผลไม้ดีมีคุณภาพดี ซึ่งแต่เดิมส่งออกไปยังต่างประเทศแบ่งสรรมาให้ผู้บริโภคในชาวไทยได้บริโภคมากขึ้นโดยกระจายผ่านเครือข่ายสหกรณ์ทั่วประเทศ” มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว
โดยร่วมกันทำงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเล็งเห็นว่าเกษตรกรอาจได้รับผลกระทบเนื่องจากผลผลิตไม่สามารถส่งออกได้ โดยเฉพาะผลไม้ที่จะออกสู่ตลาดและรอการส่งออก ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด เงาะ ลองกองและลิ้นจี่ ทั้งนี้ได้มีมาตรการช่วยเหลือเหล่าเกษตร ดังนี้
- ด้านการผลิต ส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์ผลิตผลไม้คุณภาพและผ่านมาตรฐาน GAP จำนวน 1,100 ราย ซึ่งจะสามารถจัดจำหน่ายได้ในสถานประกอบการที่ต้องการมาตรฐานการรองรับ
- ด้านการรวบรวม พัฒนาอาคารรวบรวมผลไม้สะอาดได้มาตรฐาน GMP และจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยร้อยละ 1 จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ วงเงิน 200 ล้านบาท ให้สหกรณ์กู้ยืมไปรวบรวมผลผลิตจากสมาชิกตลอดช่วงฤดูกาลผลิตปีนี้
- ด้านการตลาด ส่งเสริมให้ขบวนการ สหกรณ์ใช้เครือข่ายสหกรณ์ในการเป็นผู้กระจายผลผลิตสู่การบริโภคทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยกำหนดให้มีกิจกรรมสหกรณ์พบผู้ผลิต จัดกิจกรรมเชิงท่องเที่ยวในสวนผลไม้ รวมทั้งจัดมหกรรมสินค้าสหกรณ์ ปรับการจำหน่ายจากช่องทางปกติเป็นการจัดจำหน่ายแบบออนไลน์
โครงการตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์
สอดคล้องกับนโยบายโครงการตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จัดติวเข้มเกษตรกรสู่นักขายออนไลน์บนแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (ecommerce) ยักษ์ใหญ่อย่าง LAZADA
จากปัจจุบันเทรนด์การค้าออนไลน์กำลังเป็นที่นิยมและมีอัตราการเติบโตที่สูงยิ่งขึ้น โดยการซื้อขายผ่านทางช่องทางออนไลน์บนแพลตฟอร์ม สำรวจพบว่า ปัจจุบันมีจำนวนผู้ซื้อผ่านระบบออนไลน์มากถึง 4 – 5 ล้านคน/วัน
นับเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มช่องทางการค้าขายสินค้าเกษตรออนไลน์ของเกษตรกรชาวไทยเลยทีเดียว
นอกจากจะผลักดันให้เกษตรกรไทย มองหาช่องทางขายผลผลิตผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นการเพิ่มโอกาสสร้างรายได้มากยิ่งขึ้น และเป็นการพลิกวิกฤติจากผลกระทบการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนจากสถานการณ์โคโรนาไวรัส (โควิด-19) ของปีนี้อีกด้วย
หลังจากนี้เราคงได้เห็นการค้าขายผลผลิตเกษตรกรผ่านแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส (Marketplace) มากขึ้น เข้าถึงเกษตรกรได้โดยตรง แถมปีนี้เมื่อติดปัญหาจากการส่งออกอาจทำให้สินค้าภายในประเทศมีมากขึ้น เราคงได้กินผลไม้ในราคาที่ถูกลงกว่าปีก่อนๆก็เป็นได้..
สนใจเริ่มต้นขายของออนไลน์ โดยให้ Priceza เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา? สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อให้เราทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยในด้านไหนได้เลยค่ะ