ราคา Apple Watch

Apple Watch ราคาเท่าไหร่ ถ้าเป็นคนทั่วไปคงไม่มีคำถามอะไรแบบนี้อยู่ในหัวแน่นอน แต่ถ้าเป็นสาวกของ Apple และเป็นคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจล่ะก็ ย่อมต้องอยากรู้แน่ ๆ ว่า Apple Watch ราคาเป็นยังไง แต่ละรุ่นแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน และรุ่นไหนของ Apple Watch ที่น่าใช้งานมากที่สุด ซึ่ง Apple Watch เค้าก็เพิ่งจะเปิดตัว Series 3 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ได้ไม่นาน บวกกับรุ่นเก่าที่เคยเปิดตัวมาแล้วทั้งหมดก็เท่ากับว่า บนโลกเราตอนนี้มี Apple Watch อยู่ทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน คือ Series 1, Series 2 และ Series 3 ซึ่ง Apple Watch แต่ละรุ่นแตกต่างกันยังไง และรุ่นไหนน่าซื้อบ้าง วันนี้เราจะมาเฉลยให้เพื่อน ๆ ได้ทราบเอง

Apple Watch Series 3 ที่ออกใหม่ มีอะไรเด็ด ๆ บ้าง

สำหรับใครหลายคนเวลาจะซื้ออะไรสักอย่างก็มักจะมองที่ตัวท็อป และรุ่นใหม่ล่าสุดเอาไว้ก่อนเสมอ เพื่อให้การซื้อหาสินค้าในครั้งนั้นเป็นไปอย่างคุ้มค่าที่สุด และไม่ต้องเปลี่ยนรุ่นใหม่บ่อย ๆ ซึ่ง Apple Watch Series 3 ที่เพิ่งเปิดตัวมาใหม่นี้เค้าก็มีให้เลือกซื้อกันได้ 2 แบบด้วยกันคือ แบบ GPS และ GPS + Cellular ซึ่งมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย เช่น โทรออกและรับสายได้ที่ตัว Apple Watch เลย (เฉพาะรุ่น Cellular)

เปรียบเทียบกันจะ ๆ Apple Watch แต่ละรุ่นต่างกันยังไง

1. ราคาและวัสดุ

ในเรื่องของ ราคา Apple Watch  Series 3 GPS จะอยู่ที่ 10,900 บาท โดยตัวเรือนจะใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม พร้อมสายแบบ Sport Band เหมือนกับตัว Series 1 และ Series 2 นั่นแหละครับ

แต่ถ้าเป็นตัว Series 3 GPS + Cellular ที่เป็นตัวท็อปสุด ณ ตอนนี้ ราคาจะอยู่ที่ 13,500 บาท ซึ่งตัวเรือนและสายจะใช้วัสดุเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่สามารถเปลี่ยนตัวเรือนให้เป็นสแตนเลสสตีลได้ และมีสายแบบใหม่คือ Sport Loop, Milanese Loop ให้เลือกใช้ได้หลากหลายมากขึ้น

โดยรวมแล้วต้องบอกว่า Apple Watch ราคารุ่น GPS ใน Series 3 นี้ ไม่ได้แพงอะไรเท่าไหร่ เพราะถูกกว่าตอนเปิดตัว Series 2 ซะอีก

ส่วน Apple Watch ราคารุ่น GPS + Cellular ถึงแม้จะกระโดดไปจากรุ่นปกติถึง 3 พันบาทแต่ก็ต้องบอกว่าคุ้มค่า คุ้มราคา ส้มน้ำสมเนื้อมากจริง ๆ เพราะสเปกที่ได้มาคือ สามารถโทรออกได้โดยไม่ต้องใช้ iPhone ด้วยซ้ำ แถมยังมีชิพประมวลผลที่เร็วกว่า สามารถฟังเพลงได้หลากหลาย เหมาะกับคนที่นิยมความคล่องตัวจริง ๆ

2. ชิพประมวลผล

ในส่วนของชิพประมวลผลนั้น Apple Watch รุ่นใหม่ล่าสุดทั้งสองแบบจะใช้ชิพประมวลผล S3 Faster Dual-core Processor ซึ่งเป็นการเปิดตัวใหม่ล่าสุด ให้ความเร็วที่มากกว่า Dual-core จาก Apple Watch Series 1 และ Series 2 ถึง 70% ลื่นหัวแตกเลยล่ะครับ

นอกจากนี้ Apple Watch Series 3 ยังมีการใช้ W2 Wireless Chip ตัวใหม่ ที่สามารถเชื่อมต่อไวฟายได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 85% และเชื่อมต่อบลูทูธได้ไวขึ้นถึง 50% เพื่อเป็นการรองรับลูกเล่นที่ใช้ฟังเพลง และรับโทรศัพท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ

3. ฟีเจอร์

สำหรับเรื่องของฟีเจอร์ แน่นอนว่าเจ้า Apple Watch Series 3 ก็ต้องทำออกมาได้ดีอย่างไม่มีที่ติ ทิ้งห่างจากรุ่นเดิม ๆ ไปได้ไกลแบบไม่เห็นฝุ่น ปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิมแทบจะทุกอย่าง ทั้งในเรื่องของการทำงานที่ดีขึ้น GPS ดีขึ้น การเก็บข้อมูลสุขภาพก็ดีขึ้น ปรับปรุงเรื่อง Heart Rate ให้แม่นยำขึ้นกว่าเดิม และสามารถเชื่อมต่อ Cellular ได้โดยไม่ต้องผ่าน iPhone และสามารถใช้ Siri ได้จากนาฬิกาข้อมือเรือนนี้ได้เลย เด็ดไม่ใช่เล่นเลยล่ะ

4. หน้าจอแสดงผล

หน้าจอแสดงผลของ Apple Watch Series 3 GPS เค้าจะใช้ Second-generetion OLED Retina Display เหมือนกับของทาง Apple Watch Series 2 นั่นแหละครับ แต่ถ้าเป็นรุ่นท็อป อย่าง Apple Watch Series 3 GPS + Cellular เราจะสามารถเลือกได้ว่าจะเอาเป็นหน้าจอ Sapphire Crystal รึเปล่า เพิ่มความไฮคลาสให้กับตัวเองได้โดดเด่นใช่ย่อย

5.  แบตเตอรี่

มาถึงเรื่องสุดท้ายที่เราจะเปรียบเทียบกัน นั่นก็คือ เรื่องของการใช้งาน หรือ แบตเตอรี่นั่นเอง โดย Apple Watch Series 3 ทั้ง 2 รุ่นนั้น จะยังคงใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดความจุเท่าเดิม ใช้งานได้นานถึง 18 ชั่วโมง และมีสายเคเบิลสำหรับชาร์จมาให้ แต่อย่าเพิ่งทำหน้ามุ่ยกันไป เพราะไหน ๆ ก็เป็นตัวใหม่ทั้งที Apple เค้าก็ต้องแถมอะไรมาสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจกันอยู่แล้ว นั่นก็คือ USB Power Adapter ที่ถูกแถมเพิ่มเข้ามาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการชาร์จแบตนั่นเองครับ

นี่ก็เป็นการเปรียบเทียบกันแบบชัด ๆ ไปเลยในแต่ละส่วนของ Apple Watch แต่ละรุ่น ซึ่งถ้าถามว่าตัวไหนเหมาะสมที่จะนำมาใช้งานที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตัวท็อป อย่าง Apple Watch Series 3 GPS + Cellular นั่นแหละครับ ซึ่ง Apple Watch ราคาตัวนี้มันก็ไม่ได้แพงจนเกินไป แถมฟีเจอร์เด่น ๆ ที่น่าสนใจก็เพียบ เพิ่มความคล่องตัวให้กับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างมาก เหมาะกับคำว่า Smart Watch จริง ๆ เพราะตัวอื่น ๆ ถ้าเทียบกับตัวนี้แล้วก็ยังดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่สุดสักทางอยู่ดี ดังนั้นถ้าจะให้ดี ซื้อทั้งทีก็จัดตัวท็อปกันไปเลยยยย