ราคา รองเท้าสตั๊ด

รองเท้าสตั๊ด เป็นรองเท้าที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเล่นกีฬาฟุตบอลการผลิตรองเท้าสตั๊ดนั้นมีจุดประสงค์ในการใช้งานเพื่อช่วยให้การเล่นฟุตบอลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รองรับแรงกระแทกและลดอาการบาดเจ็บของผู้สวมใส่ไม่ต่างจาก       รองเท้า fitness ที่ใส่เพื่อใช้งานสำหรับการออกกำลังกายนั่นเองแต่สำหรับผู้ที่กำลังมองหารองเท้าสตั๊ดไว้ในครอบครอง สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือการเลือกรองเท้าสตั๊ดอย่างไรให้ถูกใจที่สุด

ในปัจจุบัน รองเท้าสตั๊ด หรือรองเท้าฟุตบอลนั้นมีผู้ผลิตรองเท้ากีฬาหลากหลายบริษัทผลิตออกมาแข่งขันในท้องตลาดมากมายหลายรุ่น แต่ละรุ่นก็ล้วนแล้วแต่ผลิตขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของนักฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าฟุตบอล Nike,รองเท้าฟุตบอล Adidas ,รองเท้าฟุตบอล reebokเป็นต้น ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีข้อดีแตกต่างกันออกไป สำหรับหลักเกณฑ์การเลือกรองเท้าสตั๊ดนั้นมีดังต่อไปนี้

เลือกจากจำนวนปุ่มที่อยู่ใต้พื้นของรองเท้าสตั๊ด

ผู้ซื้อควรพิจารณาจากปุ่มสตั๊ดที่มีอยู่จำนวนมากใต้พื้นรองเท้าสตั๊ดเนื่องจากว่าปุ่มนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการบ่งบอกว่ารองเท้าสตั๊ดคู่นี้มีคุณสมบัติที่ดีเพียงใด โดยปุ่มสตั๊ดจะมีผลอย่างยิ่งสำหรับการเคลื่อนไหวระหว่างเล่นเกมฟุตบอล ช่วยให้การยึดเกาะพื้นสนามของผู้เล่นทำได้ดีมากยิ่งขึ้นโดยจำนวนปุ่มสตั๊ดที่ต่างกันก็จะเหมาะสำหรับผู้เล่นฟุตบอลในลักษณะที่แตกต่างกันไปกล่าวคือ

1. SOFT GROUND เป็นปุ่มสตั๊ดที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับพื้นสนามที่ยืดหยุ่นและนุ่ม โดยปุ่มสตั๊ดของ SOFT GROUND จะมีจำนวนน้อยกว่ารองเท้าสตั๊ดแบบอื่น ๆ โดยมีจำนวนแปดปุ่มต่อหนึ่งข้างเท่านั้น สำหรับ SOFT GROUND ควรใช้เตะในสนามหญ้าที่มีพื้นนุ่มเช่น สนามกีฬาขนาดใหญ่ที่มีความเป็นมาตรฐานและมีความเป็นสากล

2. FIRM GROUND เป็นปุ่มสตั๊ดที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับสนามฟุตบอลของเมืองไทยเนื่องจากว่าสนามกีฬาฟุตบอลภายในเมืองไทยจะมีพื้นที่ค่อนข้างแข็ง โดยปุ่มสตั๊ดของ FIRM GROUND จะมีจำนวน15 ปุ่มต่อหนึ่งทั้งนี้ผู้ที่เพิ่งเริ่มเล่นกีฬาฟุตบอลควรเลือก FIRM GROUND เป็นหลักเพื่อความปลอดภัยของตัวนักกีฬาเอง

3. HARD GROUND เหมาะสำหรับผู้ที่เล่นฟุตบอลในสนามฟุตบอลที่มีความแข็งเป็นพิเศษหรือสนามหญ้าเทียมเนื่องจากว่าปุ่มสตั๊ดของ FIRM GROUND มีจำนวนมากกว่า 15 ปุ่มต่อรองเท้าสตั๊ดหนึ่งข้างนั่นเอง

วัสดุที่ใช้ในการผลิตรองเท้าสตั๊ด

1.รองเท้าสตั๊ดที่ทำจากหนังแท้

สำหรับรองเท้าสตั๊ดที่ทำจากหนังจะมีความทนทานต่อการใช้งานมากกว่าวัสดุชนิดอื่น มีความนุ่มรองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ให้ความรู้สึกระหว่างที่เท้าสัมผัสบอลอย่างเป็นธรรมชาติข้อเสียคือราคาสูงกว่ารองเท้าสตั๊ดที่ทำจากวัสดุชนิดอื่น

2.รองเท้าสตั๊ดที่ทำจากหนังเทียม

รองเท้าสตั๊ดที่ทำจากหนังเทียมจะมีน้ำหนักเบากว่ารองเท้าที่ทำจากหนังแท้นอกจากนี้ยังคงรูปทรงเดิมได้ดีกว่าอีกด้วย จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้รองเท้าสตั๊ดที่ทำจากหนังเทียมได้รับความนิยมคือราคาที่ถูกกว่ารองเท้าสตั๊ดหนังแท้นั่นเอง

สำหรับผู้ที่กำลังมองหารองเท้าสตั๊ดเป็นรองเท้าคู่ใจเพื่อให้การเตะฟุตบอลเป็นเกมที่สนุกสนานมากขึ้น สิ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุดคืองบประมาณและจุดประสงค์การการใช้งานเป็นหลักเพื่อให้การซื้อรองเท้าสตั๊ดสร้างความสุขในการเล่นฟุตบอลได้มากที่สุด

สำหรับนักฟุตบอลไม่ว่าจะในระดับอาชีพหรือสมัครเล่นนั้น นอกจากทักษะฝีเท้าอันแพรวพราวของผู้เล่นแล้ว รองเท้าสตั๊ด ก็ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยนำพาลูกฟุตบอลกลมๆ พุ่งเข้าสู่ก้นตาข่ายอย่างสวยงาม แต้รู้หรือไม่ครับว่า รองเท้าสตั๊ดนั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายร้อยปีแล้ว แต่จะมีที่มาอย่างไร ตามมาอ่านกันได้เลยครับ

“รองเท้าสตั๊ด” ถือกำเนิดตั้งแต่ปี ค.ศ.1526 โดยช่างทำรองเท้า นามว่า คือ “Cornelius Johnson” โดยทำจากหนังสัตว์ และมีความสูงเหนือหัวเข่า เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บของผู้เล่น ทำให้รองเท้ามีน้ำหนักมาก การสวมใส่ขณะเล่นฟุตบอลจึงไม่คล่องตัวนัก แต่ก็ยังได้รับความนิยมจากนักฟุตบอลมาอีกกว่า 300 ปี แต่แม้จะมีการพัฒนารูปแบบโดยนำเหล็กมาติดไว้ที่พื้นรองเท้าเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการวิ่ง แต่รองเท้าสตั๊ดก็ยังคงมีน้ำหนักมากโขอยู่  

จนกระทั่งในปี ค.ศ.1925 “อดอร์ฟ ดาสเลอร์” และ “รูดิ ดาสเลอร์” สองพี่น้องชาวเยอรมัน ได้ร่วมกันผลิต “รองเท้าสตั๊ด” ที่มีปุ่มสตั๊ด 6-7 ปุ่ม และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพของสนาม และยังคงมีผู้ผลิตเจ้าอื่นๆ พัฒนาการออกแบบรองเท้าสตั๊ดขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ โดยเน้นในเรื่องของรูปทรงที่สวยงาม มีความยืดหยุ่น และมีน้ำหนักเบา เพื่อการควบคุมทิศทางของลูกฟุตบอลได้ง่ายขึ้น ต่อมาในปี 1948 บริษัท “Adidas” แบรนด์กีฬาชั้นนำของโลกก็ถือกำเนิดขึ้น ภายใต้การนำของ “อดอร์ฟ” และ “รูดิ” สองพี่น้องตระกูลดาสเลอร์ แต่เนื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกัน “รูดิ” จึงหันออกมาเป็ดบริษัท “Puma” ที่พัฒนาปุ่มรองเท้าสตั๊ดที่ทำจากพลาสติกและยางขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก หลังจากนั้นรองเท้าสตั๊ดก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเริ่มมีผู้ผลิตแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายตามมา เช่น Joma, Diadora, Lotto ,Umbro ,Reebok เป็นต้น

ในปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการวิจัยและพัฒนารองเท้าสตั๊ด เช่น ใช้แสงเลเซอร์ในการผลิตรองเท้าสตั๊ด หรือคิดค้นวัสดุที่ใช้ผลิต เพื่อให้รองเท้าสตั๊ดมีประสิทธิภาพในการใช้งานมากที่สุด ทั้งในเรื่องของความเร็ว การเข้าทำประตู การส่งบอลที่แม่นยำ รวมทั้งดีไซน์ที่สวยงามถูกใจผู้สวมใส่

นอกจากนี้การแข่งขันทางการตลาดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดวงการลูกหนังเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น การเป็นผู้สนับสนุนให้กับนักฟุตบอลชื่อดัง เช่น “เปเล่” นักฟุตบอลระดับตำนานชาวบราซิลที่ใส่รองเท้าสตั๊ดยี่ห้อ Puma และสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 1970 ได้อย่างสวยงาม รวมทั้งการผลิตรุ่นของรองเท้าสตั๊ดตามชื่อนักฟุตบอลชื่อดัง อย่างรุ่น “CR7” ของ “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” ภายใต้แบรนด์ Nike หรือ “Adidas Messi Pibe de Barr” ของ “ลิโอเนล เมสซี่” สตาร์ชาวอาร์เจนตินา จากค่าย “Adidas” เป็นต้น เพื่อสร้างยอดขายให้แก่บริษัท และนี่ก็คือเรื่องราวความเป็นมาของรองเท้าสตั๊ดที่คอบอลเห็นกันอยู่บ่อยๆ หรือสวมใส่กันเป็นประจำ แต่ยังไม่รู้ถึงที่มาของเจ้ารองเท้าพื้นปุ่มนี้