ราคา เมมโมรี่การ์ด

อุปกรณ์ที่เรียกว่า Mobile Device หรืออุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์เคลื่อนที่แทบจะทุกประเภทจำเป็นจะต้องมีหน่วยบันทึกข้อมูลเป็นสิ่งที่ใช้คู่กันเสมอ ถ้าเปรียบง่าย ๆ ก็เหมือนสมุดหนังสือ เมื่อเราเขียนบันทึกข้อความ หรือวาดภาพใด ๆ เก็บไว้ เราสามารถนำกลับมาดูย้อนหลังได้ หรือแม้แต่จะส่งข้อมูลผ่านไปให้ผู้อื่นได้ ทำซ้ำได้เรื่อย ๆ เพียงแต่ปากกาดินสอที่เราใช้บันทึกนั้น เปรียบเสมือน Mobile Device และหนังสือเป็นเหมือน Memory Unit หรือMemory Card นั่นเอง

ก่อนที่ยุคดิจิตอลจะเฟื่องฟู เราผ่านยุคออนาลอกมาก่อนซึ่งอาจเห็นสื่อบันทึกในรูปแบบของแผ่นเสียง เทป หรือเทป 8 แทร็ค ส่วนในยุคดิจิตอลแรก ๆ จะเป็นคอมแพคแฟลต(Compact Flash – CF Card) ซึ่งปัจจุบันยังนิยมใช้ในกล้องโปรบางรุ่น เนื่องจากมีความสามารถในการอ่านและบันทึกข้อมูลสูง ๆ ได้ ประมวลผลได้เร็ว รองรับการจัดการไฟล์ภาพขนาดใหญ่ได้ดี ส่วน Memory Unit อีกชนิดที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Memory Stick แห่งค่าย Sony เนื่องด้วยโซนี่มีความโดดเด่นที่มีผลิตภัณฑ์อิเลคทรอนิกส์ที่ติดตลาดหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น TV LCD เกมเพลย์สเตชั่น กล้อง โน้ตบุ๊คไวโอ้ และ MP3 อุปกรณ์ทุกชิ้นภายใต้แบรนด์โซนี่สามารถใช้สื่อบันทึกร่วมกันคือ Memory Stick ได้ แต่ความได้เปรียบนี้กลับกลายเป็นข้อเสียเปรียบไปในทันที เมื่อ Mobile Device แต่ละชนิดไม่ใช่เบอร์หนึ่ง หรือแม้แต่เบอร์สองใน Segment ของตัวเองอีกต่อไป จึงทำให้ Memory Stick ตายลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับแบรนด์โซนี่

สิ่งเน้นในบทความนี้คือหน่วยบันทึกข้อมูลที่ได้รับความนิยมมาก ใช้กันอย่างแพร่หลาย และตัวผลิตภัณฑ์ที่รองรับก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือเมมโมรี่การ์ด SD Card (Secure Digital Card) ซึ่งสามารถแบ่งมาตรฐานออกได้ดังนี้

1.SD Standard – ใช้ระบบ FAT12/16 file โดยปกติหน่วยความจำไม่เกิน 2 GB

2.SDHC Standard (High-Capacity)– ใช้ระบบ FAT 32 file โดยปกติหน่วยความจำไม่เกิน 32 GB

3.SDXC Standard (eXtended- Capacity)– ใช้ระบบ exFAT file โดยปกติมีหน่วยความจำ 32GB-2TB

 เนื่องจากเมมโมรี่การ์ด SD Card ถูกพัฒนาให้ใช้กับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมาก อุปกรณ์อิเลคทรอนิคแต่ละชนิดมีขนาดเล็กใหญ่ ไม่เท่ากัน SD Card จึงแบ่งประเภทตามขนาด 3 ขนาด คือ

1.Full Size SD –หรือขนาดมาตรฐานที่เราใช้ในกล้องดิจิตอล

2.Mini SD – ขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของ FullsizeSD

3.Micro SD – ขนาดที่ใช้กับ Smartphone

ความเร็วของเมมโมรี่การ์ดแต่ละประเภทก็ไม่เท่ากัน จึงมีการระบุ SpeedClass ด้วยอักษร C แทนหน่วย MB/s(MB/วินาที)และแบ่งออกเป็น 4 Class ดังนี้

1.Speed Class 2 – อ่านข้อมูลได้ 2 MB/s

2.Speed Class 4 – อ่านข้อมูลได้ 4 MB/s

3.Speed Class 6 – อ่านข้อมูลได้ 6-12 MB/s

4.Speed Class 10 – อ่านข้อมูลได้ 10-25 MB/s

 แต่ปัจจุบันความเร็วได้พัฒนาไปไกลกว่าการกำหนดระบบ SpeedClass 10 มาก จึงได้กำหนดเพิ่มเติมมาตรฐานใหม่ที่เรียกว่า UHSSpeedClass ซึ่งใช้อักษร U เป็นตัวระบุ

 ดังนั้นการเลือกใช้เมมโมรี่การ์ดต้องเลือกจากความสามารถในการรองรับการใช้งานของตัว Device เป็นหลัก มิฉะนั้นแล้วจะใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพสูงสุด หรือใช้ไม่ได้เอาเสียเลย ตัวอย่างเช่น ถ้ากล้องดิจิตอลซื้อมาปี 2012 หน่วยความจำเดิม 16 GB อยากเพิ่มความจุ เลือกเอาตัว SDHC512 GB 10C มาใช้ ปรากฎว่าใช้ไม่ได้ เนื่องจากกล้องนั้นรองรับการทำงานสูงสุดได้ที่ 4C เป็นต้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรจะตรวจให้แน่ชัดเสียก่อนว่าอุปกรณ์ของเรารองรับระบบการทำงานสูงสุดได้ที่เท่าไหร่ก่อนเลือกใช้ SD Card อันใหม่