หน้าแรก คู่มือเลือกซื้อสินค้า สายชาร์จ สั้นหรือยาว มีผลต่อการชาร์จไหม?

สายชาร์จ สั้นหรือยาว มีผลต่อการชาร์จไหม?

8880
ความยาวของสายชาร์จมีผลต่อความเร็วในการชาร์จหรือไม่

สายชาร์จ มีผลิตออกมาให้เลือกหลากหลายมากขึ้นในปัจจุบันนี้ มีการออกแบบมาอย่างทันสมัยทั้งดีไซน์และประเภทการใช้งานต่าง ๆ อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปหรือเว็บช้อปปิ้งออนไลน์ แต่ทราบหรือไม่ว่าสายที่เราใช้ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือกันนั้น แบบสั้นหรือยาวชาร์จไฟได้เร็วกว่ากัน? เพราะสายบางชนิดก็ผลิตมาให้ยาวหลายเมตรเพื่อความสะดวกในการใช้งาน แต่บางชนิดก็สั้นเหมาะสำหรับการพกพา ว่าแต่สายแบบไหนที่ชาร์จได้เร็วกว่ากันและความยาวความสั้นนั้นจะมีผลต่อการชาร์จจริงหรือไม่ ไปหาคำตอบกันเลย

 

ความยาว-สายชาร์จ

ปัจจัยที่มีผลต่อความช้า – ความเร็วในการชาร์จ

สายสำหรับชาร์จที่มากับโทรศัพท์มือถือส่วนมากแล้วมีความยาวประมาณ 100 เซนติเมตร ส่วนสายที่วางขายอยู่ทั่วไปมีความยาวให้เลือกหลายขนาด มีทั้งขนาดสั้นประมาณ 15 – 20 เซนติเมตร และยาวถึง 5 เมตรเลยก็มี โดยปัจจัยที่ส่งผลให้การชาร์จเข้าเร็วหรือช้านั้น สามารถสรุปให้เข้าใจกันได้ง่าย ๆ ดังนี้

ขึ้นอยู่กับรุ่นที่ใช้

โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่ผลิตออกมาในปัจจุบันนี้มีการชาร์จแบบ Smart Charge หรือการชาร์จเร็วแทบทุกรุ่น ส่วนโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่า ๆ มีการชาร์จแบบธรรมดา การนำสาย USB สำหรับโทรศัพท์รุ่นเก่าไปใช้หัวชาร์จรุ่นใหม่จึงไม่ได้ทำให้ชาร์จเร็วขึ้น ไม่ว่าสายนั้นจะเป็นสายสั้นหรือยาวก็ตาม นอกเสียจากว่าสายนั้นเป็นสายสำหรับหัวชาร์จแบบ Super Charge แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับแรงดันไฟฟ้าและการปริมาณไฟฟ้าที่ไหลผ่านด้วย

ขึ้นอยู่กับแรงดันไฟฟ้า

ไม่ว่าจะเป็นสายสั้นหรือยาวก็ชาร์จได้เร็ว หากสายนั้นสามารถรับกระแสไฟฟ้าจากหัวชาร์จได้ในปริมาณแรงดันที่เหมาะสม หรือพูดง่าย ๆ ว่า หัวชาร์จมีแรงดันสูงและสายเองก็รับปริมาณกระแสไฟฟาได้มากด้วย เนื่องจากสายบางรุ่นหรือสายที่ไม่ใช่ของแท้จะรับกระแสไฟฟ้าได้น้อย เพราะมีปริมาณที่จำกัดในสายประเภทนั้นนั่นเอง

ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของทองแดง

หากตัดความแท้ออกไป ให้มองแค่ความสั้นหรือความยาวแล้ว หากเป็นสายที่ทองแดงมีคุณภาพดีก็จะมีการรับกระแสไฟฟ้าได้ดีกว่าและชาร์จได้เร็วกว่า ไม่ว่าจะสั้นหรือยาวก็ตาม

 

ความยาว-สายชาร์จ1

วิธีการเก็บรักษาและการดูแลสายชาร์จให้ใช้งานได้นาน

1. เก็บเข้าที่ทุกครั้งหลังใช้งาน หลังใช้งานเสร็จแล้วควรเก็บที่ชาร์จเข้าที่ทุกครั้ง ไม่ควรวางทิ้งไว้ที่พื้น บนที่นอน โซฟา หรืออื่น ๆ เพราะอาจเดินเหยียบและอาจได้รับอันตรายได้

2. ไม่เสียบที่ชาร์จทิ้งไว้เมื่อใช้งานเสร็จ หลังชาร์จแบตเสร็จแล้วควรถอดที่ชาร์จออกทุกครั้ง ไม่ควรเสียบทิ้งไว้เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้หากเด็ก ๆ ไปจับเล่น หรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจร

3. ไม่วางทับด้วยของหนัก ในกรณีที่เก็บที่ชาร์จไว้ในกระเป๋าไม่ควรทับด้วยของหนัก ควรเก็บแยกช่องหรือเก็บไว้ด้านบนแทน

4. ไม่นำอะไรมาพันหรือติดที่สาย ไม่ควรนำเชือกหรือสติกเกอร์มาติดที่สายหรือหัวชาร์จ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานด้วยไฟฟ้าและมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน หากไม่สามารถระบายความร้อนออกได้จะทำให้เกิดความร้อนสะสมและอาจระเบิดได้เหมือนกัน

5. ไม่รัดสายจนแน่นเกินไป ในกรณีที่เก็บที่ชาร์จด้วยยางหรือเชือกรัด ไม่ควรรัดสายจนแน่นเกินไปเพราะจะทำให้สายหักได้

6. หลีกเลี่ยงการใช้งานขณะที่ชาร์จแบต เพราะการเล่นมือถือระหว่างชาร์จจะทำให้เครื่องทำงานหนักและเครื่องร้อน ทำให้เกิดไฟกระชากและทำให้ที่ชาร์จเสียหายได้

7. ไม่ดึงที่ชาร์จด้วยการดึงสาย การดึงที่ชาร์จโดยการกระตุกที่สาย จะทำให้สายไฟหรือทองแดงด้านในขาดได้ ทำให้ที่ชาร์จพังหรือเกิดการดูดหรือช็อตเมื่อเสียบใช้งาน

 

เบามือกับสายชาร์จไอโฟน

 

สายสำหรับชาร์จ จะชาร์จแบตได้ช้าหรือเร็วไม่ได้ขึ้นอยู่กับความยาวหรือสั้น แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ และพฤติกรรมการใช้งาน หากเลือกใช้ได้ถูกวิธีก็จะทำให้ชาร์จได้เร็วและใช้งานได้อย่างปลอดภัย ความยาวของสายอย่างเดียวจึงไม่อาจบอกได้ว่าจะชาร์จได้เร็วกว่าหรือช้ากว่านั่นเอง