หน้าแรก คู่มือเลือกซื้อสินค้า หูฟัง ถ้าใช้งานนานๆ มีผลข้างเคียงอย่างไร

หูฟัง ถ้าใช้งานนานๆ มีผลข้างเคียงอย่างไร

3625
ผลข้างเคียงของการใช้หูฟังเป็นระยะเวลานานคืออะไร

หูฟัง แม้จะเป็นอุปกรณ์สำหรับพกพาขนาดเล็กที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานได้เป็นอย่างดี แต่หากใช้งานมากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่ใช้ติดต่อกันวันละหลายชั่วโมงหรือเสียบใช้งานข้ามคืน วันนี้จึงมีข้อเสียและผลข้างเคียงในการใช้งานมาฝากกัน ว่าส่งผลเสียอะไรต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

ผลเสียและผลข้างเคียงของการใช้หูฟังติดต่อกันเป็นเวลานาน

การใช้ Earphone ในแต่ละวันไม่ใช่แค่การเปิดดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม แต่ยังรวมถึงการเสียบใช้งานระหว่างที่มีการโทรเข้าหรือโทรออกด้วย ทำให้เราใช้งานติดต่อกันละหลายชั่วโมงไปแบบไม่รู้ตัว หลายคนบอกว่าใช้ดูหนังแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นแปลว่าวันนี้เราใช้งานไปแล้วประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง ไม่รวมการเสียบฟังเพลงระหว่างที่เดินทางหรือใช้เป็นสมอลทอร์คในการคุยโทรศัพท์ ด้วยพฤติกรรมที่หลีกเลี่ยงได้ยากแบบนี้จึงส่งผลเสียต่อสุขภาพไปแบบไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน โดยจะทำให้หูอื้อและหูตึง เนื่องจากในขณะที่เสียบใช้งานนั้นเราเปิดด้วยความดัง ความดันคลื่นเสียงจึงเข้าไปทำลายเซลล์ในขนหูและประสาทหู ทำให้ประสาทการรับสัญญาณลดลง ส่งผลให้ไม่ค่อยได้ยิน หรือได้ยินเบาลง และทำให้หูอื้อ หูตึง และสูญเสียการได้ยินในที่สุด

ผลข้างเคียงจากการใช้งานเป็นเวลาที่สังเกตได้ชัดคือ จะพูดดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากตัวเองได้ยินเสียงคนอื่นเบาลงจึงพูดดังขึ้นเพื่อให้คนอื่นได้ยินเสียงตัวเอง โดยหลงคิดไปว่าระดับเสียงที่พูดนั้นเป็นระดับปกติ แต่ความจริงแล้วเป็นระดับที่ดังขึ้นกว่าปกติ สังเกตได้จากคนรอบตัวว่ามีคนทักว่าคุณพูดเสียงดังขึ้นผิดปกติหรือไม่ จากนั้นจะเริ่มมีอาการได้ยินเสียงวิ้ง ๆ ในหู หรือมีอาการหูอื้อ บางครั้งก็รู้สึกหูอื้อไปชั่วขณะ หรืออาจจะได้ยินเสียงอู้อี้อยู่ในหู และที่แรงขึ้นคือ จะทำให้สูญเสียการทรงตัวหรือมีอาการมึนงง ความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นไม่ปกติ ส่งผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

หูฟัง-ผลข้างเคียง1

การใช้งานอย่างปลอดภัยและประเภทที่ปลอดภัยสำหรับหู

Earphone ที่นิยมใช้ปัจจุบันนี้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ แบบ In – Ear แบบ Earbud และแบบ Headphone โดยแต่ละแบบมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันดังนี้

In – Ear

เป็นชนิดที่นิยมใช้งานกันมากที่สุด เพราะจุดเด่นของ In – Ear คือ ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดี โดยจะมีจุกยางครอบอยู่ เมื่อใส่เข้าไปในรูหูจึงช่วยตัดเสียงภายนอกได้ ทำให้ฟังเพลงหรือใช้งานได้อย่างชัดเจน คมชัดในคุณภาพเสียงและเก็บรายละเอียดของเสียงได้ดี

Earbud

เป็นแบบครอบหู โดยจะไม่ได้มีจุกยางใส่เข้าไปในรูหูเหมือนแบบ In – Ear ให้เสียงได้ดี แต่จะมีเสียงภายนอกแทรกเข้ามาระหว่างการใช้งาน เนื่องจากมีช่องว่างในการรับเสียง ออกแบบมาให้แบนกว่า In – Ear แต่ใส่แล้วสบายหูกว่า

Headphone

เป็นแบบครอบหู เป็นชนิดที่ให้เสียงได้ดีและช่วยถนอมหู ไม่ทำให้ปวดหูเมื่อใช้งาน ตัดเสียงรบกวนได้ระดับหนึ่ง แต่มีลักษณะที่ค่อนข้างใหญ่

หูฟัง-ผลข้างเคียง

วิธีการใช้งานอย่างปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสุขภาพหู

ไม่เปิดเสียงดังจนเกินไป

ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ไม่ควรเปิดใช้งานดังจนเกินไป เพราะจะทำให้ติดนิสัยการฟังเพลงเสียงดัง และก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น หูตึง ที่จะทำให้เราเปิดเพลงดังขึ้นเรื่อย ๆ แบบไม่รู้ตัว อีกทั้งการเปิดเสียงดัง ๆ เสียงเครื่องดนตรีและเบสยังไปรบกวนระบบการทำงานของประสาทหูด้วย

ไม่ใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน

ควรใช้ติดต่อกันไม่เกินวันละ 3 ชั่วโมง เพราะหากใช้งานติดต่อกันนานเกินไปจะทำให้หูอื้อ เพราะในระหว่างที่ใช้งานเรามักจะยัดเข้าไปเต็มรูหูเพื่อให้ได้ยินชัด ๆ จนลืมว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นการทำลายสุขภาพหู

ไม่ใช้งานขณะขับรถหรือบนท้องถนน

มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้งจากการใช้งานขณะที่อยู่บนท้องถนนอย่างการขับรถหรือข้ามถนน เพราะทำให้ไม่ได้ยินเสียงภายนอกหรือสัญญาณเตือนต่าง ๆ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ

หลีกเลี่ยงการใช้งานในพื้นที่มีคนเยอะ

ยิ่งเวลาอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ ๆ ยิ่งควรระวังตัวและฟังเสียงคนรอบข้าง เพื่อป้องกันตัวเองจากกรณีฉุกเฉินอาจเกิดขึ้น เพื่อจะได้ตั้งตัวทันและเอาตัวรอดได้

Earphone ไม่ว่าจะมีราคาถูกหรือแพงก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เหมือนกันหากเราใช้งานไม่ถูกวิธี ทางที่ดีหันมาใช้งานกันอย่างถูกวิธีเพื่อสุขภาพหูที่ดีและการใช้งานที่ยาวนานจะดีกว่า