
เชื่อว่าหลายคนมีข้อสงสัยว่า เหล็กดำ กับ เหล็กกัลวาไนซ์ มีข้อแตกต่างกันอย่างไร และจะเลือกซื้ออย่างไรให้ถูกต้อง เพราะมองเพียงภายนอกไม่รู้แน่ชัด ว่าเหล็กแบบไหนจะตอบโจทย์โครงสร้างได้ดีกว่ากัน หากจะมองถึงเรื่องป้องกันสนิม เหล็กทั้งสองแบบก็มีสรรพคุณที่ช่วยป้องกันได้ แต่แตกต่างกันในเรื่องของดีไซน์ที่เป็นสีเทากับสีดำ ส่วนเรื่องราคาก็ผันผวนไปตามตลาดโลก ดังนั้นก่อนฝ่ายจัดซื้อ หรือใครที่กำลังอยากได้เหล็กคุณภาพดี ก็ต้องพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกซื้อนั่นเอง อย่ามัวเสียเวลา ลองไปทำความรู้จักกับเหล็กทั้ง 2 ชนิดกัน
ลองไปทำความรู้จัก เหล็กดำ กับ เหล็กกัลวาไนซ์
เหล็กดำ คืออะไร
เหล็กดำ หรือที่หลายคนเรียกว่า เหล็กท่อดำ , เหล็กกล่อง มีลักษณะเป็นท่อเหล็กที่มีน้ำหนักเบา ตะเข็มมีความเรียบ และมีความแข็งแรงทนทาน พร้อมรับแรงดันได้สูง จึงตอบโจทย์การใช้งานในระบบและงานโครงสร้าง อีกทั้งเหล็กดำ ถูกผลิตขึ้นด้วยการหล่อ หรือนำมารีดขึ้นรูปโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการจุ่มร้อน และไม่ต้องเคลือบกันสนิม ส่งผลให้มีความแตกต่างในเรื่องของต้นทุนการผลิต นอกจากนี้เหล็กดำยังได้รับความนิยม และจัดเป็นเหล็กที่ได้รับมาตรฐาน มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย รวมทั้งมีมาตรฐาน มอก. รับรองผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน ใช้งานได้แน่นอน
เหล็กกัลวาไนซ์ คืออะไร
เหล็กกัลวาไนซ์ เป็นเหล็กที่ผ่านกระบวนการนำสังกะสีมาชุบเคลือบตัวเหล็ก เพื่อป้องกันการเกิดสนิม พร้อมทั้งมีส่วนผสมของซิงค์ เพื่อช่วยให้ทนทานต่อการกัดกร่อนของสนิม อีกทั้งมีน้ำหนักที่เบามาก เหมาะสำหรับการใช้งานภายนอกอาคาร หรืองานโครงสร้างที่ต้องโชว์ผิวของวัสดุ ส่วนความหนาของเหล็กชนิดนี้ จะมีการปรับเพิ่มความหนาขึ้น ตั้งแต่ 0.8 มม. ไปจนถึง 2.9 มม. เพื่อให้เหล็กมีความใกล้เคียงกับเหล็กดำมากที่สุด ส่วนการใช้งานนิยมนำไปเป็นโครงสร้างหลังคา และโครงสร้างขนาดเล็ก เป็นต้น
เหล็กดำ และ เหล็กกัลวาไนซ์ ต่างกันอย่างไร?
แน่นอนว่าทั้งเหล็กดำ และเหล็กกัลวาไนซ์มีความแตกต่างกันหลายเรื่อง ที่เห็นชัดเจนสิ่งแรก คือสีของผิวเหล็ก โดยเหล็กกัลวาไนซ์จะเป็นสีขาวเงิน เพราะผ่านกระบวนการเคลือบสังกะสี ช่วยให้ทนต่อการเกิดสนิม ใช้งานภายนอกอาคารได้แบบสบายๆ ส่วนเหล็กดำ ตัวเหล็กจะเป็นสีดำ ผ่านการเคลือบสารกันสนิม ส่วนเรื่องความแข็งแรง เหล็กดำจะรองรับน้ำหนัก และถ่ายเทได้ดีกว่า ทำให้ถูกนำมาใช้ในโครงสร้างหลักที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ นั่นเอง ดังนั้นอธิบายง่ายๆ งานเล็กๆ ป้องกันสนิมได้ดี ต้องกัลวาไนซ์ แต่หากงานใหญ่เน้นความแข็งแรง ต้องเหล็กดำ
เหล็กกัลวาไนซ์แบบกล่องจะมีค่าเฉลี่ยของ Yeild Strenght ประมาณ 2500 ksc หรือ 245 MPa และ มีค่า Tensile Strenght ที่ 4000 Ksc หรือ 400 MPa โดยจะมีอายุการใช้งานของเหล็กกัลวาไนซ์จะทนทานกว่า 15-20 ปี
เหล็กรูปพรรณ หรือ เหล็กกล่องดำ จะมีค่าเฉลี่ยของ Yeild Strenght ตำสุดประมาณ 2500 ksc หรือ 245 MPa ถึง 4000ksc/400 Mpa หรือมากกว่าตามประเภทและความหนา และ มีค่า Tensile Strenght ที่ 4500 Ksc หรือ 450 MPa ขึ้นไป ดังนั้นโครงสร้างขนาดใหญ่หรือโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักอาคารสูงจึงเลือกใช้ เหล็กรูปพรรณที่ได้รับมาตราฐาน
เปรียบเทียบราคาของเหล็กดำ และเหล็กกัลวาไนซ์
มาพูดถึงเรื่องราคากันบ้าง หากอิงจากราคาตลาดโลก ตัวเลขจะมีการผันผวนอย่างแน่นอน ทำให้เหล็กดำและเหล็กกัลวาไนซ์มีราคาที่ปรับขึ้นลงตลอดเวลา แต่ที่แน่ๆ คือเหล็กกัลวาไนซ์มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเหล็กดำ อีกทั้งยังมีราคาต่อกิโลกรัมสูงกว่าเหล็กดำ อยู่ที่ 15-25% ขึ้นอยู่กับขนาด และความหนาของเหล็ก แต่เหล็กกัลวาไนซ์ที่ขนาดไม่เกิน 1.2 มม. จะมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเหล็กกัลวาไนซ์ที่มีความหนาเกิน 1.20 มม. ส่วนเรื่องการทำสี เหล็กกัลวาไนซ์จะคุ้มกว่า เพราะผ่านการเคลือบสังกะสีมาแล้ว ต่างจากเหล็กดำที่ต้องทำสีบางจุด ส่งผลให้ต้องจ้างช่างเพิ่มเติม จึงไม่แปลกที่หลายๆ คนจะแนะนำให้ใช้เหล็กกัลวาไนซ์ เพราะถูกกว่า แถมพร้อมใช้งานกว่าด้วย
คำถามที่พบบ่อย
Q : เหล็กกัลวาไนซ์ กับ เหล็กดำ ราคาเท่าไหร่บ้าง?
A : เหล็กกัลวาไนซ์ ราคาเริ่มต้นที่ 195 บาท ส่วนเหล็กดำ ราคาเริ่มต้นที่ 183 บาท แล้วแต่ขนาด
Q : เหล็กกัลวาไนซ์ สามารถ เชื่อมได้ไหม?
A : เหล็กกัลวาไนซ์ เชื่อมได้ เหมาะสำหรับการใช้งานภายนอกอาคาร หรืองานโครงสร้างที่ต้องโชว์ผิวของวัสดุ
Q : มี เหล็กกัลวาไนซ์ ขนาดไหนบ้าง?
A : มีตั้งแต่ขนาด 1″ x 1″ x 0.80mm. – 1″ x 1″ x 2.30mm. สามารถเลือกตามขนาดที่ต้องการใช้งานได้
หวังว่าข้อมูลที่เรานำมาฝาก จะช่วยให้ทุกคนเห็นความแตกต่างของเหล็กดำ และเหล็กกัลวาไนซ์มากขึ้น แต่ก่อนจะเลือกใช้ ต้องศึกษาข้อมูลแต่ละโครงสร้างให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะเหล็กแต่ละชนิด มีข้อดี ข้อเสียคนละแบบ และหากเลือกใช้ผิดประเภทก็อาจส่งผลต่อโครงสร้างนั้นๆ แต่หากเลือกซื้อที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ผู้รับเหมา และช่าง ทำงานได้ง่าย อีกทั้งคุณจะได้ของดีมีคุณภาพ ช่วยประหยัดเวลา และทำให้โครงสร้างแข็งแรงตามต้องการ พร้อมทั้งจบงานไวมากยิ่งขึ้นด้วย
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสนใจสั่งซื้อ สามารถติดต่อผ่านช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
- Facebook : วัสดุก่อสร้างราคาส่งและเครื่องมือก่อสร้าง แบรนด์ A+
- Youtube : APLUS WATSADU
- Line : Watsadu4u
- Website : https://www.aprimeplus.com/
- E-mail : info@aprimeplus.com
- โทร. : 095-598-2658