ไขข้อสงสัย ตู้เย็นระเบิดเกิดได้จริงหรือ? มีสาเหตุจากอะไร?

ข่าว ตู้เย็นระเบิด หรือคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นระเบิด ที่หลายคนอาจเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง ทั้งที่เกิดในบ้านเราและในต่างประเทศ นั้นมีความรุนแรงในระดับที่สามารถทำให้ทรัพย์สินเสียหาย เกิดเพลิงไหม้ หรือทำให้ใครบาดเจ็บได้เลย ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่มันก็สร้างความวิตกในการใช้เจ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้อยู่ใช่ไม่น้อย ดังนั้นวันนี้เราจะมาช่วยลดความกังวลใจ โดยเริ่มจากการรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้มันเกิดระเบิด เพื่อหาวิธีหลีกเลี่ยงลดความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดฝันนี้

ตู้เย็นระเบิดมีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง เกิดขึ้นได้อย่างไร

ใครจะไปคิดว่าตู้เย็นที่เราใช้กันอยู่ดี ๆ นั้น วันหนึ่งจะสามารถระเบิดออกมาได้ โดยมีสาเหตุที่เป็นไปได้หลายอย่าง ดังนี้

• คอมเพรสเซอร์ระเบิด สำหรับกรณีที่คอมเพรสเซอร์ระเบิดจะพบได้ที่ด้านหลังของตู้เย็น และเป็นเคสที่มักเป็นสาเหตุของตู้เย็นที่ระเบิดในข่าว ซึ่งเกิดจากคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไปหรือได้รับความร้อน แต่หากระเบิดขึ้นส่วนมากแล้วจะไม่เกิดการลุกไหม้หรือประกายไฟขึ้น เพราะน้ำมันคอมเพรสเซอร์นั้นไม่มีสถานะในการนำพาไฟจึงไม่ทำให้ไฟติด นอกเสียจากว่าจะเจอกับสารที่ทำให้ไฟติดอย่างออกซิเจนบริสุทธิ์ที่พบได้บ่อยจากการตกค้างในการนำมาใช้ทดสอบรอยรั่วของท่อน้ำยาคอมเพรสเซอร์ในตู้เย็น เมื่อเกิดการสันดาบขึ้นจึงทำให้ระเบิดตู้มออกมาได้นั่นเอง
• เกิดจากแรงดันของก๊าซหรือแอลกอฮอล์ เราอาจได้ยินกันมาบ้างแล้วว่าไม่ควรนำเครื่องดื่มที่อัดก๊าซหรือแอลกอฮอล์แช่ช่องฟรีซ เพราะอาจทำให้ระเบิดได้ และนั่นเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง เนื่องจากแรงดันของก๊าซในเครื่องดื่มนั้นมีอยู่มาก ยิ่งหากมีหลายขวดก็จะยิ่งเพิ่มความแรงขึ้น หากนำไปแช่ในช่องฟรีซจึงสามารถทำได้ระเบิดได้ เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไวน์ ฯลฯ ทั้งนี้ยังรวมถึงการปิดฝาเครื่องดื่มไม่สนิทหรือการที่ขวดเครื่องดื่มมีการกระทบกระแทกกันจนเกิดแรงดันขึ้นจนระเบิดออกมา จึงควรหลีกเลี่ยงการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ หรือน้ำหอมไปแช่ช่องฟรีซ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายและเกิดความเสียหายต่อตนเองและผู้อื่นได้
• ไฟฟ้าลัดวงจร ในกรณีที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจรส่วนมากจะเกิดการลุกไหม้ตามสายไฟและไฟลามมาถึงตู้เย็น เมื่อเกิดการลุกไหม้จึงทำให้ระเบิดได้เหมือนกัน

ภาพจากข่าวตู้เย็นระเบิด ของครอบครัวหนึ่งในรัฐฟลอริด้า สหรัฐฯ จาก FOX13

ข้อควรระวังและสิ่งที่ควรทำในการใช้ตู้เย็น เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ปรับพฤติกรรมการใช้งานที่ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป

หลายต่อหลายครั้งที่เราเผลอตัวใช้งานเจ้าตู้เย็นหนักไป เช่น การอัดแช่ของในตู้จนแน่นเกินไป การแช่ของน้อยปล่อยให้ตู้โล่งเกินไป การนำของร้อนไปแช่เย็น เป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการเพิ่มการทำงานให้ Compressor ในตู้เย็นทำงานหนักขึ้น

ควรเดินสายดิน

หากตู้เย็นของคุณตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สามารถเดินสายดินได้ แนะนำว่าให้เดินสายดินไว้เพื่อความปลอดภัยเพราะช่วยป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรได้ และช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยปกติถ้าสมัยนี้ปลั๊กส่วนใหญ่ในบ้านจะเป็นแบบ 3 ตา ที่มีขาที่ 3 เอาไว้เชื่อมต่อกับสายดินนั่นเอง

ตั้งตู้เย็นให้เหนือระดับน้ำ

สำหรับบ้านที่อยู่ใกล้น้ำ หรือมีน้ำท่วมถึงแนะนำว่าให้ยกระดับตู้เย็นขึ้น โดยใช้ขารองตู้เย็นเพื่อช่วยยกระดับขึ้นให้เหนือน้ำ

ไม่สัมผัสตู้เย็นหากมือเปียก

หากมือเปียกหรือตัวเปียกไม่ควรสัมผัสตู้เย็น เช่น การไปจับที่ด้านข้างของตู้เย็น ถอดปลั๊กตู้เย็น หรือการเปิดใช้งานเพราะอาจทำให้ไฟดูดได้หากมีรอยรั่วเกิดขึ้น

ไม่กระตุกปลั๊กตู้เย็น

ในการดึงปลั๊กตู้เย็นควรจับที่ตัวจับปลั๊ก ไม่ควรกระตุกจากสายไฟเพราะอาจทำให้สายไฟขาดในและอาจทำให้เกิดไฟรั่วได้

ไม่เปลี่ยนอะไหล่หรือซ่อมตู้เย็นด้วยตัวเอง

หากไม่มีพื้นฐานในการซ่อมตู้เย็นไม่ควรเปลี่ยนอะไหล่หรือซ่อมตู้เย็นด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้สายไฟรั่วขาดระหว่างซ่อมได้ หรือทำให้เกิดการรั่วของสารทำความเย็นเป็นต้น

ไม่ใช้น้ำล้างตู้เย็น

การล้างตู้เย็นควรใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดบิดให้แห้งเช็ดตู้เย็น หรือเช็ดกำจัดกลิ่นด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ ไม่ควรใช้น้ำล้างตู้เย็นหรือนำร้อนมาราดในตู้เย็น เพราะอาจทำให้เกิดรอยรั่วได้ และที่สำคัญคือไม่ควรน้ำยาที่มีสารเคมีมาเช็ดทำความสะอาดตู้เย็น

ปิดตู้เย็นให้สนิททุกครั้ง

เพราะหากปิดตู้เย็นไม่สนิทจะทำให้ความร้อนเข้าไปด้านใน ส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น ทำให้น้ำแข็งละลาย ทำให้ของในตู้เย็นไม่เย็นและทำให้กินไฟ

ควรเสียบปลั๊กกับเต้ารับโดยตรง

ไม่ควรเสียบปลั๊กตู้เย็นกับปลั๊กสามตาหรือใช้ร่วมกับปลั๊กอื่น ควรเสียบเขากับเต้ารับหลักโดยตรง

ไม่ควรเก็บของที่มีสารเคมีหรือวัตถุไวไฟไว้ในตู้เย็น

เช่น สีหรือยาบางชนิด สารไวไฟ น้ำหอมที่ไม่มีฝาปิดสนิท เป็นต้น เพราะอาจทำให้เกิดการระเบิดได้ 

ไม่เสียบปลั๊กตู้เย็นทิ้งไว้ขณะที่กระแสไฟฟ้าขัดข้อง

หากไฟตกหรือไฟดับควรถอดปลั๊กตู้เย็นออกทันทีเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้า และควรเสียบใช้งานใหม่หลังจากที่ไฟมาแล้วอย่างน้อย 10 นาที

หมั่นเช็คความผิดปกติของตู้เย็น

ถ้าเกิดวันใดที่ตู้เย็นที่เราใช้งานอยู่มีอาการแปลกไป เช่น มีเสียงดังมากกว่าที่เคย มีความร้อนมากบริเวณข้างตู้เยอะเกินไป หรือมีกลิ่นอะไรแปลก ๆ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณถึงความไม่ปกติก็ได้ ซึ่งเราไม่ควรนิ่งนอนใจ ทางที่ดีอาจลองตามช่างมาช่วยดูอาการให้ดีกว่า

เป็นอย่างไรบ้างคะ ไม่ใช่ว่าอ่านบทความนี้จบแล้วยิ่งกลัวมากขึ้นกว่าเดิมนะ ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเลย บรรดาตู้เย็นที่นำมาวางขายในตลาดตอนนี้ เค้าผ่านการตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยกันมาหมดแล้วก่อนจะเอามาขายได้ แต่ถ้าเอาให้สบายใจสุด ๆ ก็ควร ขอแนะนำว่าเวลาเลือกซื้อตู้เย็น ควรดูยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือและดูเรื่องการรับประกันบริการหลังการขายประกอบด้วย