
เครื่องกรองน้ำ เป็นของใช้ในบ้านที่นิยมซื้อกันมากขึ้นในสมัยนี้ เพราะเป็นอุปกรณ์ช่วยผลิตน้ำสะอาดใกล้ตัวที่สามารถเรียกใช้งานได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นน้ำกินหรือน้ำใช้ ผลิตขึ้นมาหลายแบบหลายขนาด ช่วยกรองเชื้อโรคและสิ่งตกค้างต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความสะอาดของน้ำก็ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ภายในกรองน้ำที่เลือกใช้ด้วย ว่ามีการดูแลรักษาอย่างไรและเปลี่ยนไส้กรองตามระยะที่กำหนดหรือไม่
ทำความรู้จักกับไส้เครื่องกรองน้ำแต่ละชนิด ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ดี
ไส้กรองน้ำเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญของเครื่องกรอง เพราะทำหน้าที่ในการดักจับสิ่งสกปรกและสารตกค้างต่าง ๆ เอาไว้ เพื่อให้ได้น้ำสะอาดออกมา และด้วยหน้าที่การทำงานที่หนักนี้ไส้กรองจึงมีอายุการใช้งานที่จำกัด โดยไส้กรองแต่ละชนิดจะมีอายุการใช้งานที่ไม่เท่ากัน ในการใช้งานจึงควรตรวจสอบว่าไส้กรองของตนเองเป็นแบบไหนและเปลี่ยนตามอายุการใช้งานที่กำหนด ดังนี้
- ไส้กรองโพลีโพรพีลีน หรือไส้กรอง PP มีอายุการใช้งานประมาณ 6 – 9 เดือน
- ไส้กรองคาร์บอนหรือไส้กรอง CTO มีอายุการใช้งานประมาณ 6 – 9 เดือน
- ไส้กรองเรซิ่น มีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี
- ไส้กรองเซรามิก มีอายุการใช้งานประมาณ 12 – 18 เดือน
- ไส้กรองเชือก มีอายุการใช้งานประมาณ 3 – 5 เดือน
- ไส้กรองเมมเบรน มีอายุการใช้งานประมาณ 12 – 18 เดือน
- ไส้กรองด้านพัน มีอายุการใช้งานประมาณ 3 – 5 เดือน
- ไส้กรองคาร์บอนชนิดเกล็ด T33 (Carbon inline) มีอายุการใช้งานประมาณ 6 – 12 เดือน
- ไส้กรอง ยู เอฟ เมมเบรนด์ (UF) (Ultra Filter) มีอายุการใช้งานประมาณ 6 – 12 เดือน
การเปลี่ยนไส้กรองตรงตามเวลาที่กำหนดช่วยให้เครื่องกรองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ไส้กรองทำงานได้ดีและสามารถดักจับสิ่งแปลกปลอม สารพิษ หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้น้ำที่กรองออกไปเป็นน้ำที่สะอาดและดีต่อสุขภาพ การเปลี่ยนไส้กรองน้ำตรงตามเวลาจึงเป็นสิ่งที่ดีและควรทำ เพราะถึงแม้ไส้กรองจะสามารถใช้งานต่อได้และทำหน้าที่กรองน้ำได้เหมือนเดิมแต่ก็ใช่ว่าน้ำที่กรองออกมานั้นจะเป็นน้ำที่สะอาด 100% ทางที่ดีเปลี่ยนตรงเวลาเอาไว้จะดีกว่า เพราะมีราคาไม่แพงและใช้เวลาเปลี่ยนไม่นาน อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพด้วย
การดูแลรักษาเครื่องกรองและข้อควรระวังในการใช้งาน
1. ทำความสะอาดเครื่องกรองและอุปกรณ์อย่างถูกวิธี
ไส้กรองน้ำแต่ละชนิดมีการทำความสะอาดไม่เหมือนกัน เนื่องจากใช้วัสดุที่ต่างกัน เช่น ไส้กรอง PP ใช้วัสดุ Polypropylene เป็นเทอร์โมพลาสติกโพลิเมอร์เรซินชนิดหนึ่ง การทำความสะอาดจึงต้องอุปกรณ์ที่อ่อนโยนต่อผิวพลาสติก เช่น แปรงขนอ่อน หรือฟองน้ำขัดเบา ๆ
2. ตั้งระดับการกรองให้เหมาะสม
ควรควมคุมอัตราการทำงานของเครื่องกรองให้อยู่ในค่ามาตรฐานและเหมาะสมเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ดีในการทำงาน
3. ล้างกระบอกไส้กรองอยู่เสมอ
นอกจากไส้กรองน้ำแล้วกระบอกไส้กรองก็เป็นสิ่งที่ควรหมั่นทำความสะอาดเช่นกัน เพราะสารพิษหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ไส้กรองกรองออกจะไปสะสมอยู่ที่กระบอกไส้กรอง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำความสะอาดจะทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียสะสม กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและส่งกลิ่นเหม็น ส่งผลให้ไส้กรองทำงานได้ไม่ดีและมีโอกาสติดเชื้อโรคได้
4. ไม่ใช้งานเมื่อไส้กรองหมดอายุ
ไส้กรองที่หมดอายุก็เหมือนไส้กรองที่ไม่มีคุณภาพ การใช้งานต่อโดยที่ไส้กรองหมดอายุก็เหมือนการปล่อยน้ำสกปรกออกมาโดยที่ไม่ได้กรองนั่นเอง
5. หมั่นสังเกตความผิดปกติอยู่เสมอ
ควรตรวจสอบการทำงานของเครื่องกรองและหมั่นสังเกตการทำงานของเครื่องกรองอยู่เสมอว่ามีการทำงานที่ผิดปกหรือไม่ เช่น ส่งเสียงดังเวลาทำงาน มีสิ่งสกปรกออกมาจากน้ำ น้ำมีกลิ่น น้ำเปลี่ยนสี และอาการอื่น ๆ
เครื่องกรองจะใช้ได้นานแค่ไหนหรือกรองน้ำได้สะอาดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษา หากใช้งานอย่างถูกวิธีและเปลี่ยนอุปกรณ์ตามระยะเวลาที่กำหนด ก็จะช่วยให้คุณประโยชน์จากเครื่องกรองได้อย่างเต็มที่ ได้น้ำที่สะอาดและปราศจากสิ่งตกค้างมาใช้หรือดื่ม หากท่านใดที่มีเครื่องกรองอยู่ที่บ้านแต่ไม่เคยเปลี่ยนไส้กรองเลย ก็ลองตรวจสอบดูว่าไส้กรองของคุณเป็นแบบไหน แล้วมาเปลี่ยนไส้กรองให้ตรงเวลาและดูแลให้ดีจะดีกว่า
บทความที่เกี่ยวข้อง