
เครื่องซักผ้าไม่ว่าจะแบรนด์ไหนยี่ห้ออะไร หรือราคาสูง ฟังก์ชันเยอะแค่ไหนก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วก็คือเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้านชิ้นหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าก็ย่อมไม่แตกต่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นอื่น คือ ต้องมีโอกาสเสียและชำรุดได้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีขีดจำกัดหรืออายุการใช้งานของมันเอง หลายคนที่กำลังต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนี้มาไว้ในบ้านหรือในห้องของตนเอง คงอยากจะรู้กันแล้วแน่ ๆ ว่าเจ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยให้ผ้าสะอาดได้แบบไม่ต้องเปลืองแรงนี้ จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณอยู่ที่เท่าไหร่ งั้นเราไปหาคำตอบกันเลย
อายุการใช้งานไม่ธรรมดา เพราะใช้งานได้นานร่วม 10 ปีเหมือนกัน
เครื่องสำหรับซักผ้าไม่ว่าจะรุ่นความจุมากหรือน้อย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องฝาหน้าหรือฝาบนก็ตาม อายุการใช้งานและความทนทานโดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 10 ปี ซึ่งอายุการใช้งานขนาดนี้ก็จัดว่าทนทานไม่ธรรมดาทีเดียว หากใช้งานได้นานขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว แต่อย่างไรก็ดีจะมากกว่า 10 ปี หรือน้อยกว่า 10 ปีได้ไหม แน่นอนว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น เรื่องของอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดนั้นมีปัจจัยสำคัญที่เหมือนกันนั่นคือ เรื่องของวิธีการใช้งาน หากคุณใช้งานได้ถูกวิธี มีการดูแลรักษา ทำความสะอาดและใช้งานอย่างถนอม เป็นไปได้ว่าเครื่องจะสามารถใช้งานได้นานกว่า 10 ปี ขึ้นไป ในทางกลับกัน ถ้าคุณใช้งานต่อเนื่องอย่างหนัก ไม่มีการดูแลรักษา ไม่เคยทำความสะอาดหรือเช็ดถูตัวเครื่องเลย เครื่องก็ย่อมจะเสื่อมสภาพหรือผุพังเร็วขึ้น ทำให้อายุการใช้งานอาจจะสั้นกว่า 10 ปีได้เหมือนกัน ดังนั้น เครื่องจะทนทานหรือไม่ก็อยู่ที่พฤติกรรมการใช้งานของคุณและคนในบ้านด้วย
อยากให้เครื่องซักผ้ามีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ก็ควรเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้
หากคุณต้องการให้เครื่องสำหรับซักผ้าที่คุณซื้อมาทนทานมีความอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น คุณก็ควรระวังพฤติกรรมการใช้งานบางอย่าง ซึ่งพฤติกรรมที่ควรระวังเพราะจะทำให้เครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นมีดังนี้
ไม่เคยถอดถุงกรองฝุ่นออกมาซักเลยสักครั้ง
ถุงกรองฝุ่นเป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ ที่คนมักมองข้าม แต่ก็มีความสำคัญมาก หากไม่ถอดออกมาซักล้างทำความสะอาดบ้างเลย ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการซักล้างด้อยลงไปบ้าง เพราะระบบการซักจะไม่สามารถกำจัดสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคออกไปได้ นั่นทำให้ซักออกมาแล้วผ้าก็ไม่สะอาด เมื่อผ้าไม่สะอาดก็ต้องมีการซักใหม่ เครื่องก็จะต้องทำงานหนักขึ้น อีกทั้งฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อยู่ในถุงกรองฝุ่นอาจเล็ดลอดเข้าไปในระบบเครื่องและอาจทำให้การทำงานของเครื่องบกพร่องได้
ไม่เคยล้างถังซักด้วยน้ำร้อนเลย
เครื่องรุ่นใหม่ในปัจจุบันบางรุ่นมีระบบล้างถังซักด้วยน้ำร้อน ลองเปิดใช้บ้างก็ได้ เพราะน้ำธรรมดานั้นอาจไม่สามารถกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างในเครื่องออกไปได้หมด ถังซักสะอาดก็จะไม่มีการอุดตัน
ไม่เคยปรับโหมดหรือโปรแกรมการซัก
เครื่องบางรุ่นมีโปรแกรมการซักมาให้เป็น 10 รูปแบบ แต่บางคนไม่เคยใช้เลย โปรแกรมการซักนั้นมีความจำเป็น เพราะผ้าแต่ละชนิดจะมีเนื้อผ้าต่างกันไป การซักจึงต้องไม่เหมือนกัน การปรับโหมดการซักนั้นก็เพื่อเป็นการถนอมผ้า และในขณะเดียวกันก็เป็นการถนอมเครื่อง เพราะไม่ต้องทำให้เครื่องต้องทำงานหนักมากเกินไปโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
ซักผ้าเยอะและบ่อยเกินไป
บางคนนาน ๆ ซักผ้าทีก็มาแบบจัดเต็มยัดใส่แบบเต็มเครื่องในครั้งเดียว จนแทบจะเกินความจุของเครื่อง แบบนี้จะทำให้เครื่องเสื่อมเร็ว ส่วนบางคนก็ใช้วิธีซักต่อเนื่องซึ่งแบบนี้ก็ไม่ดีเหมือนกัน เพราะเครื่องจะทำงานต่อเนื่องจนร้อนทำให้เครื่องเสื่อมเร็วขึ้นอีก
พฤติกรรมการใช้งานในลักษณะเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณควรจะต้องพึงระวัง ถ้าหลีกเลี่ยงได้ คุณก็จะได้เครื่องที่อยู่ทนทานนานปีอย่างที่คุณต้องการ
เครื่องซักผ้า จะอยู่ได้นานซักได้ทนนานร่วม 10 ปีอย่างที่คุณต้องการ ปัจจัยสำคัญจึงอยู่ที่คุณที่เป็นผู้ใช้งานว่ามีพฤติกรรมการใช้งานอย่างไร มีการดูแลถนอมเครื่องและบำรุงรักษาเครื่องก่อนใช้และหลังใช้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นตัวกำหนดอายุการใช้งานของเครื่องทั้งสิ้น ดังนั้น ถ้าคุณต้องการให้เครื่องที่คุณซื้อหรือกำลังจะซื้อสามารถใช้งานได้นานเป็น 10 ปี ก็ต้องเริ่มที่การศึกษาการใช้งานตัวเครื่องอย่างละเอียด และวางแผนการซักผ้าในแต่ละครั้งให้รอบคอบ ดูว่าต้องซักบ่อยแค่ไหน ผ้าที่ซักเป็นอย่างไร ต้องเปลี่ยนโปรแกรมการซักให้เหมาะสมหรือไม่ ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการช่วยถนอมเครื่องและยืดอายุการใช้งานได้ทั้งสิ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
- วิธีเลือกเครื่องซักผ้า ฝาบน ฝาหน้า ต้องดูอะไรบ้าง? พร้อมวิธีเช็คก่อนช็อป!
- เรื่องน่ารู้ เครื่องซักผ้ามีกี่ขนาด? กิโลกรัมที่ระบุไว้ คืออะไร?
- เครื่องซักผ้า LG 7 kg. ใส่เสื้อผ้าในถังได้แค่ไหน?
- เครื่องซักผ้า 2 ถัง มีวิธีซักผ้าและปั่นผ้า อย่างไร
- วิธีแก้เครื่องซักผ้าฝาหน้าเปิดฝาไม่ได้ แก้ง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งช่าง