น้ำหอม เป็นเครื่องสำอางชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้เราดูน่าหลงใหลมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่จำเป็นจะต้องพบปะผู้คนบ่อย ๆ หรือผู้ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน เพราะว่าจะช่วยเสริมบุคลิกภาพโดยรวม สร้างความโดดเด่นให้ผู้คนจดจำ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณได้อีกด้วย โดยแต่ละยี่ห้อที่เราเห็นตามท้องตลาดนั้นมีมากมายหลายเกรด หลายชนิด แน่นอนว่าราคาก็จะแตกต่างกันออกไป บางขวดราคาเหยียบหมื่นเลยก็มี หรือบางขวดอาจจะราคาไม่แพง แต่คุณภาพเยี่ยมและคุ้มค่าคุ้มราคา ดังนั้นคุณควรจะเลือกให้ดีและเหมาะกับผู้ใช้เป็นสำคัญ มาดูกันว่าน้ำหอมคืออะไร และวิธีเลือกซื้อน้ำหอมให้มีคุณภาพควรดูอะไรบ้าง?

เลือกอ่านตามหัวข้อ

ทำความรู้จักน้ำหอม

ประวัติน้ำหอมจากการอ้างอิงของประวิติศาสตร์ ศิลปะของการทำน้ำหอมได้เริ่มต้นมาจากการค้นพบหลักฐานภาพวาดจิตรกรรมบนผนัง ที่บ่งบอกว่ามีการใช้น้ำหอมกันแล้ว คือในยุคเมโสโปเตเมียหรือชาวอียิปโบราณ ซึ่งคำว่า “Perfume” นั้นมาจากรากศัพท์ของภาษา ละติน ที่แปลว่า “ควัน” ในกรีก (Greek) โบราณ จากเคมีบันทึกการทำน้ำหอมครั้งแรกเป็นผู้หญิงที่ผลิตน้ำหอมโดยการสกัดกลิ่นซึ่งก็เป็นวิธีพื้นฐานสำคัญของการผลิตน้ำหอมจากธรรมชาติ ต่อมานักเคมีชาวเปอร์เซีย ได้แนะนำการสกัดน้ำมันจากดอกไม้โดยวิธีการกลั่นซึ่งก็กลายมาเป็นวิธีที่นิยมที่สุดในปัจจุบัน หลังจากนั่นต่อมาในยุคของชาวโรมันก็ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาน้ำหอมโดยใช้ยางไม้หอม ก็จะมีส่วนผสมระหว่างไม้ประเภท Boswellia และส่วนผสมอื่นๆ จากอินเดีย ซึ่งก็เป็นส่วนผสมใหม่ในการทำน้ำหอมนั่นเอง

 

ระดับความเข้มข้นของน้ำหอม มีกี่แบบ?

ประเภทของน้ำหอมจะบอกถึงความเข้มข้นของน้ำหอม แบ่งน้ำหอมออกเป็น 5 ชนิดหลัก ๆ ตามระดับความเข้มข้นของกลิ่นหอม

  • Perfume คือน้ำหอม ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอม ในสัดส่วนที่ 15-40% น้ำหอมชนิดนี้กลิ่นจะติดทนนานถึง 24 ชั่วโมง ฉีดครั้งเดียวติดทนทั้งวันเลย ไม่ต้องเติมบ่อยด้วย แต่ราคาก็ค่อนข้างแพงเอาเรื่องอยู่นะคะ ในการใช้ก็แต้มเป็นจุดๆ ตามชีพจรเช่น ข้อมือ, หลังหู สำหรับใครที่ไม่ค่อยฉีดบ่อยแนะนำเลยค่ะ หรือใช้ในการออกงานต่างๆ ก็เหมาะเช่นกัน
  • Eau de Perfume ‘EdP’ คือน้ำหอม ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอม ในสัดส่วนที่ 10-20% ระยะเวลาติดทนทานประมาณ 6-8 ชั่วโมง ใช้ไปทำงานหรือไปเรียนก็สบายๆ เลยค่ะ ถึงกลิ่นจะไม่ได้ติดทนนานเหมือนแบบแรก แต่ก็ถือว่าไม่ต้องเติมบ่อย และราคาก็ย่อมเยาว์ลงมาด้วย
  • Eau de Toilette ‘EdT’ คือน้ำหอม ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอม ในสัดส่วนที่ 5-15% รูปแบบนี้จะติดทนนานประมาณ 3 ชั่วโมง เหมาะกับการออกจากบ้านไปทำธุระ, ช้อปปิ้ง ราคาจะอยู่ที่กลางๆ ไม่ได้สูงมาก ราคาพอเอื้อมถึง แต่ถ้าซื้อมาใช้ไปทำงานก็อาจจะต้องเติมบ่อยหน่อยนะคะ เพราะถ้าฉีดตั้งแต่เช้าพอบ่ายๆ กลิ่นก็จะเริ่มจางแล้วค่ะ 
  • Eau de Cologne ‘EdC’ คือน้ำหอม ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอม ในสัดส่วนที่ 3-8% ราคาค่อนข้างถูก ติดทนนานประมาณ 2 ชั่วโมง เติมบ่อยๆ ก็หอมเรื่อยๆ กลิ่นบางๆ แบบนี้เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย กลิ่นเบา สบายๆ 
  • Eau de Solide ‘EdS’ คือน้ำหอม ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอม ในสัดส่วนที่ ~1% ติดทนนานไม่ถึง 1 ชั่วโมง เรียกได้ว่าใช้แต่ล่ะครั้งก็ต้องฉโลมกันเลยทีเดียว ใครขยันเติมอยากซื้อไว้ใช้เวลาพกติดตัว ก็น่าสนใจนะคะ

คุณลักษณะทั่วไปของน้ำหอมที่ดีและมีคุณภาพ

ก่อนอื่นเรามาเข้าใจคุณลักษณะและรายละเอียดต่าง ๆ เสียก่อน เพื่อที่จะได้เข้าใจและรู้วิธีเลือก ซึ่งไม่ใช่แค่ว่าจะต้องมีกลิ่นหอมถูกใจคุณเมื่ออยู่ในขวดเท่านั้น แต่จะต้องเป็นมีคุณภาพดี มีกลิ่นที่ติดทน ไม่จางหายไปง่าย ๆ ระหว่างวัน ไม่ฉุนจนเกินไป และข้อสำคัญก็คือกลิ่นจะต้องไม่เพี้ยนกลายเป็นกลิ่นที่คุณไม่ชอบเมื่อฉีดลงบนร่างกาย

  • ใน 1 ขวดจะมีระดับของกลิ่นที่จะเปลี่ยนไปตามเวลาหลังฉีด หลังจากการฉีดบนร่างกาย กลิ่นที่กระจายออกมาจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ถึง 3 ระดับตามระยะเวลาที่อยู่บนร่างกายของเรา เราจะเรียกระดับเหล่านี้ว่า
    • Top Notes เป็นกลิ่นแรกที่เราสัมผัสได้ 10 – 20 นาทีหลังฉีด มักจะเป็นกลิ่นที่มีความหอมโดดเด่นและเตะจมูก ส่วนผสมหลักๆ จะเป็นกลิ่นจาก มะนาว, ลาเวนเดอร์, มิ้น, โหระพา 
    • Middle Notes จะส่งกลิ่นหอมในช่วง 3 – 6 ชั่วโมงหลังฉีด มักจะเป็นกลิ่นที่อ่อนโยนและนุ่มนวล ควรจะกลมกลืนไปกับกลิ่น ส่วนผสมเช่น อบเชย, กานพลู, กุหลาบ, ดอกส้ม, ไม้โรสวู้ด, คาโมมายส์, ตะไคร้, มะลิ 
    • Base Notes กลิ่นนี้มักจะไม่หวือหวาและหลงเหลือติดอยู่ที่ร่างกายของผู้ใช้เป็นกลิ่นสุดท้าย มีกลิ่นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและกลิ่นเฉพาะตัวของร่างกายของผู้ใช้ เช่น สน, ไม้สนซีดาร์, ขิง, ไม้จันทน์, พิมเสน, วานิลลา

ควรเลือกยี่ห้อที่ไม่มีกลิ่นฉุนติดแน่นตลอด กลิ่นควรจะค่อย ๆ เปลี่ยนผันไปอย่างนุ่มนวล แนะนำว่าลองฉีดกลิ่นที่ชอบและออกไปใช้ชีวิตประจำวัน ลองสังเกตกลิ่นระหว่างวันจนกระทั่งกลับถึงบ้าน หากกลิ่นยังคงอยู่และเป็นกลิ่นที่คุณชื่นชอบ ก็ตัดสินใจซื้อได้เลย

  • น้ำหอมแต่ละชนิด ระยะเวลาการติดบนร่างกายก็ต่างกัน บางท่านอาจจะเข้าใจว่ากลิ่นจะต้องติดทนนานตลอดวัน ไปจนจนถึงข้ามวัน แต่จริง ๆ แล้วเราไม่สามารถนำระยะเวลาที่กลิ่นคงอยู่บนร่างกายของเรามาเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพได้เลย เพราะมีหลายรูปแบบ แบ่งตามความเข้มข้นของหัวเชื้อที่บรรจุอยู่ภายในขวด โดยเริ่มจาก Parfume, Eau de Parfum, Eau de Toilette, Eau de Cologne และ Eau Fraiche โดยความสามารถในการติดทนบนร่างกายของแต่ละชนิดก็ไล่ตั้งแต่ 24, 8, 3, 2 และ 1 ชั่วโมงตามลำดับ ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งเป็นกลิ่นที่ติดนาน ก็ยิ่งบรรจุหัวหัวเชื้อลงในไปในขวดสูงและส่งผลให้ราคาสูงขึ้นไปด้วย ผู้ใช้ควรเลือกชนิดที่เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันของตนเอง แต่หากอยากได้ที่ติดทนที่สุด (ซึ่งได้รับการยอมรับว่าได้รับความนิยมและคุ้มค่าเหมาะกับการใช้งานจริงมากที่สุด) ก็ควรจะเทใจให้แบบ Parfume หรือ Eau de Parfum นั่นเอง
  • ต้องมีกลิ่นหอมที่ผสมผสานกันจนออกมาลงตัว ความหอมที่ได้จะต้องเป็นกลิ่นที่สกัดมาจากวัตถุดิบต่าง ๆ ที่มีกลิ่นหอม นำมาผสมรวมกันอย่างสมดุลและลงตัว ส่วนใหญ่จะผสมกลิ่นของดอกไม้ ผลไม้ ไม้หอม เครื่องเทศ หรือสมุนไพรที่มีกลิ่นสดชื่น เช่น ผลไม้ตระกูลซิตรัสที่เข้ากันกับกลิ่นที่มีความอ่อนโยนนุ่มนวลอย่างกลิ่นมะลิ กุหลาบหรือดอกไม้อื่น ๆ นานาชนิด และกลิ่นที่รุนแรงแต่สุขุมอย่างกลิ่นไม้จันทร์หรือกลิ่นไวท์ มัคค์ และแน่นอนว่ากลิ่นต่าง ๆ มักจะถูกออกแบบให้ส่งกลิ่นออกมาในช่วง Top Notes, Middle Notes และ Base Notes อย่างลงตัว และจะไม่มีกลิ่นส่วนผสมใดที่สามารถทำลายสมดุลของกลิ่นส่วนผสมอื่น ๆ ได้ นี่คือคุณสมบัติที่สำคัญและถูกออกแบบมาโดยนักผสมมืออาชีพเท่านั้น

 

น้ำหอมที่ดีไม่ได้หมายความว่าจะต้องมาจากแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศเท่านั้น เราจะต้องวัดกันที่คุณภาพ ความคงทนของกลิ่นที่อิงตามชนิด และกลิ่นแต่ละระดับที่ส่งออกมาได้อย่างสมดุลและลงตัว แต่เหนือสิ่งอื่นใด กลิ่นจะต้องเหมาะกับตัวผู้ใช้ สามารถตอบโจทย์ความต้องการและเพิ่มเสน่ห์ของผู้ใช้ได้มากที่สุดนั่นเอง

5 เทคนิค วิธีเลือกซื้อน้ำหอมให้โดนใจ ดูอะไรบ้าง?

พอจะเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำหอมกันบ้างแล้วจากข้อมูลด้านบน ใครที่กำลังจะเลือกซื้อน้ำหอมแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดีลองมาดู เช็คลิส 5 ข้อ วิธีเลือกซื้อน้ำหอม ที่เราต้องดูก่อนตัดสินใจซื้อมาฝากกันค่ะ

1. ศึกษาข้อมูล

ในตลาดปัจจุบันน้ำหอมมีเยอะมากหลายแบบจากข้อมูลด้านบนที่เราแนะนำเพื่อนๆ กันไปแล้วนะคะเช่น Parfume, Eau de Parfum, Eau de Toilette, Eau de Cologne และก็หลากหลายแบรนด์มาก ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน   

2. ความต้องการ

ในการใช้งาน เช่น อยากได้น้ำหอมใช้ไปเรียน, ทำงาน, ออกงานสังสรรค์ ดูความเหมาะสมและเลือกให้เหมาะกับการใช้งานด้วยนะคะ น้ำหอมหลักๆ จะมีทั้งน้ำหอมผู้หญิง และ น้ำหอมผู้ชาย แนวของกลิ่นก็จะแตกต่างกัน 

3. กำหนดงบประมาณ และเปรียบเทียบ

วางงบประมาณในการซื้อ เพราะน้ำหอมในตลาดมีราคาค่อนข้างสูง เริ่มตั้งแต่หลักพันต้นๆ หลักหมื่นไปจนถึงน้ำหอมที่สุด Exclusive ราคาหลักแสน หลักล้าน มีนะคะ! ไม่ได้ล้อเล่นแต่ประการใด ส่วนน้ำหอมตามเคาน์เตอร์แบรนด์ ราคาจะอยู่ในช่วงหลักพันต้นๆ ถึงปลายเลยค่ะ ดั้งนั้นการกำหนดราคาจะทำให้เรามีตัวเลือกที่น้อยลง และทำให้เลือกได้ง่ายขึ้นด้วย ที่สำคัญอย่าลืมเปรียบเทียบราคาก่อนซื้อเพื่อให้ได้สินค้าราคาที่ดีที่สุดด้วยจ้า

4. ลองดูตัวเทส หากลิ่นที่ใช่

การเลือกซื้อน้ำหอมนอกจากจะดูสี หรือกล่อง อ่านรีวิวแล้วยังมีปัจจัยสำคัญอีกอย่าที่เราต้องทำด้วยนะคะนั่นคือ การลองเทสกลิ่นของน้ำหอมจากแหล่งต่างๆ เพราะน้ำหอมในแบบของแต่ละคนหรือความชอบในแต่ละคนไม่เเหมือนกัน ยังไงก็อย่าลืมไปลองเทสกลิ่นที่เคาน์เตอร์แบรนด์นั้น หรือซื้อเทสเตอร์มาลองเทสกลิ่นกันก่อนนะคะ

5. หาแหล่งซื้อที่ไว้ใจได้

บอกเลยว่าน้ำหอมของแท้กับของปลอมต่างกันมาก ทั้งในเรื่องของความติดทน กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากจะซื้อที่เคาน์เตอร์แบรนด์ หรือผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการแล้ว ปัจจุบันร้านค้าออนไลน์หลายๆ ร้านก็มีการการันตีของแท้ให้ด้วยเพื่อความมั่นใจว่าของที่เราซื้อไปได้ของแท้แน่นอนจ้า ดีงามมาก และเพื่อความชัวร์อีกนิดก็อย่าลืมดูรีวิวก่อนซื้อทุกครั้งนะคะ แค่นี้ก็สามารถทำให้วิธีการเลือกซื้อน้ำหอมของคุณเป็นไปอย่างง่ายดายแล้วค่ะ

แนะนำ 5 น้ำหอมผู้หญิง กลิ่นเบาสบาย ใช้ได้ทุกวัย

สำหรับผู้หญิงแล้ว น้ำหอมถือเป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพและเสน่ห์ให้คุณผู้ชายต้องเหลียวมองตาม โดย น้ำหอมผู้หญิง ที่ขึ้นชื่อทั้งหลายนั้นไม่ได้มีดีแค่กลิ่นหอมละมุน ติดทนนาน แต่ดีไซน์รูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ต้องสวยงาม สะดุดตา และดึงดูดใจด้วยเช่นกัน เราจึงเลือกสรรมาแนะนำกันกับ 5 น้ำหอมคุณภาพที่เหมาะสมกับคุณผู้หญิงทุกวัย ทุกสไตล์ ส่วนจะมีแบรนด์ไหนบ้างนั้น ไปชมกันคะ

1. Calvin Klein CK One

น้ำหอม Calvin Klein CK One เป็นน้ำหอมที่รู้จักและเป็นที่นิยมอย่างมาก เรียกได้ว่าขึ้นแท่นน้ำหอมสุดคลาสสิก ติดอันดับขายดีทั่วโลกไปแล้ว ใช้ได้ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง น้ำหอมมีกลิ่นเย็นสบาย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวผสมผสานไปกับกลิ่นหอมของผลไม้นานาชนิด เหมาะกับสาวสบายสไตล์ลุย

 

2. Chanel Chance Eau De Tendre

สำหรับ Chanel Chance Eau De Tendre น้ำหอมผู้หญิงกลิ่นหอมสมัยใหม่ ที่นำเอาส่วนผสมจากมวลดอกไม้มาคัดสรรและผสมผสานกันจนได้ความหอม 3 กลิ่นประจำสปริง/ซัมเมอร์ ให้กลิ่นผลไม้อ่อนๆ ให้ความอบอุ่นด้วยกลิ่นอายสไตล์คุณหนู กลิ่นสดชื่นเหมาะสำหรับวัยรุ่น

 

3. Coach the Fragrance EDT

COACH NEWYORK น้ำหอมรุ่นใหม่ล่าสุดเปิดตัวในปี 2016 กลิ่นหอมหวานโดดเด่นด้วยราสเบอร์รี่ ให้กลิ่นสดชื่น เย้ายวน มีความเซ็กซี่เบาๆ กลิ่นหอมเย็นฉ่ำเหมาะกับสาวๆ ที่ชอบกลิ่นหอมเบาบางแต่เซ็กซี่นิด ๆ

 

4. Clinique Happy

Clinique Happy ที่แค่ได้ยินชื่อก็ฟีลกู๊ดแล้ว! จะมีอะไรดีไปกว่าน้ำหอมที่เราฉีดแล้วมีความสุขอีกล่ะ? แฮปปี้ตัวนี้เป็นน้ำหอมแนวสดชื่นตัวดังของโลก ที่ขายดีมาตั้งแต่ปี 1997 เป็นน้ำหอมที่ให้ความรู้สึกสบายๆ เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยผลไม้ตระกูลซิตรัส ดอกไม้สีขาว และดอกกุหลาบ เป็นสไตล์เฟมินีนที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ!

 

5. Calvin Klein (Eternity)

ETERNITY กลิ่นที่สาวๆ หลายคนน่าจะชื่นชอบ นั่นก็คือกลิ่นสดชื่น อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ ในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ กลิ่นติดทนนาน เหมาะกับสาวสมัยใหม่ พร้อมลุยและมั่นใจในตัวเอง ให้ความคลาสสิค แต่ยังคงแฝงไปด้วยความเป็นผู้ใหญ่นิดๆ

แนะนำ 5 น้ำหอมผู้ชายยอดฮิต กลิ่นสดชื่น ชวนหลงใหล

หากจะเปรียบน้ำหอมเสมือนฟีโรมอนของสัตว์ที่ใช้เป็นเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามแล้วละก็ การเลือกกลิ่น น้ำหอมผู้ชาย ให้เหมาะกับบุคลิกแต่ละคน ก็คงเป็นเรื่องสำคัญไม่ใช่น้อย แม้สุภาษิตไทยจะบอกว่า “คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง” แต่หากเติมกลิ่นที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ด้วยล่ะก็ สาวๆ ที่ไหนจะไม่ชอบคุณล่ะ ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปดู 5 น้ำหอมยอดนิยม ที่คุณผู้ชายควรมีไว้ในครอบครองกัน

1. Davidoff Cool Water

เป็นหนึ่งในน้ำหอมยอดนิยมที่ขายดีที่สุด เหมาะสำหรับหนุ่มที่ไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นฉุน แต่ชอบน้ำหอมกลิ่นสดชื่น เย็นสบาย ด้วยเสน่ห์ของความหอมที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป จึงเป็น น้ำหอมที่ขายดีที่สุดของ Davidoff ก็ว่าได้ สำหรับขนาด 75 ml. ราคาประมาณ 1,385 บาท

 

2. Bvlgari Extreme Pour Homme

น้ำหอมสำหรับผู้ชายจากแบรนด์ Bvlgari ที่ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วยส่วนผสมอย่าง ชาดาร์จีริง เครื่องเทศนานาชนิด ผสมผสานกับชะมด ทำให้ฉีดแล้วไม่ฉุน ซึ่งถือเป็นลักษณะเฉพาะตัวของกลิ่นนี้เลย และที่สำคัญความหอมของกลิ่นไม้ ยังช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย สำหรับขนาด 100 ml. ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท

 

3. Giorgio Armani Acqua Di Gio

น้ำหอมกลิ่นนี้เหมาะสำหรับหนุ่มผู้ชื่นชอบความเรียบง่าย รักอิสระ รักสันโดษ มีความสุขอยู่กับธรรมชาติและการผจญภัย ด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของส้ม มะนาวและเฮดิออน (สกัดจากดอกมะลิ) พร้อมกลิ่นหอมผ่อนคลายของผลอินทผาลัม และกลิ่นน้ำทะเล สุดท้ายเป็นกลิ่นหอมที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น จนกลายเป็นกลิ่นหอมที่ลงตัวสำหรับผู้ชายสุดๆ สำหรับขนาดเล็กสุดมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ประมาณ 2,285 บาท

 

4. Chanel Bleu De Chanel

ใครอยากให้สาวรักสาวหลงจนอยากอยู่แนบชิดคุณตลอดเวลาแล้วละก็ ลองน้ำหอมจากชาแนลตัวนี้เลย ด้วยสัมผัสความหอมของพันธุ์ไม้อันทรงเสน่ห์น่าหลงใหล ความหอมอันไร้กาลเวลา ผลลัพธ์ที่ได้คือกลิ่นหอมสดชื่นแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับขนาดเล็กสุด 70 ml. ราคาประมาณ 2,425 บาท

 

5. Hugo Boss Bottled

เป็นน้ำหอมผู้ชายที่ให้กลิ่นหอมอโรม่า สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมสดชื่น คมชัดด้วยกลิ่นอบอุ่นจากโน๊ตไม้ ให้ความหอมในสไตล์คลาสสิก ผสมผสานกับกลิ่นท็อปโน้ตของแอปเปิ้ลและซิตรัส จนได้ออกมาเป็นกลิ่มหอมที่แสดงถึงความเป็นชายได้อย่างลงตัว สำหรับขนาด 100 ml. ราคาประมาณ 2,775 บาท

เคล็ดลับฉีดน้ำหอมให้ติดทน อยู่ได้นานทั้งวัน

ฉีดตามตำแหน่งชีพจร

จะว่าไปแล้วตำแหน่งการฉีดน้ำหอมก็เป็นสิ่งสำคัญนะคะ เพราะถ้าประพรมกลิ่นหอมถูกจุดล่ะก็จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดมัดใจคนรอบข้างได้ดีเลยค่ะ ดั่งดอกไม้ที่ผึ้งทั้งหลายต่างดอมดม เรามาดูกันดีกว่าว่าตำแหน่งยุทธศาสตร์ฉีดน้ำหอมของผู้หญิงกับผู้ชายเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด มีตำแหน่งและวิธีการฉีดที่เหมือนหรือต่างกันนะ?

ซึ่งแต่ละจุดของร่างกายจะมีอุณหภูมิแตกต่างกันไป บริวณที่มีอุณหภูมิสูง(สีแดง) จะช่วยขลับกลิ่นของน้ำหอมให้เด่นชัดและติดทนมากที่สุด แต่ข้อควรระวัง คือ ไม่ควรประโคมน้ำหอมบริเวณ red zone มากเกินไป เพราะ จากกลิ่นที่เย้ายวน อาจกลายเป็นกลิ่นฉุน สร้างความรำคาญกับคนรอบข้างรำคาญแทนนะคะ

สำหรับผู้ชาย

จุดที่เหมาะสมที่สุด ได้แก่ ใต้กราม ไหล่และลำคอ (พื้นที่สีแดง) ข้อมือ หน้าอก (พื้นที่สีเหลือง) และ ข้อพับแขน แขนด้านใน (พื้นที่สีเขียว)

 

น้ำหอม

 

สำหรับผู้หญิง

จุดที่เหมาะสมได้แก่ บริเวณหลังใบหู ลำคอ หน้าอก (พื้นที่สีแดง) ไหล่หรือไหปลาร้า ข้อมือ หลังข้อพับหัวเข่า (พื้นที่สีเหลือง) และ ข้อพับแขน บริเวณใต้กระบังลม หน้าแข้ง ข้อเท้า (พื้นที่สีเขียว)

 

วิธีเลือกซื้อน้ำหอม

 

ใช้วาสลีน

ทาบางๆ บริเวณที่ต้องการฉีดน้ำหอม ก่อนประพรมน้ำหอมลงไปก็ได้ค่ะ จะช่วยให้กลิ่นน้ำหอมติดผิวมากขึ้น ยังใช้กับคนที่มีผิวแห้งได้ด้วยนะคะ สำหรับฤดูร้อนนั้น ความร้อนหรืออากาศร้อนจะช่วยเน้นกลิ่นของน้ำหอมให้แรงขึ้น น้ำหอมที่เหมาะกับฤดูนี้มากที่สุด ควรจะเป็นน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ไม่เข้มข้นมาก ผสมกลิ่นอโรมานิดๆ จากสมุนไพร ,กลิ่นซิตรัสหรือกลิ่นดอกไม้ก็ได้ค่ะ

ฉีดหลังอาบน้ำ

หลังอาบน้ำผิวเราจะมีความชุ่มชื่น การฉีดน้ำหอมหลังอาบน้ำจะช่วยให้น้ำหอมซึมเข้ากับผิวได้ง่าย และติดทนนานมากขึ้นค่ะ

ได้เทคนิคและวิธีเลือกซื้อน้ำหอมที่มีคุณภาพ ในการสร้างมนต์เสน่ห์ด้วยน้ำหอมไว้มัดใจคนรอบข้างไปแล้ว คุณผู้ชายและคุณผู้หญิงก็อย่าลืมนำไปใช้กันนะคะ รับรองว่ากลิ่นน้ำหอมจะติดทนนาน แต่ไม่ฉุนเกินไป แถมใครก็ตามที่อยู่ใกล้คุณ จะต้องเคลิ้มไปกับกลื่นหอมบนตัวคุณจนอยากเข้ามาทำความรู้จักด้วยแน่นอน สามารถเช็ค เปรียบเทียบราคาน้ำหอมก่อนตัดสินใจซื้อได้ง่ายๆ ที่ Priceza.com