หน้าแรก คู่มือเลือกซื้อสินค้า Power Bank มีกำลังไฟให้เลือกแบบไหนบ้าง มากสุดและน้อยสุดที่เท่าไร

Power Bank มีกำลังไฟให้เลือกแบบไหนบ้าง มากสุดและน้อยสุดที่เท่าไร

2180
Power-Bank-กำลังไฟขนาดน้อยและมากที่สุดคือขนาดเท่าไหร่บ้าง

Power Bank เป็นแบตเตอรี่สำรองชนิดหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในโลกยุคดิจิทัล เพราะทุกวันนี้เรียกได้ว่าสมาร์ทโฟนแทบจะเป็นปัจจัยที่ 5 ที่เราทุกคนจำเป็นจะต้องมีพกพาติดตัวไว้แทบทุกเพศทุกวัย เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการติดต่อสื่อสารกับสมาชิกในครอบครัว การทำงาน หรือติดต่อกับเพื่อน ๆ แน่นอนว่าสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กระแสไฟฟ้าในการเติมประจุพลังงานตรงเข้าสู่ตัวเครื่อง เพื่อให้อุปกรณ์สามารถใช้งานได้ตามที่ต้องการ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พอผ่านการใช้งานไประยะเวลาหนึ่งแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนจะค่อย ๆ กำลังไฟหมดลง

ซึ่งในยุคสมัยก่อนที่ยังไม่มีเพาเวอร์แบงค์นั้น ก็อาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและไม่ค่อยสะดวกพอสมควร เมื่อแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือหมดลงในขณะที่อยู่นอกบ้าน หรือในสถานที่ที่ไม่สามารถชาร์จไฟได้ แตกต่างกันกับการใช้งานสมาร์ทโฟนในยุคสมัยนี้ เพราะสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในทุกวันนี้ไม่ใช่ความกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดหรือไม่ แต่คือจำนวนปริมาณกำลังไฟสำรอง หรือนิยมเรียกว่าความจุแบตเตอรี่ที่เราต้องตัดสินใจซื้อ เพื่อให้มีความจุเพียงพอต่อพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของตัวเราเองต่างหาก

power bank-ยี่ห้อไหนดี

ขนาดกำลังไฟของ Power Bank มีกี่ขนาด อะไรบ้าง

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องคำนึงถึงมาเป็นอันดับต้น ๆ ในการเลือกซื้อก็คือ ขนาดความจุของปริมาณแบตสำรอง ซึ่งในการแข่งขันกันระหว่างผู้ผลิตสินค้าชนิดนี้ทำให้จำนวนเพาเวอร์แบงค์ที่มีให้เลือกซื้อนั้น ค่อนข้างมีเป็นจำนวนมาก และมีความหลากหลายมากพอสมควร กำลังไฟของเพาเวอร์แบงค์มีให้เลือกใช้งานกันตั้งแต่ 800 – 40,000 mAh และราคาก็แตกต่างกันไปตามความจุ ตลอดจนเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาในแบตสำรองแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ทำให้ราคาซื้อขายกันตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน

ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วขนาดความจุดที่คนทั่วไปมักนิยมซื้อมาใช้งานก็จะอยู่กันที่ปริมาณความจุประมาณตั้งแต่ 5,000 mAh ไปจนถึง 20,000 mAh เพราะเป็นช่วงปริมาณความจุที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมที่หลากหลาย เหมาะกับพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนของคนส่วนใหญ่โดยทั่วไป หลายคนอาจจะสงสัยว่าก็ในเมื่อราคาของแบตเตอรี่สำรองนั้นมันไม่ได้แตกต่างกันมากจนเกินไป ระหว่างความจุที่ประมาณ 5,000 – 20,000 mAh กับที่ขนาดกำลังไฟในช่วง 20,000 – 40,000 mAh แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่เลือกซื้อที่ความจุสูงสุดไปเลย นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าปริมาณความจุที่มากเกินไปนั้น บางทีก็ไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มกำลังเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นต่อให้แพงกว่าไม่มาก แต่ก็เป็นส่วนต่างของราคาที่เกินความจำเป็นในการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันนั่นเอง

powe bank-ขนาดเล็กที่สุด1

นอกจากกำลังไฟสำรอง ปัจจัยใดที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม

สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาประกอบการเลือกซื้อ ได้แก่

  1. ความต้องการของตนเองในการใช้งานแบตเตอรี่สำรอง ควรเลือกซื้อขนาดความจุที่สนองตอบต่อพฤติกรรมการใช้งานของตนเองให้มากที่สุด
  2. ชนิดของแบตเตอรี่ที่นำมาทำเพาเวอร์แบงค์ โดยทั่วไปมีอยู่ 2 ชนิด คือ Lithium Ion และ Lithium Polymer ซึ่งมีข้อจำกัด ข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปในแต่ละชนิด ต้องศึกษาและเลือกใช้ให้ตรงกับความต้องการ
  3. ปริมาณพอร์ตที่ใช้เชื่อมต่อกับตัวอุปกรณ์ที่ต้องการชาร์จ และชนิดของสายเสียบ เพราะแบตเตอรี่สำรองบางรุ่น บางยี่ห้อก็มีสายเสียบเชื่อมมาในตัว ดังนั้นต้องเลือกให้สามารถต่อใช้งานกับอุปกรณ์ที่เรามีได้
  4. รูปแบบการชาร์จไฟ ต้องการแบบธรรมดา หรือต้องการแบบชาร์จได้ไวเป็นพิเศษ ซึ่งราคาก็ย่อมแตกต่างกันตามไปด้วย
  5. รูปทรงและขนาดของเพาเวอร์แบงค์ ยิ่งมีปริมาณความจุมาก ก็มีโอกาสสูงที่ขนาดแบตเตอรี่สำรองจะมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย และในเรื่องของรูปทรงควรเลือกประเภทที่เป็นทรงแบน เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ในการระบายความร้อนของตัวเครื่องได้

เพาเวอร์แบงค์ เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ในตัวเองมากมายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าคุณสมบัติที่มีก็อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ ซึ่งตัวผู้บริโภคเองจะต้องเป็นคนที่รู้ดีที่สุดก่อนว่าตนเองนั้นเหมาะสมกับการใช้งานแบตเตอรี่สำรองประเภทใด แล้วจึงค่อยทำการเลือกเฟ้นสินค้าที่ตรงตามความต้องการของตนเองให้มากที่สุด เพื่อความคุ้มค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ต้องเสียไป