หน้าแรก คู่มือเลือกซื้อสินค้า เรื่องน่ารู้ สายชาร์จธรรมดา กับแบบชาร์จเร็ว แตกต่างกันยังไง?

เรื่องน่ารู้ สายชาร์จธรรมดา กับแบบชาร์จเร็ว แตกต่างกันยังไง?

36523

เรื่องน่ารู้ สายชาร์จธรรมดา กับแบบชาร์จเร็ว แตกต่างกันยังไง?

สายชาร์จ กับโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อกันและกัน ยิ่งมือถือถูกพัฒนาให้มีความทันสมัยมากเท่าไหร่ที่ชาร์จก็ทันสมัยขึ้นมากเท่านั้น โดยความทันสมัยของที่ชาร์จที่ทำให้เราต่างประทับใจกันก็คือ สามารถชาร์จแบตได้เร็วขึ้น เนื่องจากเราใช้มือถือกันเยอะและใช้กันเกือบทั้งวันจึงทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว การมีที่ชาร์จแบตสามารถชาร์จได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหรือแค่ชั่วโมงกว่าๆ จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์คนสมัยใหม่ ว่าแต่สายแบบชาร์จเร็วกับแบบธรรมดานั้นต่างกันมากแค่ไหนและสามารถใช้แทนกันได้หรือไม่ ไปดูกัน

 

ความเร็ว-สายชาร์จ

สายชาร์จมีกี่แบบ?

สายชาร์จมือถือ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะ นอกจากจะไว้ชาร์จแบตเตอรี่มือถือแล้ว ยังสามารถไว้ใช้ถ่ายโอนข้อมูลได้อีกด้วย ซึ่งเมื่อก่อนโทรศัพท์ Android มีแค่หัวเสียบ Micro-USB เท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้จะมี Type-C เพิ่มขึ้นมา และแบบเทคโนโลยี Fast Charge ซึ่งจะทําให้โทรศัพท์ชาร์จเร็วเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า สายชาร์จที่เราเห็นทั่วไป แบ่งได้หลักๆ เลยก็จะมีทั้งหมด 4 แบบ ดังนี้

  • สายชาร์จ Lighting : เป็นสายชาร์จที่มีลักษณะเป็น Port 30 Pin สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple ใช้สำหรับ iPhone ตั้งแต่ iPhone 5 มาถึงรุ่นปัจจุบัน และ iPod touth 5 Gen, New iPod Nano และยังสามารถใช้กับ iPad ได้ด้วย โดยภายในพอร์ตจะประกอบด้วยขาที่ใช้สำหรับส่งสัญญาณต่างๆ เช่น สัญญาณเสียง รวมถึงสัญญาณ VDO ด้วย
  • สายชาร์จ Micro-USB : เป็นสายชาร์จมือถือ Android สมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นมือถือส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นเก่าๆ ที่รองรับสายชาร์จ Micro-USB และเป็นที่นิยมกันอย่างมาก ปัจจุบันมีออกมาให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งแบบสายยาวที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน แบบสายถักที่มีความคงทนสวยงาม สามารถใช้งานได้ดี หัวไม่หักง่าย และแบบสายที่รองรับระบบ Fast Charge บางรุ่นยังเพิ่มความแข็งแรงให้สาย ทำให้ไม่พังง่ายอีกด้ว
  • สายชาร์จ Type-C : เป็นสายชาร์จที่ใช้กับมือถือ Android ซึ่งพัฒนาจากสายชาร์จ Micro-USB สายชาร์จชนิดนี้ ถูกพัฒนาให้ชาร์จได้ไวขึ้น และถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าแบบ Micro-USB สายชาร์จประเภทนี้ สามารถเชื่อมต่อแบบกลับด้านได้ ช่วยลดความน่ารำคาญในการพลิกหัวชาร์จกลับด้านไปมา ในเรื่องของการชาร์จไวขึ้น จะต้องใช้ควบคู่กับ Adapter ที่รองรับเทคโนโลยี Fast Charge ด้วยเหมือนกัน ซึ่งปัจจุบันนี้ สายชาร์จ Type-C จะมีมากในมือถือรุ่นใหม่ๆ ในอนาคตก็จะมารองรับแทนสายชาร์จแบบ Micro-USB
  • สายชาร์จ 3 in 1 : เป็นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งเป็นสายชาร์จที่เหมาะสำหรับบุคคลที่มีมือถือหลายเครื่อง แค่พกพาสายชาร์จ 3 in 1 แค่สายเดียว ก็สามารถชาร์จได้ทั้ง Micro-USB , Type-C , Linghting พร้อมๆ กันได้

 

สายชาร์จ

การใช้งาน และ วิธีดูหัวชาร์จเร็ว?

โดยทั่วไปหัวชาร์จแบตนั้น จะมีหน้าตาเหมือนเป็นปลั๊กไฟ ซึ่งการใช้งานนั้น กำลังไฟของหัวชาร์จมีทั้ง Input คือการรับไฟเข้ามาข้างในตัวที่ชาร์จ และ Output จะเป็นตัวรับกระแสไฟ ว่าสามารถทำงานได้ดีแค่ไหน ส่วนใหญ่มีให้เลือกมากที่สุดในตลาดคือ 2.1A (แอมป์) ถ้าเกิดมากกว่านี้ต้องดูว่าอุปกรณ์ที่ใช้ว่ารองรับหรือไม่ เพราะไม่งั้นแล้วอาจจะส่งผลถึงชีวิตได้ เพราะใช้ไฟฟ้ามากเกินไป วิธีการใช้งานให้สังเกตบนหัวชาร์จจะมีตัวหนังสือเล็กๆ ที่เขียนบอกรายละเอียดต่างๆ ไว้ ซึ่งหลักๆ ก็จะบอกถึง กำลังไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้า และอื่นๆ ที่หัวชาร์จสามารถทำงานได้ ซึ่งความสามารถของหัวชาร์จแบตปกติ ในการชาร์จแบตเตอรี่นั้น จะเทียบกับหัวชาร์จที่มีการรองรับการชาร์จเร็วในปัจจุบันไม่ได้เลย เพราะหัวชาร์จเร็วสามารถรชาร์จแบตเตอรี่เข้าสู่อุปกรณ์ได้ภายในเวลาที่รวดเร็ว

ความแตกต่างของสายชาร์จแบบธรรมดาและสายแบบชาร์จเร็ว

  • สายชาร์จแบบธรรมดา : สายสำหรับชาร์จแบบธรรมดาหรือสายแบบ USB Type-A Micro และ USB Type-B Micro เป็นสายที่ใช้กับโทรศัพท์รุ่นเก่า รองรับการจ่ายไฟได้น้อย ทำให้ชาร์จได้ไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสายแบบใหม่ ใช้เวลาชาร์จประมาณ 2 – 4 ชั่วโมง จึงมีหลายคนที่ใช้สายสำหรับรุ่นเก่าของตัวเองไปเสียบกับหัวชาร์จแบบ Fast Charge เพราะอยากชาร์จให้เร็วขึ้น ซึ่งในความจริงแล้วก็สามารถชาร์จได้แต่จะไม่ได้ช่วยให้การชาร์จนั้นเร็วขึ้น เพราะสายรับปริมาณการจ่ายไฟในอัตราที่จำกัด กระแสไฟฟ้าจึงไหลเข้าไปเทียบเท่าการชาร์จแบบใช้หัวชาร์จแบบเดิม ทำให้ระยะเวลาการชาร์จเท่าเดิม
  • สายแบบชาร์จเร็ว : สายแบบชาร์จเร็วคือสาย Type-C เป็นสายที่มีการประกาศให้เริ่มใช้ตั้งแต่ช่วงปี 2014 และถูกนำมาใช้กับโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตออกมาในปัจจุบันนี้ ทำงานควบคู่กับหัวชาร์จแบบ Super Charge หรือ Fast Charge สามารถชาร์จแบตได้เร็วในเวลาเพียงไม่นาน หรือประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าเท่านั้นเอง แต่ถ้าเกิดว่านำสาย Type-C ของตัวเองไปใช้กับหัวชาร์จแบบเก่า กระแสไฟฟ้าก็จะไม่ได้เข้าเร็วเหมือนการใช้หัวชาร์จแบบ Super Charge หรือ Fast Charge เพราะหัวชาร์จแบบธรรมดามีแรงดันไฟน้อย ทำให้ส่งกระแสไฟฟ้ามาได้ไม่มาก แม้ว่าสายจะรับกระแสไฟฟ้าได้มากก็ตาม

 

ความเร็ว-สายชาร์จ1

ข้อดีของสาย Type-C หรือสายแบบชาร์จเร็ว

  • ชาร์จและถ่ายโอนไฟล์ในโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์ PC ได้ สำหรับคนที่ชินกับสายสำหรับชาร์จแบบใหม่คงจะสงสัยว่ามีสายที่เชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊กไม่ได้ด้วยเหรอ คำตอบก็คือมี เพราะเป็นสาย USB แบบธรรมดาที่ผลิตมาเพื่อการชาร์จเท่านั้น
  • ถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลได้มากถึง 10 Gbps นอกจากจะใช้ถ่ายโอนข้อมูลต่าง ๆ ผ่านอุปกรณ์ PC ได้อย่างสะดวกแล้วยังสามารถถ่ายโอนไฟล์ได้จำนวนมากถึง 10 Gbps เช่น ไฟล์ใหญ่ ๆ อย่างวิดีโอ 4K ก็สามารถถ่ายโอนได้แบบสบาย ๆ
  • สามารถถ่ายโอนไฟล์ได้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า สายแบบ Type-C สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่า USB ในเวอร์ชัน 3.0 ได้เร็วถึงสองเท่า หรือแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
  • รองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้า 20V, 5A ซึ่งถือว่ามากกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อเทียบกับที่ชาร์จแบบเก่า และสามารถใช้ร่วมกับโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ ที่มีสายกระแสไฟฟ้า USB Type เดียวกันได้
  • สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็ว จากที่เสียเวลาวันละหลายชั่วโมงไปกับการรอคอยโทรศัพท์ชาร์จแบต ก็สะดวกมากขึ้น เพราะรอไม่นานก็ชาร์จเต็มและสามารถนำมาใช้งานได้แล้ว
  • เชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ททีวีได้ โดยจะต้องเป็นสมาร์ททีวีรุ่นที่รองรับการทำงาน สามารถใช้เล่นเกม ดูหนัง หรือดูรูปภาพในมือถือผ่านสมาร์ททีวีก็ได้
  • เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้หลายชนิด นอกจากจะใช้เชื่อมต่อกับสมาร์ททีวีแล้วยังใช้เชื่อมต่อกับแท็บเล็ต แล็ปท็อป หรือคอมพิวเตอร์ได้
  • ชาร์จได้สองทาง หากใครที่เคยเจอปัญหาเสียบสายไม่ถูกฝั่งสักทีจะต้องถูกใจ Type-C อย่างแน่นอน เพราะสายชนิดนี้ออกแบบมาให้เสียบใช้งานได้ทั้งสองฝั่ง ไม่ว่าจะพลิกขึ้นหรือคว่ำลงก็เสียบเข้า ช่วยให้คุณไม่ต้องลุ้นว่าจะเสียบถูกทางหรือไม่อีกต่อไป เพราะไม่ว่าจะเสียบทางไหนก็เข้าแน่นอน

 

สายสำหรับชาร์จ แบบชาร์จเร็ว แตกต่างกับแบบธรรมดาค่อนข้างมาก และมีประโยชน์หลายอย่าง เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องแข่งกับความเร่งรีบหรือต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ ก็ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จแบตนานๆ อีกต่อไป และสามารถถ่ายโอนข้อมูลหรือส่งไฟล์ต่างๆ ได้ง่ายผ่านแท็บเล็ตหรือโน้ตบุ๊กทุกที่ทุกเวลา การเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือในสมัยนี้จึงไม่ใช่แค่การเลือกฟังก์ชันต่าง ๆ ของโทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังต้องเลือกจากการทำงานของที่ชาร์จด้วย ว่าช่วยอำนวยความสะดวกได้มากแค่ไหน

แนะนำอุปกรณ์ชาร์จแบตมือถือ ระบบ Fast Charge ทั้งสายชาร์จ และหัวชาร์จ แบบ Android และ IOS

สายชาร์จไอโฟน Apple USB-C to Lightning Cable

สายชาร์จไอโฟน Apple USB-C to Lightning Cable

แน่นอนว่าใครที่กำลังใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของแอปเปิ้ลที่เป็นระบบ IOS อยู่ อย่าง iPhone, iPad สายชาร์จไอโฟนแบบ USB-C รุ่นนี้เป็นสายชาร์จสำหรับ iPhone10 – iPhone13 ที่ถูกออกแบบมาให้รองรับกับหัวชาร์จไว (18 วัตต์ขึ้นไป) ซึ่งสายที่แถมมากับตัวเครื่องจะเป็นหัว USB ที่เป็นสายชาร์จปกติ โดยนอกจากคุณสมบัติที่รองรับการชาร์จไวแล้ว ยังเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับการเชื่อมต่อมือถือเข้ากับ Macbook ทั้งนี้มีราคาค่อนข้างสูง เพราะเป็นสายชาร์จถูกลิขสิทธิ์ของแบรนด์ Apple โดยตรง ซึ่งในเรื่องของคุณภาพนั้นกลางๆ ถ้าใช้งานแบบถนอมหน่อยใช้ได้นานแน่นอน แต่ถ้าติดนิสัยชอบดึงสายชาร์จ ม้วนเก็บ พับไปมา ตัวสายจะไม่ค่อยคงทนเท่าไรนัก ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่เป็นสาวกตัวจริงที่ต้องการสายชาร์จไวของทางแบรนด์โดยตรงมากกว่า ซึ่งถ้าอยากได้ความทนทานอาจต้องมองหาสายชาร์จที่มีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ จะดีกว่า

ยี่ห้อ / รุ่น
Apple รุ่น USB-C to Lightning Cable
ความยาวสาย
1 เมตร
วัสดุ
ยางเทอร์โมพลาสติก
ราคา 790 บาท

 

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น และเงื่อนไขการจำหน่ายของร้านค้า

สายชาร์จไว Belkin BOOST USB-C

สายชาร์จไว Belkin BOOST USB-C

ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องแบรนด์ ว่าต้องเป็นสาชาร์จจากแบรนด์มือถือนั้นโดยตรง สายชาร์จไวยี่ห้อ Belkin เป็นอีกตัวเลือกที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความทนทานได้ดี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสาย USB-C to Lightning Cable จาก Apple ที่สายไม่ค่อยคืนตัวเวลาม้วนหรือพับเก็บ สายชาร์จของ Belkin เขาเคลมว่าเป็นสายซิลิโคนที่ทนกว่าสายชาร์จทั่วไปถึง 25 เท่า และยกระดับการชาร์จให้เร็วขึ้นใน 26 นาที ต่อปริมาณแบทที่ได้ 0-50% เมื่อทดลองชาร์จกับมือถือ Samsung S21 Ultra ที่มีความจุแบต 5,000mAh และอาจชาร์จได้เร็วขึ้นเมื่อใช้ชาร์จกับไอโฟนที่มีความจุแบตน้อยกว่า ที่สำคัญตัวสายยืดหยุ่นค่อนข้างดีทีเดียว แม้พับหรือม้วนเก็บขนาดไหนสายก็กลับมาคืนตัวไม่คดงอ ซึ่งลดปัญหาสายไฟขาดในได้ดีมากๆ

ยี่ห้อ / รุ่น
Belkin BOOST USB-C
ความยาวสาย
1 เมตร
วัสดุ
ซิลิโคน
ราคา 490 บาท

 

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น และเงื่อนไขการจำหน่ายของร้านค้า

สายชาร์จ MOPHIE USB-C To USB-C

สายชาร์จ MOPHIE USB-C To USB-C

หมดปัญหาเรื่องสายยาวไม่พอ สานชาร์จยี่ห้อ Mophie เป็นสายชาร์จแบบ USB-C To USB-C ใช้กับมือถือ ซัมซุง แท็บเล็ต ไอแพด ไอโฟน (รุ่น 14 ขึ้นไป) ได้ ที่พิเศษคือมีหลายความยาวให้เลือกตั้งแต่ 1 – 3 เมตร โดยความยาว 1.5 เป็นความยาวที่กำลังเหมาะมากๆ ในการชาร์จบนโต๊ะทำงาน หรือชาร์จแล้วเล่นบนเตียง (ไม่แนะนำ) หรือถ้าอยากได้ความยาว 3 เมตร MOPHIE เขาก็ไม่ทำให้คุณต้องหงุดหงิดกับปัญหาสายพันกันตอนเก็บหรือม้วนเลย ตัวสายจะผลิตจากไนล่อนถักที่เชื่อมกับวัสดุแบบอะลูมิเนียมเข้าไป ทำให้สายทนทานมากๆ แข็งแรงและป้องกันปัญหาสายบิดสายไฟขาดในได้ดี ราคาไม่ถูกแต่คุณภาพคุ้มค่าแน่นอน

ยี่ห้อ / รุ่น
MOPHIE USB-C To USB-C
ความยาวสาย
1.5 เมตร
วัสดุ
ไนล่อน
ราคา 790 บาท

 

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น และเงื่อนไขการจำหน่ายของร้านค้า

หัวชาร์จเร็ว AUKEY Omnia 90W 3-Port

สำหรับใครที่มองหาหัวชาร์จเร็ว ที่สามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์ได้อย่างครอบคลุมทุกรูปแบบ ชนิดที่เรียกว่า ‘หัวเดียวจบ’ หัวชาร์จของ AUKEY เป็นที่นิยมมากในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ และกลุ่มนักศึกษาที่ต้องใช้ทั้ง Macbook แท็บเล็ต ไอแพด และมือถือ ทำงาน หรือเรียนไปพร้อมๆ กัน ซึ่งการจะพกหัวชาร์จให้ครบทุกอุปกรณ์ก็เป็นอะไรที่ไม่สะดวกและยุ่งยากมากๆ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นภาระของตัวเอง ก็ควรมี AUKEY รุ่น Omnia 90W ตัวนี้พกไว้จะง่ายกว่า โดยเขาจะมาพร้อมกับ 3 พอร์ตด้วยกัน USB-C 2 พอร์ต และ USB-A 1 พอร์ต ซึ่งอย่างที่บอกไปข้างต้นว่ารองรับการชาร์จทุกอุปกรณ์ และเพิ่มความเร็วในการชาร์จได้สูงสุดถึง 90W ปรับการจ่ายไฟแบบอัตโนมัติ สามารถเสียบชาร์จพร้อมกันได้ทั้ง 3 พอร์ตโดยไม่ระเบิด แถมขนาดเล็ก เบามาก Business Design เรียบหรู สะดวก คล่องตัว พกง่าย

ยี่ห้อ / รุ่น
AUKEY Omnia 90W 3-Port
การรองรับ
iOS, Android, Mac os
พอร์ต
USB-C 2 พอร์ต และ USB-A 1 พอร์ต
ราคา 1,890 บาท

 

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น และเงื่อนไขการจำหน่ายของร้านค้า

บทส่งท้าย

เพราะปัจจุบันเราต้องอยู่กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อยู่ตลอดเวลา ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เรามักจะใช้แค่อุปกรณ์เหล่านี้ไว้สำหรับติดต่อสื่อสารเป็นหลัก แต่ด้วยเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีก็พัฒนาไปไกลมาก เราต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้ทำงานทั้งวัน ในขณะเดียวกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รูปแบบพกพาอย่าง โน๊ตบุ๊ค มือถือ แท็บเล็ตนั้นมีขีดจำกัดในเรื่องของระยะเวลาการใช้งาน ที่แม้ความจุแบตเตอรี่จะถูกพัฒนาเท่าไรก็ไม่เพียงพอต่อการใช้งานอยู่ดี ดังนั้น ‘สายชาร์จเร็ว’ จึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่คุณควรพกติดตัวไว้อย่างยิ่งสำหรับยุคนี้ เพราะต่อให้อุปกรณ์ของคุณจะมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาขนาดไหน แต่เพียงระยะเวลาแค่ 10-20 นาทีสายชาร์จเร็วจะช่วยทำให้คุณใช้งานพวกมันได้อย่างต่อเนื่องได้ทั้งวัน และสะดวกมากขึ้นในชีวิตประจำวัน

บทความที่เกี่ยวข้อง