
ประเทศจีนเป็นประเทศผู้นำการค้าระดับโลก เปรียบเสมือน “โรงงานโลก” เลยก็ว่าได้ ทั้งยังเป็นฐานการผลิตรายใหญ่ของธุรกิจชั้นนำมากมาย การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัส (โควิด-19) ที่ขยายวงกว้าง
ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าต่างๆไม่ว่าจะเป็น ด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรม การเกษตร เป็นต้น และส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าที่ต้องระงับการนำเข้ารวมถึงส่งออก เนื่องจากประเทศจีนจำต้องปิดประเทศ เพื่อจำกัดการแพร่ระบาด
นำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเป็นอันดับ 1
แน่นอนว่า ประเทศไทยต้องได้รับผลกระทบการนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างแน่นอน เนื่องจากประเทศจีน ถือเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าอันดับ 1 ของประเทศไทย
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2562 ประเทศไทยนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนมูลค่ารวมกว่า 1,579,978.28 ล้านบาท (ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร)
นอกจากนี้ยังพบว่านักช้อปออนไลน์บางรายโดนยกเลิกส่งสินค้า ที่เป็นร้านค้าจากประจีน เนื่องจากผลกระทบการปิดระบบขนส่งของประเทศ
บางกรณีได้รับสินค้าช้า เนื่องจากสินค้าในมาเก็ตเพลส (Marketplace) ส่วนใหญ่เกินครึ่งเป็นสินค้าที่มาจากประเทศจีน
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การขนส่งล่าช้า อาจเป็นมาจากบริษัทขนส่งต่างต้องเตรียมรับมือ เพิ่มมาตราการความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการ อ้างอิงจากไปรษณีย์ไทย ที่ได้ยกระดับมาตราการด้านอาชีวอนามัยภายในศูนย์ไปรษณีย์
สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ ที่ได้ทำการฝากส่งหรือรอรับสิ่งของจากต่างประเทศ ด้วยการพ่นยาฆ่าเชื้อโรคภายในสถานที่ปฏิบัติงานและพัสดุขาเข้าระหว่างประเทศจากทุกต้นทางประเทศทุกชิ้น
ไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบ ต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโคโรน่าไวรัส (โควิด-19) เช่นเดียวกัน
สินค้าด้านเทคโนโลยีอย่างโทรศัพท์สมาร์ทโฟน รถยนต์ขาดตลาด สินค้าเกษตร ต่างก็เกิดปัญหาตามมา ตัวอย่างเช่นการปิดโรงงาน ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) และ เพกาตรอน (Pegatron) ทำให้ไอโฟน และแอร์พอดขาดตลาด
ทั้งยังต้องเลื่อนการเปิดตัว iPhone 12 ที่คาดการณ์ว่าเป็นผลพวงจากการระบาด ที่เกิดจากปัญหาด้าน Supply Chain รวมทั้งต้องเลื่อนส่งมอบรถยนต์ Tesla Model 3 จำนวนหนึ่งออกไป
ประเทศอินโดนีเซีย ต่างกังวลกับสถานการณ์และทำให้ราคากระเทียมพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า หรือกว่า 70% เนื่องจากอินโดนีเซียนำเข้ากระเทียมจากประเทศจีนคิดเป็นสัดส่วน 90% จากการนำเข้ากระเทียมทั่วโลกทั้งหมด
เช่นเดียวกับฮ่องกงที่ผู้คนต่างแห่ซื้อกระดาษทิชชู่จนขาดตลาด เพราะกลัวโรงงานในประเทศจีนจะผลิตสินค้าไม่ทัน
เหตุการณ์การแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส (โควิด-19) พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าประเทศต่างๆในโลกต่างต้องพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ จึงได้รับผลกระทบเป็นห่วงโซ่อุปทานการผลิตของโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าตอนนี้ราชการและภาคธุรกิจจีน รวมถึงท่าเรือและด่านศุลกากรเริ่มกลับมาดำเนินงานแล้ว ซึ่งทำให้หลายฝ่าย คาดว่าจีนจะสามารถกลับมาส่งออกสินค้าได้อีกครั้ง
หากแต่ยังไม่สามารถกลับมาผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะโรงงานส่วนใหญ่ยังคงปิดหรือกลับมาผลิตเพียงบางส่วน เนื่องจากการขนส่งภายในจีนยังถูกปิดกั้น
ดังนั้น แม้ท่าเรือสินค้าและด่านศุลกากรส่วนใหญ่จะเปิดทำการตามปกติแล้ว แต่ข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศยังคงเป็นปัญหาต่อการส่งชิ้นส่วนไปยังประเทศคู่ค้าอยู่บ้าง
จากสถานการณ์ทั่วโลกตอนนี้ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ระบบห่วงโซ่อุปทานการผลิตของโลกจะสร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจโลกได้เพียงไหน ยังคงต้องจับตา
ข้อมูลอ้างอิง :
–กรมศุลกากร
–ประชาชาติธุรกิจ
–thailandpost
สนใจเริ่มต้นขายของออนไลน์ โดยให้ Priceza เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา? สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อให้เราทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยในด้านไหนได้เลยค่ะ